Half-year resolution :
บทเรียนชีวิตที่ได้จากครึ่งปีแรก

เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือทำ
แต่ถ้าเราพยายามทำต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
 เราจะเดินถึงเป้าหมายได้ในที่สุด

เผลอแป๊ปเดียวพวกเราทุกคนเดินทางผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตอนต้นปีมีใครตั้งเป้าหมายอะไรไว้กันบ้างคะ? บางคนอาจเดินถึงเป้าหมาย บางคนกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วาดไว้ แต่เราเชื่อว่า บางคนรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไปในช่วงต้นปีอาจไม่ได้สำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้อาจเลือนรางเต็มที แต่ไม่เป็นไรเลย เพราะชีวิตคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ 

ทุกคนรู้ไหมคะการตั้งเป้าหมายใหม่อาจไม่ได้หมายความว่าต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป แต่เราอาจจะนำสิ่งที่เราทำและอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ มาทบทวน พัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เราเดินไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จอาจจะไม่ได้เกิดจากครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าหากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เราจะเดินถึงเป้าหมายในที่สุดค่ะ

คนเราทุกคนกว่าที่จะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ อาจจะต้องใช้ทั้งความอดทน ความพยายาม และจังหวะชีวิต เราอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว แต่เราเชื่อว่าถ้าเราไม่ย่อท้อต่อความฝันสิ่งที่เราทำจะไม่มีวันสูญเปล่า ไม่ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม เพราะทุกสิ่งที่เราทำ จะให้บทเรียนที่แสนล้ำค่าเสมอ เพื่อที่จะทำให้เราเติบโตและเปลี่ยนแปลงชีวิตเราให้ดีขึ้นกว่าเดิม

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนย้อนกลับไปทบทวนบทเรียนชีวิตครึ่งปีแรก และพามาหาคำตอบกันว่าทำไมการเริ่มต้นใหม่อาจไม่ได้จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป รวมถึงมาบอกเคล็ด (ไม่) ลับในการพิชิตเป้าหมายครึ่งปีหลังกันค่ะ

half-year-resolution

ครึ่งปีที่ผ่านมาให้บทเรียนอะไรกับเรา 

พวกเราทุกคนใช้ชีวิตผ่านไปครึ่งปีแรกแล้ว ไหนเมื่อต้นปีใครตั้งเป้าหมายเอาไว้บ้างคะ แล้วเป้าหมายของเราสำเร็จไปกี่ข้อแล้ว เราทุกคนต่างมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทำให้เราให้ความสำคัญกับเรื่องในชีวิตแตกต่างกันด้วย บางคนอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่อง การงาน บางคนอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียน บางคนอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องความรัก หรือบางคนอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องความสุขในชีวิต 

ไม่ว่าเป้าหมายที่เราวางไว้จะทำไปถึงไหน หรืออาจจะไม่ได้ทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เลย เราก็เชื่อว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตที่ทุกคนต้องเจอ สามารถให้บทเรียนกับเราได้เสมอ เราจึงอยากชวนทุกคนมาคิดทบทวนบทเรียนชีวิตที่ได้จากครึ่งปีแรกเพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตครึ่งปีหลังได้อย่างมีสติ มีเป้าหมาย และสามารถเดินไปในเส้นทางชีวิตที่ตัวเองปรารถนาได้ค่ะ 

ความสำเร็จอาจจะไม่ได้เกิดจากครั้งแรกที่ลงมือทำ

ไม่ว่าเราจะมีเป้าหมายอะไรในชีวิต ถึงแม้เราจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันอาจจะไม่ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่เราลงมือทำ เราอาจจะต้องใช้ความพยายามนับร้อยนับพันครั้ง เพื่อให้มันประสบความสำเร็จ อาจจะมีวันที่เราหมดแรงใจ หมดพลัง ไม่อยากสู้ต่อ แต่เชื่อสิถ้าเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยอมแพ้สักวันเราจะประสบความสำเร็จในสิ่งนั้นแน่นอน 

ความสำเร็จที่เราอยากให้เกิดขึ้น บางครั้งอาจต้องใช้ความอดทน ความพยายาม ความมุ่งมั่นด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ และรอจังหวะชีวิตที่เหมาะสม เราเชื่อว่าความพยายามของทุกคนไม่สูญเปล่าแน่นอนค่ะ สักวันเป้าหมายของเราจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน หากยังไม่สำเร็จขอให้ทุกคนพยายามต่อไปเรื่อยๆ นะคะ 

การเริ่มต้นใหม่ อาจไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก 0

หลายครั้งการเริ่มต้นใหม่มักจะถูกมองว่า ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ แต่แท้จริงการเริ่มต้นใหม่อาจจะไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากศูนย์เสมอไป 

เพราะเราทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน การเริ่มต้นใหม่ เกิดจากหัวใจที่อยากเริ่มต้นไหม่อย่างแท้จริง ถ้าเราเคยผิดหวังมาในอดีต ขอให้เราละทิ้งความผิดหวังและก้าวต่อไป ทบทวนตัวเอง แก้ไข และพัฒนาตัวเองเพื่อให้ไปสู่ความสำเร็จที่ตั้งไว้

ทฤษฎี Fresh Start Effect เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวกับการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยา ของคุณ Dai, Milkman และ Riis ได้อธิบายทฤษฎีนี้ไว้ว่า การเริ่มต้นใหม่ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจทางด้านจิตใจ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้บทเรียนในอดีตนั่นเอง เราต้องทิ้งอดีตและกล้าที่จะปรับปรุงแก้ไขและเริ่มต้นใหม่ค่ะ โดยที่ไม่ต้องกลับไปเริ่มที่ศูนย์ แต่แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดเพื่อที่เราจะได้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ค่ะ 

