ใครเป็นคอหนังรางวัลมารวมกันตรงนี้ บอกเลยว่าปีนี้เป็นอีกปีที่เราได้ดูหนังสนุกๆ กันหลายเรื่องจากหลากหลายเวทีรางวัลกันมาก และมาถึงอีกรางวัลใหญ่ที่ใครหลายคนรอคอยกันอย่าง ‘ออสการ์’ ลองคอมเมนต์บอกกันหน่อยค่ะว่าทุกคนเชียร์ภาพยนตร์เรื่องไหนให้มงลงกันบ้าง แล้วจะพลิกโผหรือเป็นไปตามที่ทุกคนคิดไหมนะ
วันนี้แสนสิริเราคัดลิสต์ตัวเต็งรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาฝากทุกคนกันค่ะ เพราะทุกตัวละคนในเรื่องมีสัญญะบางอย่างที่ซ่อนไว้อย่างสุดตึง ไม่ว่าจะมิติตัวละครหรือการดำเนินเรื่องในบทภาพยนตร์ที่น่าสนใจไม่หลากหลายมุมของสังคม คัดกันมาแล้วว่านี่แหละเต็งและตึงที่สุด! อยากลองพาทุกคนมารู้จักมิติของภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ที่สุดของออสการ์กันว่ามีเรื่องราวและสัญญะอะไรซ่อนไว้บ้างในเรื่องราวภาพยนต์มากรางวัลเหล่านี้ ลองมามองกันให้ลึกยิ่งขึ้นเพื่อเข้าใจและเพิ่มอรรถรสในรสชาติของการรับชมภาพยนตร์เหล่านี้มากขึ้นไปอีกขั้นกันค่ะ ถ้าใครมีภาพยนตร์เรื่องอื่นในปีที่ผ่านมาที่น่าสนใจแต่ไม่ได้เข้าชิง ก็มาแนะนำหรือพูดคุยกันได้ที่คอมเมนต์ใต้ภาพนี้ได้เลยนะคะ จะมีเรื่องตัวเต็งและสุดตึงอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ!
ถ้าใครกำลังมองหาพื้นที่สำหรับผ่อนคลายในวันหยุดแบบนี้ สำหรับนอนดูหนังรางวัลทั้งหมดก่อนวันประกาศรางวัลไปจนหมดวันได้อย่างสุขกายสบายใจ ที่แสนสิริเอง เราก็มีโครงการหลากหลายรูปแบบให้ทุกคนได้เข้ามาลองเอนกาย พักใจในโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้ครบทุกรูปแบบอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม ที่พร้อมรองรับความหลากหลายไลฟ์ของสไตล์ของคุณได้อย่างพอดี
สนใจคลิกได้เลยที่นี่ https://siri.ly/MdFPct
Emilia Pérez
เป็นหนังที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเมื่อรายชื่อเข้าชิงถูกปล่อยออกมา เพราะความที่เป็นภาพยนตร์แนว Musical Crime Drama หนังสัญชาติฝรั่งเศส ที่นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด อาชญากรรม และหญิงข้ามเพศในรูปแบบมิวสิคัล ออกมาได้อย่างน่าสนใจ
อีกทั้งยังเป็นหนังบทพูดไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่สามารถเข้าชิงได้มากที่สุดของออสการ์ โดยเข้าชิงไปถึง 13 สาขาเลยทีเดียว และก่อนหน้านี้ก็ได้ชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 2025 ได้สูงกว่าเรื่องอื่น ๆ ถึง 10 สาขารางวัล ก่อนจะคว้ากลับบ้านมาได้ 4 รางวัล รวมทั้งรางวัลใหญ่ของงานด้วยเช่นกัน โดยเป็นเรื่องราวของ ‘ริต้า’ ทนายความสาวที่มีคุณสมบัติและความสามารถในการว่าความ แต่กลายเป็นว่าเธอไม่สามารถงัดทักษะของตัวเองออกมาว่าความได้จริงๆ เมื่ออยู่ในศาล ส่วนหนึ่งเพราะการถูกเอารัดเอาเปรียบในสำนักงานกฎหมายที่เธอทำงาน จนกระทั่งเธอได้รับข้อเสนอที่คาดไม่ถึงและไม่เคยเจอมาก่อนตลอดทั้งชีวิตการเป็นทนายความของเธอ ด้วยการช่วยเหลือเจ้าพ่อแก๊งค้ายา ‘ยวน เดล มอนเต’ หรือที่รู้จักในฉายา ‘แมนิตัส’ เกษียณออกจากวงการค้ายาและอาชญากรรมในลาตินอเมริกา ด้วยการแปลงเพศตัวเองให้กลายผู้หญิงซึ่งเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดและหายตัวไปตลอดกาลจากวงการนี้
“หากชีวิตต้องลงสู่หุบเหว ก็ขอให้ฉัน ได้เป็นคนขุดหลุมนั้นด้วยตัวเอง”
Emilia Pérez เป็นอีกหนังที่ทำให้เราเห็นถึงความรักอันหลากหลายในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าอดีตเราจะเคยเป็นใครมาก่อนก็ตาม ทำให้ได้เห็นอีกมุมของความรักที่มีการเสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก หรือจะเรื่องการเห็นคนที่รักมีความสุขแม้ว่าเราจะต้องเจ็บปวดเอง รวมถึงความรักที่มีให้แก่เพื่อนร่วมโลกที่กำลังเจอกับความยากลำบากของช่วงหนึ่งในชีวิต เพราะชีวิตของแต่ละคนสัญลักษณ์ของความรักอาจจะไม่ใช่หัวใจเสมอไป แต่อาจจะเป็นการละทิ้งปืนที่ถือมาตลอดครึ่งชีวิตเพื่อใครสักคนก็เท่านั้นเอง
The Brutalist
อีกหนังคุณภาพที่เป็นหนึ่งในตัวเต็งรางวัลบนเวทีออสการ์ 2025 กับการมีรายชื่อเข้าชิงสูงถึง 10 สาขารางวัลแบบไม่ค้านสายตา หนังดรามาที่มีส่วนผสมลงตัวในหลายมิติภายในระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมง ที่พร้อมพาเราไปเห็นอีกมุมมองที่ลึกซึ้งมากขึ้นของสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทำให้กลายเป็นหนังที่มีพล็อตสุดทรงพลัง
ภาพยนตร์เล่าถึงสถาปนิกชาวยิว ‘ลาซโล ทอธ’ ที่อพยพมาจากออสเตรียข้ามน้ำข้ามทะลหนีสงครามจากยุโรปช่วงปี 1947 มาโผล่ที่สหรัฐอเมริกา โดยที่ภรรยาและหลานของเขายังติดอยู่ที่ยุโรป เขาจึงต้องหาวิธีเลี้ยงชีพพร้อมกับหาโอกาสที่จะพาภรรยาและหลานมาอยู่กับเขาด้วยกันที่นี่ แต่ชีวิตบนแผ่นดินอเมริกาก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะอพยพมาแล้วเขาได้ทำงานเป็นแค่คนงานขุดเหมืองถ่านหินในฟิลาเดลเฟีย ทำให้เขาเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อเขาได้เจอกับ ‘แฮร์ริสัน’ ผู้ที่มองเห็นความสามารถของลาซโล จึงชักชวนมาสร้างสรรค์งานชิ้นใหญ่ที่จะกลายเป็นมาสเตอร์พีซอีกครั้งในชีวิตของเขา แต่เพราะนี่คืออเมริกาทุกอย่างไม่ง่ายดายอย่างที่คิด และชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปอีกมากมายหลังจากได้พบและร่วมงานกับมหาเศรษฐีคนนี้
“Last night I met God. He gave me permission to call Him by His name.”
