โอบกอดหัวใจ
ผู้ประสบภัย-สดุดีความดี
ของเหล่าวีรชนผู้เสียสละ
จากสถานการณ์ชายแดน
ไทย - กัมพูชา

เราขอร่วมโอบกอดหัวใจผู้ประสบภัยทุกคน
ส่งกำลังใจและสดุดีความดีของเหล่าวีรชนผู้เสียสละ
รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน ให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้

ในวันที่มีเมฆหมอกปกคลุม จิตใจของผู้ประสบภัย ทหารและเจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่คนที่ติดตามข่าวสารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา อาจจะเกิดความเครียด ไม่สบายใจหรือมีความวิตกกังวล เกิดขึ้นมาภายในจิตใจ เราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจและโอบกอดหัวใจของผู้ประสบภัยทุกคน เราขอให้พวกคุณทุกคนมีจิตใจที่เข้มแข็งและแข็งแกร่ง เพื่อก้าวผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปได้ และขอให้พวกคุณรู้ไว้ว่า พวกคุณทุกคนไม่ได้อยู่คนเดียว แต่เราทุกคนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง เพื่อให้เราทุกคนผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งกำลังใจหรือส่งต่อความช่วยเหลือด้วยหัวใจในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ 

และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเราขอร่วมส่งกำลังใจและขอสดุดีความดีของเหล่าทหารกล้าวีรชนทั้งหลาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละอย่างสุดความสามารถ หัวใจของพวกคุณช่างยิ่งใหญ่และกล้าหาญยิ่งนัก ความเสียสละของเหล่าทหารกล้ามีความหมายต่อพวกเราทุกคน ไม่เพียงแต่สดุดีความดีของเหล่าทหารกล้าเท่านั้น แต่เรายังนับถือหัวใจของครอบครัวของพวกเขาด้วย เพราะพวกเขาก็เป็น ลูกที่รักของพ่อแม่ เป็นคนรักของใครบางคน หรือเป็นพ่อที่รักของลูกเช่นกัน เรายังเชื่ออีกว่ากำลังใจเล็กๆ ที่ทุกคนส่งให้กันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ให้เราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ประสบภัย เหล่าวีรชนทหารกล้า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่และประชาชนผู้ได้รับข่าวสาร ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเข้มแข็ง แล้วทุกคนรู้หรือไม่ว่าการที่เราเสพข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา มากเกินไปนั้น ไม่ว่าจะผ่านทางโทรทัศน์หรือ Social Media อาจได้รับผลกระทบทางจิตใจเช่นเดียวกับผู้ประสบภัยหรือบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์จริง

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย เหล่าวีรบุรุษทหารกล้าผู้เสียสละ เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

หัวใจที่แกร่ง ทำให้สามารถก้าวผ่านทุกเหตุการณ์

หลายวันที่ผ่านมาเราคงได้รับรู้ข่าวสารความตึงเครียดสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชา เชื่อว่าเหตุการณ์นี้มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ประสบภัย ทหาร เจ้าหน้าที่ ที่กำลังเผชิญเหตุการณ์ดังกล่าว โดย WHO หรือองค์การอนามัยโลก ได้เปิดเผยข้อมูลว่า 1 ใน 5 ของผู้อาศัยที่อยู่ในบริเวณที่มีความรุนแรงอาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพจิตสุขภาพใจไม่ว่าจะเป็น การมีภาวะความเครียดสูง วิตกกังวล ตกใจ หวาดระแวง บางคนอาจจะมีภาวะซึมเศร้าเลยก็ได้ หรืออาจจะเป็นโรคเครียดหลังจากได้เผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) ฯลฯ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจาก การเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างไม่คาดคิด ทรัพย์สินเสียหาย หรือสูญเสียคนรัก ฯลฯ

ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต (วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ) ระบุว่า มีบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ความรุนแรงมีความเครียดสูงประมาณ 293 คน และเสี่ยงที่จะจบชีวิตตัวเองลง 41 คน เราจึงขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับทุกคน ให้ก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ขอให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยวหรืออยู่คนเดียว แต่เราพร้อมอยู่เคียงข้าง ให้ความช่วยเหลือ คอยส่งกำลังใจ ส่งต่อความห่วงใยไปให้กับผู้ประสบภัยทุกคน เราพร้อมโอบกอดหัวใจและขอให้คุณเข้มแข็ง เพื่อให้ผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ เราเชื่อว่าถึงแม้วันนี้ท้องฟ้าจะไม่สดใสอย่างเคย แต่หัวใจที่เข้มแข็งของพวกคุณทุกคน จะทำให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้นะคะ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณค่ะ

ทหารกล้าวีรบุรุษผู้เสียสละ

ในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้เราขอ ส่งกำลังใจและสดุดีความดีของวีรบุรุษผู้เสียสละทุกท่าน หัวใจของคุณช่างกล้าหาญและเข้มแข็ง ความเสียสละของพวกคุณมีความหมายต่อพวกเรามากขอให้ทุกท่านปลอดภัย จากภัยอันตรายทั้งปวง และเรายังขอร่วมแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียทุกท่านนะคะ 

รวมถึงครอบครัวของเราทหารกล้าทุกคน เรานับถือหัวใจของคุณมาก เพราะเหล่าทหารกล้าก็เป็นที่รักของใครบางคน เป็นลูกที่รักของพ่อแม่ เป็นคนรักของใครบางคน หรือเป็นพ่อที่รักของลูกเช่นกัน แต่เราเชื่อว่าพวกเขาต้องภูมิใจ ที่คนรักของพวกเขามีความกล้าหาญเช่นนี้ เราจึงขอส่งกำลังใจให้ครอบครัวของเหล่าทหารกล้าวีรบุรุษผู้มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ทุกคนเช่นกันค่ะ

การเสพข่าวมากเกินไปอาจเป็นบาดแผลทางใจ จริงหรือเปล่านะ? 

