ถ้าย้อนเวลากลับไปช่วงยุค 80s – 90s นอกจากภาพยนตร์และซีรีส์แนว coming of age / romcom ที่เรียกได้ว่าเป็นพล็อตแห่งยุคแล้ว อีกแนวที่ถูกถ่ายทอดออกมามากไม่แพ้กันคือเรื่องที่มัก Based on a True Story โดยเกินครึ่งถูกสร้างจากเรื่องจริงของชีวิตคนจริงๆ อีกด้วย และหลายเรื่องยังสามารถคว้ารางวัลมากมายมาครอบครองได้ ที่เป็นเหมือนเครื่องการันตีคุณภาพ รวมถึงถูกพูดถึงมาจนปัจจุบันเพราะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีไฟ เป็นเรื่องราวชีวิตจริงบนจอของเหล่าตัวละคร ‘คนธรรมดา’ สู่ ‘มหาเศรษฐี’ ใครมีตัวละครโปรดจากภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องไหนกันบ้าง มาแนะนำกันได้ที่ใต้คอมเมนต์เลยนะคะ
วันนี้แสนสิริรวบรวมเรื่องราวของเหล่าตัวละครที่ถ่ายทอดชีวิตลงบนจอ จากคนธรรมดาที่เลือกทางเดินชีวิตที่ต่างออกไป ทั้งดิ้นรน ต่อสู้ ไม่จำนน หรือโอนอ่อนต่อชะตาชีวิต ฝ่าฟันจนสามารถขึ้นสู่กรเป็นมหาเศรษฐีได้ในที่สุด เรียกได้ว่ามีแง่มุมการใชีชวิตที่่น่าสนใจไม่แพ้พล็อตรูปแบบอื่น รวมถึงอาจจะเป็นอีกหนึ่งในภาพยนตร์และซีรีส์โปรดในลิสต์ของใครหลายคนเลยก็ได้ค่ะ จะมีเรื่องไหนที่น่าสนใจบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยค่ะ!
แสนสิริเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเหล่า Young Successor คือทุกเส้นทางมีเรื่องเล่าที่น่าภูมิใจ และทุกก้าวเล็ก ๆ ของความพยายามผลักให้พวกเขาขึ้นมาเป็น Young Successor ของยุคคนรุ่นใหม่ที่ก้าวสู่ความสำเร็จด้วยความตั้งใจ ถึงเวลาโชว์ความภาคภูมิใจของการเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จได้แล้วตอนนี้ที่ Watch Me✨ ใครอยากร่วมเทรนด์ คลิกเลย : http://siri.ly/8n1jbN8
The Pursuit of Happyness
ภาพยนตร์สุดขึ้นชื่อแห่งการสร้างแรงบันดาลใจอันดับต้นๆ ที่ใครก็ต่างพูดถึงหรือติดหนึ่งในโผหนังโปรดของใครหลายคนแน่นอน ภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยนักแสดงมากฝีมือ ‘วิลล์ สมิธ’ กับลูกชายแท้ๆ ของเขา ‘เจเดน สมิธ’ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรวมกว่า 26 รางวัล และคว้ารางวัลมากมายถึง 12 รางวัล ทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม และสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ ‘คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์’ ที่ตัดสินใจผิดพลาดในการลงทุนซื้อเครื่องสแกนกระดูกมาเพื่อจำหน่าย แต่กลับถูกเหล่าโรงพยาบาลและคลินิกมองว่าเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ฟุ่มเฟือย ทำให้เขาเป็นคนที่สูญเสียทุกสิ่งและกลายเป็นคนไร้บ้าน แต่ด้วยความรักที่มีต่อลูกชาย เขาจึงมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อ ต่อสู้เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคและสร้างชีวิตที่ดีขึ้น มุ่งสู่งานสายการเงิน จนกระทั่งในที่สุดเขาก็สามารถพลิกชีวิตได้โดยการสอบเป็นนายหน้าค้าหุ้นได้สำเร็จ ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตที่ถาโถมเข้ามา จนประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐีในที่สุด
“อย่าให้ใครมาบอกลูกว่า ลูกทำนั่นทำนี่ไม่ได้ แม้แต่พ่อ เมื่อลูกมีความฝัน ลูกต้องปกป้องมัน คนที่ทำอะไรไม่ได้ เขาจะบอกลูกว่าลูกทำไม่ได้หรอก ถ้าลูกต้องการอะไร ต้องเอามันมาให้ได้”
