โค้ชจอมลีลา ช่วงต้นปีนี้หลังจากจบพักครึ่งฤดูกาลของฟุตบอลลีกในยุโรป มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นกับตำแหน่งโค้ชของทีมสำคัญๆ ในยุโรป ทางฝั่งน้ำเงินก็คือการก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งโค้ชของ รีล มาดริด อย่างเต็มตัวของอดีตนักเตะระดับตำนานคนหนึ่งของทีมอย่าง ซิเนอดีน ซีดาน ในขณะเดียวกัน ในมุมแดงก็คือการประกาศไม่ต่อสัญญาระหว่าง เป็ป กวาดิโอล่า และทีมบาเยิร์นมิวนิค ที่จะหมดลงในปีนี้
คราวนี้ ว่ากันที่เรื่องของ กวาดิโอล่า ก่อน ต้องยอมรับครับว่าโค้ชคนนี้เป็นที่ต้องการหมายปองของหลายๆ ทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก และภายหลังที่ตัวเองได้ออกมาประกาศชัดเจนว่าเป้าหมายต่อไปของการทำทีมคือ EPL อย่างแน่นอน ส่งผลให้มีแรงกระเทือนถึงหลายๆ ฝ่ายเลยทีเดียว ทั้งทีมที่กำลังไม่ลงตัวในเรื่องโค้ชคนปัจจุบันและทั้งทีมที่โค้ชคนปัจจุบันก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้วแต่เสียดายโอกาสที่จะได้ตัว กวาดิโอล่า ในจังหวะที่เค้ามองหาความท้าทายใหม่กับ EPL
ถ้ายังจำกันได้ กวาดิโอล่า เคยสร้างความป่วนให้กับบรรดาสโมสรต่างๆ ที่อยากได้ตัวเค้าสมัยที่หมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า มาแล้วด้วยการประกาศ sabbatical year หรือพักงานตัวเอง 1 ปี โดยย้ายไปอยู่ที่ นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ห่างไกลวงการฟุตบอลยุโรปจนสุดท้ายตัดสินใจมาอยู่กับบาเยิร์น และถ้าย้อนหลังกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เค้าก็เคยออกปากมาทีหนึ่งว่าอาจพิจารณา sabbatical year อีกครั้งหลังจบฤดูกาลนี้กับ บาเยิร์นฯ
ผมวิเคราะห์เอาจากที่อ่านๆ ข่าวหลายๆ อัน ผมคิดว่าการที่ กวาดิโอล่า แย้มไอเดีย sabbatical year อีกครั้งน่าจะเป็นเพราะเค้ายังคิดว่าจังหวะยังไม่เหมาะที่จะกระโดดเข้ามาทันที ดูจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ใน EPL ที่กำลังประสบอยู่ขนาดนี้ อย่าลืมนะครับว่า กวาดิโอล่า ได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชที่ อัฉริยะ คนหนึ่งในการวางหมากเกม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เค้าจะวางหมากในการโยกย้ายตัวเองอย่างมีระบบระเบียบและวางแผนการอย่างแยบยล
กวาดิโอล่า เป็นโค้ชที่อัฉริยะก็จริงอยู่ แต่เค้าก็เคยถูกตรามาสว่าเป็นโค้ชที่เลือกทางเดินที่ปูด้วยกลีบกุหลาบและง่ายสำหรับตัวเค้าเองมาก่อน มองย้อนกลับไปสมัยที่บาร์เซโลน่า แน่นอนครับว่าการเล่นสไตล์ Tiki-Taka กลายเป็นความโดดเด่นของทีมภายใต้การทำทีมของเค้า และพาทีมบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์หลายถ้วยเสียจนเรียกได้ว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกตอนนั้นเลย แต่อย่าลืมนะครับว่าความง่ายของกวาดิโอล่าก็คือการที่เค้าเป็นศิษย์ก้นหม้อของทีมนี้และเริ่มต้นจากการเป็นโค้ชทีมเยาวชนมาก่อน รู้ไส้รู้พุง นักเตะมาหลายคนและรู้ใจสไตล์การเล่นแบบไหนที่จะดีที่สุดสำหรับผู้เล่นที่เรียกได้ว่า เติบโตมาด้วยกันและก้าวขึ้นมาเป็นกระดูกสันหลังของทีมก็หลายคนอยู่ ครับการโค้ชทีมอย่างบาร์เซโลน่าให้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันง่ายสำหรับตัวเค้าด้วยเหตุผลข้างต้น
หลังจากสัญญากับบาร์เซโลน่าหมดลง เราทุกคนก็รู้กันดีว่าทีมที่ดีที่สุดอีกทีมหนึ่งในยุโรปก็คือบาร์เยินมิวนิค และเมื่อเค้าตัดสินใจรับหน้าที่โค้ชของทีมที่เก็บแชมป์ทุกแชมป์ในปีก่อนหน้าที่เค้าจะเข้ามารับตำแหน่ง นั่นก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้เค้าถูกตัดสินว่าเป็นคนที่เลือกทางเดินที่ง่ายสำหรับตัวเอง เพราะทีมบาร์เยินมิวนิคตอนนั้นก็แทบจะไม่มีอะไรที่จะต้องปรับปรุงอีกแล้ว