ทุกคนรู้หรือไม่ว่าการที่เราดูข่าวสงครามหรือความรุนแรงมากเกินไปเราอาจจะมีปัญหาทางด้านสุขภาพใจได้เหมือนกันนะ โดย ดร.สตีฟ ซักเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช กล่าวว่า ผู้ที่รับชมภาพความรุนแรงมากจนเกินไปไม่ว่าจะผ่านทางทีวี หรือ Social Media อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพใจได้เช่นเดียวกับทหารหรือผู้ประสบภัยที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ดังนั้นทุกคนอย่าดูข่าวมากจนทำลายสุขภาพใจของตัวเอง หากจะเสพข่าวลือเนื้อหาที่มีความรุนแรงต้องจำกัดเวลาในการเสพข่าวของตัวเองด้วยนะคะ

เสพข่าวยังมีสติ เพื่อสุขภาพใจของตัวเอง

กำหนดเวลาติดตามข่าวสารอย่างชัดเจน ไม่ดูข่าวนานจนเกินไป

เพราะเมื่อเราดูข่าวที่มีความรุนแรงหรือมีผลกระทบจิตใจมากๆ จะทำให้เราเกิดอารมณ์ร่วมและอาจจะรู้สึกแย่เหมือนคนที่ต้องเผชิญเหตุการณ์จริงได้ค่ะ

เลือกติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

ในยุคที่มีช่องทางในการติดตามข่าวสารมากมาย เราควรตรวจสอบและกรองข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ถูกต้องตามหลักข้อเท็จจริง

ฝึกสติและผ่อนคลายความเครียด

ด้วยกาฝึกรหายใจเข้า-ออกช้าๆ เพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลาย

เราอยากเชิญชวนทุกคนมาให้กำลังใจซึ่งกันและกันเพื่อที่จะทำให้พวกเราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้นะคะ


Source

https://ipdefenseforum.com/th/ 

https://www.mentalhealth.com/library/terrorism-war-coping-trauma 

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000071585 

https://healthcare.utah.edu/hmhi/news/2022/03/mental-health-effects-of-war-backed-science 

https://www.thairath.co.th/news/society/2872981 

Related Articles

breast cancer

5 เรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

ทุกคนรู้ไหมคะว่ามะเร็งเต้านม อาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่หลายคนคิด และไม่ได้เกิดได้กับแค่ผู้หญิงอย่างที่หลายคนเข้าใจ  เพราะผู้ชายก็สามารถเป็นมะเร็งเต้านมได้เหมือนกันและ มะเร็งเต้านมเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยไม่ใช่เพียงแค่ผู้ใหญ่เท่านั้น 🤍  ในทุกวันนี้มีผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมกว่า 2.3 ล้านคนทั่วโลก (ข้อมูลล่าสุดปี 2022)  เราทุกคนจึงควรตระหนักรู้และตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันและห่างไกลจากโรคมะเร็งเต้านมค่ะ  หลายคนรู้สึกกลัวและไม่กล้าไปตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เพราะอาจจะคิดว่าเราไม่เป็นหรอก เรายังอายุไม่มาก หลายคนจึงอาจไม่ได้ใส่ใจสุขภาพเท่าที่ควรนัก แต่ทุกคนรู้ไหม จริงๆ แล้ว

International Day for Tolerance

ความแตกต่าง ≠ ความแปลกแยก เราทุกคนควรได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม

ความแตกต่าง ≠ ความแปลกแยก แต่เราทุกคนต้องได้รับโอกาสใช้ชีวิตในสังคม และถูกยอมรับด้วยหัวใจ ทุกคนว่าไหมคะบนโลกใบนี้มีคนที่แตกต่างกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสีผิว ความพิการ ชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือแม้แต่คนที่มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสาวพลัสไซส์ คนผิวเผือก คนแก่ หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครเขาควรได้รับสิทธิ์ใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานในสังคมเหมือนกับทุกๆ คน เช่น

single

เพราะไม่ว่าเราจะเป็นโสด หรือ มีคู่เราจะต้องเป็นแสงสว่างที่นำทางชีวิตตัวเอง

ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ เราต้องมีความสุขและเป็นเทียนที่ส่องสว่าง นำทางชีวิตตัวเองให้ได้  ทุกคนรู้ไหมว่าในปัจจุบันมีคนโสดทั่วโลกอยู่ประมาณ 2.12 พันล้านคน หรือราว 27% ของประชากรโลกเลยนะ และมีการคาดการณ์ว่าคนโสดจะมีสูงขึ้นเรื่อยๆ (ข้อมูลล่าสุด ปี 2023) ทุกคนคิดว่าการที่เป็นคนโสด เราต้องรู้สึกเหงาจริงหรือเปล่านะ มีหลายผลการวิจัยบอกว่าการเป็นโสดทำให้เหงากว่าคนมีคู่นิดหน่อย แต่ทำไมมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังเป็นโสดกันล่ะ อาจเป็นเพราะอยากอยู่คนเดียว ไม่ชอบออกจากบ้าน ชอบนอนดูซีรีส์