วิธีพิชิต Half-year resolution ครึ่งปีหลัง 

ทบทวนเป้าหมายครึ่งปีแรก 

ทบทวนว่าครึ่งปีแรก เราทำอะไรไปแล้วบ้าง อะไรที่เราทำดีแล้ว หรือสิ่งได้ที่เราต้องปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยอาจไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

เขียนอุปสรรคที่เจอ

การเขียนจะทำให้เราสามารถมองเห็นปัญหาชัดเจนขึ้นเพื่อจะได้แก้ปัญหาให้ถูกจุด และรู้ว่าปัญหาอุปสรรคไหนเราจำเป็นต้องเผชิญเพื่อที่ให้เราเดินไปถึงเป้าหมายปลายทาง 

เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมด้วยตัวเอง

อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนเป้าหมายของเรา อาจจะเป็นสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความคิดเราที่ไปในเชิงบวกเพื่อที่เราจะได้ประสบความสำเร็จอย่างที่เราตั้งใจไว้ค่ะ

แบ่งเป้าหมายคุณออกเป็นช่วงๆ

ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นในช่วงปีใหม่ หรือครึ่งปีหลังแต่คนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน หรืออาจจะเริ่มต้นทุกสัปดาห์ ทุกเดือน เป็นการรีเซตตัวเองเล็กๆ จะได้เป็นกำลังใจในการลงมือทำ

ลงมือทำ

เมื่อเราตั้งเป้าหมายแล้ว เราต้องลงมือทำทันที โดยไม่รอช้ามีกำหนดการหรือตารางสิ่งที่จะทำให้ชัดเจน

ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง

มีวินัยในตัวเอง เรามือทำให้สม่ำเสมอ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง หรือตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในทุกๆ วันและทำเช็กลิสต์ 

ให้กำลังใจตัวเอง

บอกตัวเองว่า “ฉันทำได้” แม้ว่าอาจจะเคยล้มเหลวมาก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากเราตั้งใจทำอีกครั้ง เราจะไม่ประสบความสำเร็จ เราอาจจะเดินถึงเป้าหมายก็ได้ และต่อให้สิ่งที่เราลงมือทำจะไม่ประสบความสำเร็จ เราจะได้บทเรียนจากสิ่งที่เราทำอย่างแน่นอนค่ะ

บทเรียนครึ่งปีแรก จะเป็นบทเรียนที่ดีให้เราเติบโตไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการในอนาคตค่ะ


Source

https://creativetalkconference.com/get-to-know-mid-year-goal-setting-8-tips-to-achieve-your-goals-in-6-months/ 

https://www.a3lifedesign.com/blog-english/harnass-the-power-of-the-fresh-start-effect 

https://steeringpoint.ie/worklife/what-is-the-fresh-start-effect-and-how-can-we-use-it-to-our-advantage/ 

Related Articles

International Day for Tolerance

ความแตกต่าง ≠ ความแปลกแยก เราทุกคนควรได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม

ความแตกต่าง ≠ ความแปลกแยก แต่เราทุกคนต้องได้รับโอกาสใช้ชีวิตในสังคม และถูกยอมรับด้วยหัวใจ ทุกคนว่าไหมคะบนโลกใบนี้มีคนที่แตกต่างกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสีผิว ความพิการ ชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือแม้แต่คนที่มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสาวพลัสไซส์ คนผิวเผือก คนแก่ หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครเขาควรได้รับสิทธิ์ใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานในสังคมเหมือนกับทุกๆ คน เช่น

single

เพราะไม่ว่าเราจะเป็นโสด หรือ มีคู่เราจะต้องเป็นแสงสว่างที่นำทางชีวิตตัวเอง

ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ เราต้องมีความสุขและเป็นเทียนที่ส่องสว่าง นำทางชีวิตตัวเองให้ได้  ทุกคนรู้ไหมว่าในปัจจุบันมีคนโสดทั่วโลกอยู่ประมาณ 2.12 พันล้านคน หรือราว 27% ของประชากรโลกเลยนะ และมีการคาดการณ์ว่าคนโสดจะมีสูงขึ้นเรื่อยๆ (ข้อมูลล่าสุด ปี 2023) ทุกคนคิดว่าการที่เป็นคนโสด เราต้องรู้สึกเหงาจริงหรือเปล่านะ มีหลายผลการวิจัยบอกว่าการเป็นโสดทำให้เหงากว่าคนมีคู่นิดหน่อย แต่ทำไมมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังเป็นโสดกันล่ะ อาจเป็นเพราะอยากอยู่คนเดียว ไม่ชอบออกจากบ้าน ชอบนอนดูซีรีส์

รู้ยัง! จิตแพทย์ VS นักจิตวิทยา แตกต่างกันยังไงนะ

พบจิตแพทย์ = การรักษา พบนักจิตวิทยา  =  พูดคุย ปรับความคิด ฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเข้มแข็ง ทุกคนรู้ไหมคะว่าการหาหมอจิตแพทย์กับการไปหานักจิตวิทยาต่างกันอย่างไร ทุกคนคงรู้ว่าทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เป็นคนที่ช่วยดูแลใจของเราทั้งคู่ ทุกวันนี้มีผู้คนจำนวนมากที่หันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากขึ้น ถึงแม้ว่ายังมีคนบางส่วนที่ยังเข้าใจว่าคนที่ไปหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา จะต้องเป็นคนที่ประสบปัญหาสุขภาพจิตค่อนข้างหนัก แต่แท้จริงแล้วการไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ไม่ต้องประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตก็สามารถไปพบได้ เช่น รู้สึกไม่สบายใจ กลุ้มใจ มีปัญหาทางด้านความรัก