ดังนั้นเราลองมาดูสมมติฐานของผมกันครับว่า กวาดิโอล่า คิดอะไรอยู่
การยื้อดึงเกมในตอนปลายปีที่มีการปล่อยข่าวบอกว่าอาจจะพักตัวเองอีกสักปี ในขณะที่ออกปากชัดเจนว่าอยากจะมาทำทีมใน EPL เป็นสองเหตุผลที่ผมตั้งสมมติฐานว่ากวาดิโอล่ากำลังมองหาจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการเลือกทีมที่น่าจะเหมาะที่สุดในสถานการณ์ตอนนี้ และเป็นการสร้างช่องว่างเวลาให้สโมสรต่างๆ ที่สนใจเค้าตัดสินใจและ take action อะไรบางอย่างที่เป็นสัญญาณชัดเจนให้กับเค้า
จังหวะที่ เชลซี กับ มูรินโญ กำลังแยกทางกัน แน่นอน เชลซีเป็นสโมสรที่สามารถจ้างเค้าได้อย่างไม่ยากและอยากได้เค้าตัวสั่น แต่ปัญหาอยู่ที่เจ้าของสโมสรและทีมที่กำลังอยู่ในขาลงอย่างชัดเจน จะรับงานนี้เลยก็ค่อนข้างเสี่ยงอยู่นะครับ ความคาดหวังต่างๆ จะประดาประดังเข้ามา รอดูผลงานโค้ชชั่วคราวอย่าง กุส ฮิดดิ้ง ก่อนว่าจะออกมารูปไหนตอนจบฤดูกาล
คล้ายๆ กับทีมยักษ์ใหญ่ตกอับอย่างปิศาจแดง ต้องบอกว่าจังหวะที่กวาดิโอล่าออกมาพูดก็เหมาะเจาะเสียอีกกับการที่ LVG กำลังตกที่นั่งลำบาก การประกาศเจตน์จำนงค์ของกวาดิโอล่า หลายฝ่ายมองว่าเป็นการผิดมารยาท ส่งผลกระทบทางจิตวิทยากับโค้ช เจ้าของทีม และบรรดาผู้เล่นที่อาจกระหายแนวคิดใหม่ๆ ของโค้ชคนใหม่ ลองคิดดูนะครับ ถ้าหากสโมสรเห็นว่าฤดูกาลนี้กับโค้ชคนปัจจุบันหาทางไปต่อไม่ได้แล้ว สู้เตรียมลงทุนกับโค้ชคนใหม่จะไม่ดีกว่าเหรอ การต่อรองเพื่อให้การทำทีมไปในทางของตัวเองก็จะง่ายขึ้นสำหรับคนอย่างกวาดิโอล่าที่ทุกคนยอมที่จะฟังและเทใจให้
ในขณะที่อีกทีมหนึ่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ถือว่าโอเคกับโค้ชคนปัจจุบันอย่าง เปลเยกรีนี่ (ถ้าเปรียบเทียบกับยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ) การที่กวาดิโอล่าออกมาพูดสองเรื่องดังกล่าวเป็นการเปิดทางให้เจ้าของสโมสรสามารถเลือกได้ที่จะให้เปลเยกรีนี่ทำทีมต่อให้จบสัญญาในปี 2017 แล้วค่อยดึงตัวเค้ามาทำ หรือจะกระโจนเข้าหาเลยก็ไม่ผิด แต่ทั้งสองทางสำหรับกวาดิโอล่าแล้วไม่มีปัญหาเพราะต้องยอมรับว่าทีมนี้ก็เป็นทีมหนึ่งที่มีศักยภาพของตัวผู้เล่นดีที่สุดทีมหนึ่งในยุโรปเลยทีเดียว ดังนั้นเส้นทางของเค้ากับทีมนี้ถ้าจะเลือก ก็ปูด้วยกลีบกุหลาบอีกเหมือนครั้งก่อน
แต่ม้ามืดอีกทีมหนึ่งที่หลายฝ่ายจับตาดูอยู่ก็คือ อาร์เซนอล ครับ เพราะสไตล์การเล่นของทีมที่เวงเกอร์สร้างและบ่มเพาะมาตลอดเวลาที่เค้าคุมทีมต้องเรียกได้ว่าเหมาะที่สุดกับสไตล์ของกวาดิโอล่า อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการที่อาร์เซนอลเป็นทีมที่มีเด็กปั้นเยอะอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับทีมอื่นๆ จะคล้ายๆ กับตอนที่กวาดิโอล่าคุมบาร์เซโลน่าและบาร์เยินฯ ไม่น้อย นอกจากนี้แล้ว ทั้งเวงเกอร์และกวาดิโอล่าเองก็เคยเอ่ยปากชื่นชมกันและกันมาก่อนถึงการทำทีมและสไตล์การเล่นที่ทั้งคู่ยึดถือมาโดยตลอด จึงไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์หากบอร์ดบริหารของอาร์เซนอลตัดสินใจยกเวงเกอร์ขึ้นหิ้งเป็นผู้บริหารในระดับสูงแทนที่การทำทีมภายหลังจบฤดูกาลนี้ ถ้าหากเวงเกอร์สามารถจีบกวาดิโอล่ามารับช่วงต่อของตัวเองได้ เพราะต้องบอกครับว่า transition จะราบเรียบและ smooth ที่สุดถ้าเปรียบเทียบกับทีมข้างต้นที่ได้กล่าวมา
คราวหน้าผมจะมาพูดถึง ซิเนอดีน ซีดาน บ้างว่าการกลับมาของเค้าในสถานะอื่นที่ไม่ใช่ผู้เล่นกับทีมที่ตัวเองเคยสร้างตำนานไว้มีนัยยะที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง อย่าลืมติดตามครับ