ภาพยนตร์ทำให้เราเห็นถึงมุมมองและความคิดของบทบาทคนเป็นพ่อที่ไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิต รวมถึงได้เห็นอีกมุมมองที่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ ทำให้เราเห็นว่าเมื่อเราเชื่อในสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อ นั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต รวมถึงในวันที่เราอ่อนแอและย่อท้อที่สุดในชีวิตการมี สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ถือเป็นสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ยังก้าวต่อไปได้ สำหรับคริสโตเฟอร์นั่นคือความฝันที่จะมีชีวิตที่มีความสุขพร้อมกับลูกชาย เรื่องราวในภาพยนตร์ช่วยสร้างพลังบวก เติมไฟทั้งในการสู้ชีวิต การทำงาน เป็นอีกหนึ่งภาพยนตรน้ำดีที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับคนที่กำลังหมดแรงในยุคเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดีอีกเรื่องหนึ่ง ในวันที่หมดกำลังใจ กลับไปดูกี่ครั้งๆ ก็มีพลังพร้อมลุยงานต่อ
The Wolf of wall street
ภาพยนตร์สร้างจากหนังสืออัตชีวประวัติของ จอร์แดน เบลฟอร์ท ที่ขายดีขึ้นอันดับหนึ่งของ New York Times และ LA Times โดยถูกวางขายใน 40 ประเทศและถูกแปลไป 18 ภาษาทั่วโลก ทำรายได้ถล่มทลาย นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio ตัวหนังเรื่องนี้ก็ได้รับบทวิจารณ์ไปในทางดี และเข้าชิงรางวัลในเวทีใหญ่ระดับโลกมากมาย อีกทั้งนักแสดงนำอย่างลีโอนาร์โดชนะรางวัล Best Actor สาขา Musical or Comedy ใน Golden Globes Award 2014 รวมถึงได้เข้าชิงถึง 5 สาขารางวัลออสการ์
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ ‘จอร์แดน เบลฟอร์ด’ โบรกเกอร์หนุ่มผู้ที่เข้าทำงานในบริษัทแค่วันเดียวบริษัทก็ต้องปิดตัวลง เพราะเจอพิษ Black Monday ทำเอาตลาดหุ้นร่วงระนาวกันทั่วโลก เขาจึงได้ไปทำงานในบริษัทเล็กๆ ขายหุ้น Penny Stock หรือหุ้นที่มีราคาถูก แต่ด้วยความเก่งจึงทำให้ขายดีจนออกมาเปิดบริษัทเอง และรวบรวมผู้คนที่ทะเยอทะยานและอยากรวยให้มาทำงานเป็นนายหน้าค้าขายหุ้น ใช้กลโกงมากมายในการล่อลวงลูกค้าให้ซื้อหุ้นเสีย หรือหลอกให้ซื้อหุ้นปั่น เพื่อเอากำไรจากค่าคอมมิชชั่นและส่วนต่างราคาอันมหาศาล โดยตัวเขาและทีมก็อยู่เบื้องหลังทั้งหมด จนชีวิตพลิกผันไปสู่จุดสูงสุด จากคนที่ไม่มีอะไรเลยสู่มหาเศรษฐีที่สามารถเอาเงินไปใช้ชีวิตท่ามกลางแสง สี เสียง ปาร์ตี้ ได้อย่างไม่มีลิมิตในช่วงหนึ่งของชีวิิต
“ไม่ว่าจะใคร จะรวยจะจน ต่างก็มีความอยากในใจของตัวเองเสมอ”
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ้าดูผ่านๆ เราอาจจะได้เห็นแค่ในด้านความสนุก ความมันส์ และความสะใจของบทที่ถ่ายทอดออกมา แต่ในอีกมุมหนึ่งจริงๆ หนังแฝงไปด้วยแรงบันดาลใจและความทะเยอะทะยานในการใช้ชีวิต เช่น การไม่ย่อท้อต่อปัญหาชีวิต ดิ้นรน พยายามในทุกทางจนได้สิ่งที่ต้องการมาในที่สุด เราจะเห็นได้จากจอร์แดนและเพื่อนร่วมทีมของเขาที่เอาความทะเยอะทะยานเป็นหัวใจสำคัญในการขายหุ้นอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดก็ทำให้พวกเขาได้เงินกลับมาอย่างมหาศาล มาเพื่อใช้ปรนเปรอตอบแทนความพยายามในการทำงานอย่างหนักด้วยกัน ทำให้เห็นว่าแม้ในวันที่ทุกคนล้มแล้ว ถ้ายังไม่ถึงกับตายเลยก็มีโอกาสที่จะลุกขึ้นมาทำตามฝันได้อีกครั้งเสมอ