หนังทำให้เราเห็นอารมณ์และจิตวิญญาณ ที่เล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง ที่ชาวยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ลาซโลเป็นชาวยิวที่อพยพออกมาได้แต่ก็เจอปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการล้มเหลวในอาชีพสถาปนิก การเหยียด หรือการกดขี่ที่ถูกถ่ายทอดผ่านทั้งบทพูด การกระทำ สีหน้า ไปจนถึงแนวคิดที่ตัวละครแฝงไปกับสิ่งปลูกสร้าง ทั้งประเด็น ศิลปะ เงินตรา หรือแม้กระทั่งปัญหาอย่างยาเสพติด ทำให้ชิ้นงานของเขานั้นไม่ได้ดูสวยงามน่าหลงใหล แต่มันดูแข็งกร้าว ถึงเรียบง่ายแต่ก็ไม่ประนีประนอม ทำให้เราเห็นความแน่วแน่ของลาซโลผ่านชิ้นงานของเขา จากความไม่ยอมลดทอนสิ่งที่ถูกออกแบบไว้แล้ว การยอมทำทุกทางเพื่อให้ผลงานออกมาตรงตามที่ออกแบบไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนจนต้องยอมแลกหลายสิ่งที่ตามมาในชีวิต
The Substance
เรียกได้ว่าเป็นหนังที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ทั้งบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเมืองคานส์ นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากลูกโลกทองคำ และยังมีรายชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 5 สาขาก็เป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับคอหนังมาก เพราะโดยปกติแล้วหนังแนว horror จะไม่ได้รับความสนใจจากเวทีออสการ์มาก เรียกได้ว่าเต็งและตึงมาก จนได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2024 จากนักวิจารณ์หลายสำนักเลยทีเดียว
ภาพยนตร์เล่าถึง ‘อลิซาเบธ สปาร์เคิล’ ดาราหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์อายุ 50 ปี ที่กำลังสูญเสียที่ยืนในวงการบันเทิงจากการโดนปลดตำแหน่งในหน้ารายการทีวี เพราะทางรายการต้องการผู้หญิงที่เด็กกว่านี้มาดำเนินรายการแทน ระหว่างที่เธอประสบอุบัติเหตุก็ได้เจอกับพยาบาลหนุ่มที่แนะนำเธอให้รู้จักกับ ‘สารอมฤต‘ (The Substance) เธอจึงได้เลือกฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อทวงคืนความสวยวัยเยาว์ของตัวเอง แล้วก็ได้ร่างใหม่เป็น ‘ซู’ สาวสวยสะพรั่งวัยยี่สิบ โดยกฎสำคัญมีเพียงข้อเดียวเท่านั้น คือทั้งสองต้องแบ่งเวลาในการใช้ร่างสลับกัน 1 อาทิตย์สำหรับร่างเก่า และ 1 อาทิตย์สำหรับร่างใหม่ ทุกอย่างดูน่าจะเป็นชีวิตที่สวยงามราบรื่นแล้ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อการแบ่งเวลาของทั้งสองเริ่มไม่เป็นไปตามกฎอีกต่อไป
“You have to CONTROL YOURSELF!”
ความเป็นหนึ่งเดียวกันของสองตัวละคร ทำให้เราเห็นด้านมืดในจิตใจของมนุษย์ลึกขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่สีหน้า อารมณ์ และท่าทางของตัวละคร จากความไม่รู้จักพอของตัวละครผ่านการกระทำต่างๆ ความรู้สึกรังเกียจอายุ เนื้อหนัง การไม่มีพื้นที่ในสังคม รวมถึงการดูถูกตัวตนของตัวเอง ทำให้เห็นว่าปัจจุบันนี้ผู้หญิงหลายคนก็ยังคงรู้สึกทรมานกับมาตรฐานความสวยงามที่สังคมคาดหวังอยู่เสมอ นำไปสู่การไม่รักตัวตนของตัวเอง ทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อหล่อเลี้ยงภาพของผู้หญิงในอุดมคติให้ยังคงโลดเต้นอยู่ในจินตภาพและการจ้องมองของสังคมในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เพราะสังคมควรจะเชิดชูทุกรูปแบบของหน้าตาและร่างกาย ไม่ว่าจะมีลักษณะเป็นแบบไหน อายุเท่าไหร่ ทุกคนก็ดูดีในแบบของตัวเองได้