joy
ภาพยนตร์ผลงานของ เดวิด โอ รัสเซลล์ หลังจากการกำกับเรื่อง The Fighter, Silver Linings Playbook และ American Hustle ซึ่งทั้งสามเรื่องได้เข้าชิงรางวัลออสการ์รวมกันถึง 25 รางวัล เรื่องนี้นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้ซึ่งเธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประเภทหนังเพลงหรือตลก และได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอีกด้วย
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการสู้ชีวิตของ ‘จอย แมงกาโน่’ นักประดิษฐ์และดาวเด่นในวงการขายสินค้าทางโทรทัศน์ กับชีวิตก่อนประสบความสำเร็จที่เธอต้องต่อสู้เป็นเสาหลักของครอบครัว จนวันหนึ่งระหว่างที่เก็บเศษแก้วไวน์เธอได้ไอเดียในการทำไม้ม๊อบที่ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องบิดผ้าถู และสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย แต่กลับกันชีวิตของเธฮไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น ระหว่างทางจอยต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งครอบครัวที่ไม่สนับสนุน ทั้งซับพลายเออร์ที่พยายามจะโกงแปลนไม้ม๊อบ แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็พยายามขายไอเดียของตัวเอง ผลิตสินค้าเอง ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ จนในที่สุดไม้ถูพื้นแบบม็อบ Miracle Mop ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนเธอสามารถสร้างบริษัท Miracles Products และกลายเป็นนักธุรกิจสาวและเศรษฐีนีระดับพันล้านได้
“อย่าไปคิดว่าโลกจะต้องให้อะไรเรา โลกไม่จำเป็นต้องให้อะไรกับเรา”
ภาพยนตร์สะท้อนภาพของคนที่มีฝันแล้วยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อความสำเร็จได้ แม้โลกจะโหดร้ายและส่งบททดสอบมาให้เราอยู่เสมอ โดยภาพยนตร์ไม่ได้เพียงแค่ฉายภาพของนักธุรกิจ แต่เป็นนักธุรกิจหญิงที่มีปัจจัยมากมายในชีวิตที่จะฉุดรั้งเธอจากความสำเร็จ และเอาชนะสังคมปิตาธิปไตยในโลกธุรกิจได้ ทำให้เราได้เห็นมุมมองจากตัวละครจอยว่าแม้ชีวิตจะยาก โลกจะใจร้ายกับเรา ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจในสิ่งที่เรากำลังพยายามอยู่ แต่จงอย่าท้อ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ ขอเพียงแค่มุ่งมั่นและซื่อสัตย์ต่อความฝันตัวเอง ความอดทน ความขยัน และไม่ยอมล้ม ไม่เคยทรยศใคร และออกมาเป็นผลลัพธ์คือการประสบความสำเร็จได้ในสักวันนั่นเองค่
Self Made
ซีรีส์แนวดราม่าอิงประวัติศาสตร์ สร้างจากหนังสือชีวประวัติ On Her Own Ground นำแสดงโดย ออคตาเวีย สเปนเซอร์ นักแสดงดีกรีรางวัลออสการ์จากหนังเรื่อง The Help, Ma และ Hidden Figures เป็นอีก Limited Series ของ Netflix ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากตั้งแต่เริ่มฉาย จนนักแสดงนำอย่าง ออคตาเวีย สเปนเซอร์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Award สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