Anora
อีกภาพยนตร์ที่ติดโผเข้าชิงแทบจะทุกเวทีรางวัลชั้นนำในรอบปีนี้ไปทั่วโลก ที่มาพร้อมคะแนนวิจารณ์ที่เฉลี่ยสูงถึง 94% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes แถมยังเป็นม้ามืดที่คว้ารางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2024 ไปได้อย่างสวยงาม รวมถึงเป็นตัวเต็งที่รอเฉิดฉายบนเวทีออสการ์ 2025 เพราะได้รับการเขาชิงถึง 6 สาขา
เรื่องราวของ ‘แอนนี’ สาวที่หารายได้เลี้ยงปากท้องด้วยการเต้นเปลื้องผ้า ผู้สู้ชีวิตแห่งย่านบรู๊คลิน แต่ชีวิตของเธอได้เปลี่ยนไปเพราะการมาถึงของ ‘อิวาน’ ลูกชายของอภิมหาเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลของรัสเซีย ที่ติดใจแอนนีจนขอเหมาเป็นภรรยาเช่า 1 สัปดาห์ และใน 1 สัปดาห์นั้นเองที่ความเมาและความบ้าระห่ำนำพาให้แอนนีได้แต่งงานกับอิวาน กลายเป็นCinderella story ของหนูตกถังข้าวสารโดยแท้ แต่เมื่อข่าวนี้ได้กระจายล่วงรู้ไปถึงหูครอบครัวฝ่ายชายที่รัสเซีย เรื่องราวความรักดั่งเทพนิยายก็พลันพลิกผันไปอีกหน้า เพราะพ่อแม่ของอิวานรีบบินข้ามทวีปมานิวยอร์ก เพื่อกดดันและขอร้องให้การแต่งงานครั้งนี้ระหว่างแอนนีกับลูกชายของพวกเขาเป็นโมฆะ จนนำพาไปสู่เรื่องวุ่นวายเกินใครคาดเดา
“ถ้าฉันแต่งงานกับคนอเมริกัน ฉันก็ไม่ต้องกลับไปอยู่ที่รัสเซียอีกแล้ว”
เราจะเห็นได้ว่าหนังนำเสนอเรื่องราวของแอนนีแบบมนุษย์คนหนึ่ง โดยไม่ได้มุ่งตัดสินว่าการกระทำของเธอเป็นเรื่องผิดหรือถูก แต่ชีวิตแอนนีกลับสะท้อนให้เห็นว่าผู้หญิงและเซ็กส์เวิร์กเกอร์ก็ยังพัวพันด้วยความเหลื่อมล้ำ ดูถูกดูแคลน และถูกกระทำเยี่ยงกับคนไร้ศักดิ์ศรี เป็นเหมือนนิทานที่สอนให้เรารู้ว่า ถึงแม้คนเราจะชอบความสนุก ความตื่นเต้น หรือภาพลักษณ์แบบเจ้าชายในฝัน และเงินทองก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงหรือเป็นทั้งชีวิตของเรา เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็แค่ต้องการคนที่เข้าใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มองเห็นคุณค่าของเรา และมองเห็นเราในแบบที่เราเป็นก็เท่านั้น รวมถึงการปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นมนุษย์คนหนึ่งจริง ๆ แบบที่ควรจะเป็นในสังคม
Conclave
ภาพยนตร์ทริลเลอร์ตีแผ่คริสตจักร ที่ได้รับความนิยมในเทศกาลภาพยนตร์อย่างล้นหลาม ซึ่งพึ่งคว้ารางวัลใหญ่ในงานประกาศรางวัล Screen Actors Guild Awards (SAG Awards) ครั้งที่ 31 ไปครองอีกด้วย และยังเข้าชิงออสการ์ถึง 8 สาขารางวัลด้วยกัน เป็นภาพยนตร์ที่มีกระแสอย่างต่อเนื่องเพราะมาในจังหวะข่าวการประชวรของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกพอดีนั่นเอง
เรื่องราวของภาพยนตร์ที่เล่าถึงหลังจากเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำให้ต้องมีกระบวนการเลือกพระสันตปาปาในช่วงการประชุม ‘พระคาร์ดินัลโธมัส ลอว์เรนซ์’ ได้รับเลือกให้เป็นประธานในการเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์ ทำหน้าที่จัดการหาพระสันตะปาปาองค์ใหม่ และได้พบความลับบางอย่างที่พระสันตะปาปาองค์ก่อนทรงปกปิดไว้ เป็นเรื่องราวที่ผสมผสานการเมือง การศรัทธา และความลึกลับในกรอบของศาสนาคริสต์ที่ออกมาเข้มข้นและบีบคั้นอารมณ์ของคนดูได้อย่างเข้าถึง
“ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกนี้ที่บริสุทธิ์ตั้งแต่เกิด เราต่างเป็นแค่ปุถุชนธรรมดาเท่านั้น”
หนังพาเราดำดิ่งไปกับความเครียดและความดำมืดของจิตใจมุนษย์แม้อยู่ในตำแหน่งทางศาสนาก็ตาม ซึ่งเราจะได้เห็นทุกขั้นตอนโดยละเอียดของศาสนาคริสต์ ผ่านตัวละครพระคาร์ดินัลโธมัสที่ต้องมารับภาระอันหนักอึ้ง นอกจากต้องดำเนินการทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งให้ผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว เขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับแผนการบางอย่างในเรื่องราวที่ซับซ้อนทั้งการเมืองและความศรัทธา ในความลับที่ถูกซ่อนไว้ หนังบอกเล่าถึงความเป็นจริงของโลกในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โลกที่ทุกฝ่ายต่างพร้อมจะห่ำหั่นกันโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร สนใจแต่ตัวเองเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ทำให้เห็นว่าถ้าเราปล่อยให้ความเกลียดชังและอำนาจมาครอบงำหัวใจและสมอง แม้แต่ศาสนาก็ไม่อาจเอาชนะความดำมืดของมนุษย์ได้
Nickel Boys
จากนวนิยายแห่งทศวรรษสู่ภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซแห่งยุคสมัย ที่ได้รับคำวิจารณ์ยกให้เป็นผลงานระดับ ‘มาสเตอร์พีซ’ และยังคว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จาก Writers Guild Of America ครั้งที่ 77 เป็นอีกม้ามืดนอกกระแสที่สามมารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้ 2 สาขา
ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายรางวัลพูลิตเซอร์ ปลายปากกาของโคลสัน ไวต์เฮด จากเรื่องจริงสะเทือนขวัญท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสีผิวในอเมริกา ‘เอลวูด เคอร์ติส’ เด็กผิวดำชาวฟลอริดาที่มีอนาคตไกล กำลังจะได้เรียนต่อ แต่ชีวิตกลับพลิกผันเมื่อมีรถที่ถูกขโมยทำให้เขาถูกปรักปรำ และต้องรับโทษทัณฑ์ให้ไปอยู่ในโรงเรียนดัดสันดานที่ชื่อว่า ‘โรงเรียนนิกเคิล’ ที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความอยุติธรรม นรกแห่งการลงทัณฑ์ที่แท้จริงซ่อนอยู่ในแววตาเลือดเย็นของผู้คุม อาคารลึกลับหลังโรงเรียน และเสียงปริศนายามค่ำคืน เมื่อสถานที่ที่ควรปลอดภัยกลับอันตรายที่สุด นำไปสู่เรื่องราวการต่อสู้อันทรงพลังเพื่อทวงคืนสิทธิในฐานะมนุษย์ผู้ไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรม
“ทางออกจากนิกเคิลมีสี่ทาง รับโทษจนครบเวลา ปาฏิหาริย์ศาลเมตตา หาทางหนี เสียชีวิต หรือทางสุดท้ายก็คือ …”
หนังทำให้เราเห็นจิตวิญญาณอันแรงกล้าและการไม่ละทิ้งความหวัง ถึงเรื่องราวของการดิ้นรนและไม่ยอมต่อความอยุติทัณฑ์ ที่คอยกัดกินความเยาว์วัยตัวละครในเรื่อง ผ่านการแบ่งแยกทางสังคมสีผิวที่ไม่มีการละเว้นแม้กระทั่งกับเด็กเองก็ตาม หนังทำให้เราทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ผ่านประสบการณ์และความรู้สึกของตัวละครที่เราอาจจะไม่มีโอกาสสัมผัสได้เองโดยตรงสักครั้งในชีวิต ผ่านมุมกล้องของหนังที่ถ่ายออกมาเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 เหมือนเราเป็นตัวเอลวูดเอง บางครั้งก็สลับไปเป็นเทอร์เนอร์ หรือเพื่อนร่วมโรงเรียน เหมือนว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง แบบที่ชะตาชีวิตของเด็กๆ ในโรงเรียนนิกเกิลต้องเจอ แต่ยังไงก็ตามในสายตาพวกเขาก็ยังมีความอบอุ่นจากมิตรภาพ ท่ามกลางความเกลียดชังและความรุนแรงก็ยังมีความงดงามของช่วงเวลาวัยเยาวว์และความหวังเล็กๆ ที่หล่อเลี้ยงในแต่ละวัน เพื่อสอนไม่ให้เรายอมแพ้กับชะตาชีวิตที่ต้องเผชิญ