ซีรีส์เล่าเรื่องราวของ ‘ซาราห์ บรีดเลิฟ’ หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ ‘มาดาม ซี.เจ. วอล์กเกอร์’ เศรษฐินีที่สร้างฐานะด้วยตัวเอง (Self Made Millionaire) คนแรกของอเมริกา หญิงผิวดำที่มีชีวิตค่อนข้างลำบากและอาภัพซึ่งในตอนนั้นคนผิวสียังคงถูกเหยียดชนชั้นอยู่ เธอต้องทำงานเป็นสาวรับจ้างซักผ้า อยู่มาวันนึง ผมของเธอเริ่มร่วงโดยไม่มีสาเหตุ เธอเลยไปขอความช่วยเหลือจาก แอดดี้ โรมัน ซึ่งเป็นคนชั้นสูงมีฐานะได้ทำผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเป็นของตัวเอง เข้ามายื่นข้อเสนอกับซาราห์ว่าเขาจะดูแลเส้นผมให้ แล้วซาราห์ซักผ้าให้เขาฟรีเป็นการตอบแทน ปรากฏว่าครีมนั้นได้ผลดีมาก เธอเห็นประสิทธิภาพของครีมนี้จึงอาสาขอช่วยแอดดี้ขาย แต่แอดดี้ไม่เห็นด้วย เพราะซาราห์เป็นหญิงผิวสีไม่เหมาะกับงานแบบนี้ จึงเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้เธออยากจะสร้างอาณาจักรผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมของเธอขึ้นมา จนประสบความสำเร็จและก้าวมาเป็นเศรษฐีได้ แม้ต้องพบเจออุปสรรคต่าง ๆ มากมาย
“Don’t gamble your future away on that man, any man. Always make your own money”
ซีรีส์สะท้อนภาพของการเริ่มทำธุรกิจของคนผิวดำในอเมริกาที่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ต้องเรียกว่าเริ่มจากติดลบ แถมพอเป็นผู้หญิงก็ยิ่งโดนสังคมในอเมริกาในตอนนั้นกดทับในหลายๆ ทาง กับชีวิตค่อนข้างจะอาภัพกว่าจะขึ้นมามีฐานะได้ก็ยังต้องเจออุปสรรคอีกมากมาย ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน รวมถึงการรู้จักท้าชนกับปัญหา แต่แทนที่เธอจะท้อถอยเธอกลับฝ่าฟันอุปสรรคทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้น จนสามารถมีฐานะที่ดีและกลายเป็นเศรษฐีนีคนแรกในอเมริกาได้ในยุคที่คนผิวดำยังไม่ถูกยอมรับ ชีวิตของมาดามในซีรีส์ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เสริมกำลังใจ และมอบพลังงานได้อย่างดี ในช่วงที่หลายคนต้องการกำลังใจสู้ชีวิต นอกจากนี้ยังแฝงเรื่องสิทธิสตรี ค่านิยมเรื่องความงามในเรื่องให้เราได้เห็นอีกด้วย เป็นอีกซีรีส์ที่อยากให้ทุกคนได้ลองดูสักครั้งค่ะ
สงครามส่งด่วน
หนึ่งในซีรีส์แห่งปีของไทยในปี 2025 เลยก็ว่าได้จาก Netflix ด้วยความเข้มข้นของเนื้อเรื่องที่เชือดเฉือนเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจ ที่ใช้ระยะเวลากว่า 4 ปีกว่าจะออกมาเป็นซีรีส์ให้เราได้ชมกัน จนได้รับกระแสตอบรับที่ดีไปอย่างล้นหลามทั้งเหล่านักแสดงและทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน โดยสามารถคว้า 5 รางวัลจากเวที FEED X KHAOSOD AWARDS 2025 และยังมีชื่อเข้าชิงในงาน International Streaming Festival ณ ประเทศเกาหลีใต้ ถึง 3 สาขารางวัลอีกด้วย
ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของ ‘คมสันต์ ลี’ หรือ ‘สันติ แซ่ลี’ เด็กดอยที่มีความฝันจะยกระดับชีวิตครอบครัวให้หลุดพ้นจากความยากจน ด้วยความสามารถด้านภาษาจีนที่แม่สอนมาตั้งแต่เด็ก ก่อนออกเดินทางมายังกรุงเทพและดิ้นรนเปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆ เพื่อหาช่องทางทำธุรกิจ แล้วได้พบโอกาสเมื่อเล็งเห็นว่าค่าขนส่งพัสดุระหว่างไทยกับจีนแตกต่างกันอย่างมหาศาล สันติทุ่มหมดหน้าตักเพื่อเปิดธุรกิจนี้ แต่เส้นทางธุรกิจกลับไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง ถูกหักหลังและท้าทายด้วยอำนาจทุนใหญ่ แต่สุดท้ายกลับพลิกมาเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทย สร้างสตาร์ทอัพขนส่งที่มีมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาทได้
“เงินอยู่ในอากาศ คุณคว้ามันได้หรือเปล่า”
ซีรีส์สะท้อนภาพของปมความขัดแย้งระหว่างคนรวยและคนจน กลุ่มพริวิเลจ และคนชายขอบเป็นหัวใจหลัก ทุกตอนเต็มไปด้วยการหักหลัง แย่งชิง ที่เข้มข้นเพราะทุกคนล้วนอยากเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด รวมทั้งตอกย้ำความจริงในสังคมทำให้เห็นถึงความฝันของคนต่างจังหวัดที่ถูกบดด้วยทุนใหญ่ และกว่าจะได้ความสำเร็จมามักมีสิ่งที่ต้องแลกเสมอ อีกในแง่มุมก็ให้เราได้สัมผัสถึงแรงบันดาลใจอันแรงกล้า และความบ้าคลั่งดีเดือดที่ซ่อนอยู่ในมิติแต่ละตัวละคร ทุกวันของ Thunder Express คือการเดิมพันที่ต้องลงหมดหน้าตักไม่มีคำว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม มีแต่คำว่าจะทำหรือไม่ทำเท่านั้น ช่วยจุดไฟสร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนที่รับชมฮึดสู้อีกสักครั้งในชีวิต และชวนให้เราลุกไปเป็นหัวแถวด้วยกัน
Start-up
ซีรีส์เกาหลีที่สร้างแรงบันดาลใจใและอยู่ในดวงใจใครหลายคนในการเริ่มต้นทำตามความฝัน ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความฝันที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เป็นอีกซีรีส์ชื่อดังที่ต้องผ่านตาใครหลายคนแน่นอน เจ้าของรางวัลมากมายทั้ง Baeksang Arts Awards และ Seoul International Drama Awards รวมทั้งได้รีเมคเป็นเวอร์ชันไทยก็ทำได้ดีจนสามารถคว้ารางวัล Silver Awards สาขา Best TV Format Adaptation (Scripted) in Asia จากงาน ContentAsia Awards 2024 มาครองได้
ซีรีส์เล่ารื่องราวของ ‘ซอล ดัลมี’ นางเอกที่แม้จะเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย แต่ทำงานเก่งและหวังว่าตัวเองจะเฉิดฉายเข้าสู่วงการสตาร์ทอัพ ได้กลายเป็น สตีฟ จ็อบส์ กับ ‘นัม โดซาน’ CEO ของสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ ที่แม้จะมีฝีมือ แต่ไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนและทำกำไรให้บริษัทได้ ซึ่งด้วยเหตุต่างๆ ก็ได้ทำให้พวกเขาได้มาเจอกัน เรียนรู้ และเข้าร่วมการแข่งขัน แฮกกาทอน ของ Sandbox เพื่อช่วงชิงเงินทุนในการก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยี ด้วยความหวังที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีปัญหาครอบครัวในอดีตมาเป็นแรงผลักดัน พร้อมทั้งเรื่องราวความรักความทรงจำในวัยเด็กที่เป็นพหรมลิขิตมาจนถึงปัจจุบัน
“ถ้ามีแต่วันที่สว่างสดใส โลกทั้งใบก็จะเป็นทะเลทราย ต้องมีฝนมีหิมะตกด้วย หญ้าจะได้งอกงามจากพื้นดิน”
ซีรีส์สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนมีฝันอยากทำธุรกิจเป็นอย่างดี เรื่องราวจากจุดเริ่มต้นของการเริ่มทำ Start-up ต่อเนื่องมาอย่างเข้มข้นว่า ทำให้เราเห็นภาพว่าการจะทำธุรกิจจะต้องเจอกับอะไร ปัญหามีที่จุดไหน ตีแผ่อาชีพการทำงานของวงการ Start-up ให้เราได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังได้เป็นอย่างดี และนอกจากที่เราจะได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังแฝงไปด้วยบทเรียนและแนวคิดต่างๆ มากมาย ที่ช่วยถ่ายทอดความฝัน และให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจอีกด้วย แม้จะต้องเจอความผิดหวัง ล้มเหลว ผิดพลาดในระหว่างทาง แต่ปลายทางความสำเร็จของคนทะเยอทะยาน