โครงการใหม่ที่กำลังเป็นเทรนด์ที่สุดในปี 2017 จากเอเชีย

ในช่วงที่หลายสำนักกำลังขยัน review สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดปี 2017 พร้อมทั้งพยายามทำนายเทรนด์หรือแนวโน้มความเป็นไปในปี 2018 Trendwatching.com คืออีกหนึ่งเว็บไซต์ที่เป็นขาประจำในการรวบรวมทิศทางการทำการตลาดจากทั่วโลก ที่บรรดาทีม marketing และเอเจนซี่ใหญ่ๆ ต่างยอมเสียเงินค่าสมาชิกเพื่อแลกกับข้อมูลที่จะนำมาใช้คิดและวางแผนแคมเปญการขายให้สร้างสรรค์และโดดเด่นกว่าคู่แข่ง

 

ข้อดีของ Trendwatching.com คือ มีการจัดหมวดหมู่ชัดเจน ไม่ฉาบฉวย ไม่ได้นึกอยากจะหยิบจับเทรนด์อะไรมาโปรโมทก็ได้ แต่ทุกเทรนด์จะต้องมี impact หรือสร้างผลกระทบกับผู้บริโภคในวงกว้างหรือเฉพาะกลุ่ม (แต่สำคัญ) ได้ โดยมีตำแหน่งที่เรียกว่า Trend Strategist มาคอยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแต่ละเทรนด์ รวมถึงให้คำแนะนำสำหรับการนำไปปรับใช้อีกด้วย

และจากกว่า 10 หมวด 50 กว่าแคมเปญ ของรายงาน“10 ASIAN TRENDS FOR 2018” ฉบับล่าสุด แสนสิริ บล็อก คัด 3 เทรนด์ 3 แคมเปญจากอินเดีย ฮ่องกง และญี่ปุ่น ที่น่าสนใจที่สุดในมุมมองของเรามาไว้แล้ว ได้เวลาเปิดโลกไปดูว่าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียของเรานั้นทำอะไรกันบ้างในปี 2017 และจะส่งผลถึงปี 2018 ซึ่งกำลังจะมาถึงอย่างไร

มนุษย์เมนส์ใน start-up อินเดียมีเฮ ลาหยุดได้ในวันนั้นของเดือน

Culture Machine คือบริษัท start-up ดิจิทัลมีเดียที่มีออฟฟิศอยู่ทั่วอินเดีย และเฉพาะสำนักงานที่มุมไบนั้นก็มีพนักงานผู้หญิงถึง 75 คน นโยบายอนุญาตให้พนักงานผู้หญิงสามารถลางานได้ในวันแรกที่มีประจำเดือนจึงเกิดขึ้น สำหรับผู้หญิงนั้น คงไม่ต้องอธิบายว่าช่วง “วันนั้นของเดือน” นั้นน่าหงุดหงิดขนาดไหน และส่งผลกับประสิทธิภาพการทำงาน หรือแม้แต่ต่อคนรอบข้างมากเพียงใด แต่สำหรับผู้ชาย หากดูคลิปนี้จบแล้ว นอกจากจะได้รับรู้ความทรมานของผู้หญิงแล้ว ยังจะเห็นด้วยว่าบรรดาผู้บริหารผู้ชายต่างก็เห็นดีเห็นงามกับความคิดนี้ ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ทำให้องค์กร Creative Machine กลายเป็นพระเอกได้ไม่ยาก

และอย่าลืมว่านี่คือ อินเดีย ประเทศที่เคร่งเรื่องวัฒนธรรมและหัวโบราณเมื่อพูดถึงเรื่องเพศ แต่ start-up ขนาดกลางแห่งนี้กลับใช้หัวข้อโดนๆ มามัดใจกลุ่มเป้าหมายเพศหญิง แถมยังได้ภาพผู้นำทางความคิดที่จุดประเด็นทางสังคมไปทางอ้อมอีกด้วย

Trend Tips: Trendwatching.com จัดแคมเปญนี้ให้อยู่ในกลุ่ม Shy Another Day ที่มองว่าเอเชียเป็นภูมิภาคที่ยังไม่ค่อยเปิดกว้างหรือออกแนวกระอักกระอ่วนเมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องพูดถึงเรื่องเพศ สุขภาพจิต และประวัติศาสตร์การเมือง แต่เว็บไซต์นี้มองว่าในปี 2017 เราเริ่มเห็นแคมเปญที่คิดแบบหัวก้าวหน้ามากขึ้น และเราจะได้เห็นแคมเปญแบบนี้มากขึ้นอีกในปี 2018 อย่างแน่นอน

มองมุมหมา กับการท่องเที่ยวฮ่องกง

https://www.youtube.com/watch?v=S2TSb22_81E

แคมเปญโปรโมทการท่องเที่ยวเป็นแคมเปญอีกประเภทหนึ่งที่เปิดกว้างและมีโอกาสในการใช้ความคิดสร้างสรรค์มาผลิตงานได้อย่างหลากหลาย แต่หลายครั้งก็แคมเปญเหล่านี้ก็ไม่อาจหลุดจากกรอบเดิมๆ อย่างการใช้ประเด็นเรื่องอิสระของชีวิต ใช้ชีวิตให้เต็มที่ หรือการหาประสบการณ์ใหม่ๆ  แต่กับแคมเปญของการท่องเที่ยวฮ่องกงล่าสุด แม้สุดท้ายตอนจบคือการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวแบบ unseen ที่เรียกว่า Old Town Central ผ่านมุมมองของเจ้าถิ่น แต่เจ้าถิ่นที่ว่านี้ กลับเป็นสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ 5 ตัว ที่มีชื่อเรียกรวมว่า WE5 โดยทุกตัวจะพาคนดูไปซอกแซกตามตรอกซอกซอยของ Central ฮ่องกง แต่ละตัวจะนำเสนอสถานที่ที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม แคมเปญนี้ก็ยังเลือกใช้คนที่เป็น expert หรือเซียนในด้านต่างๆ มาช่วยทำให้การตระเวนเที่ยวในฮ่องกงนั้นน่าสนุกมากยิ่งขึ้น

Trend Tips: Animal Kingdom คือคำที่ Trendwatching.com ใช้กับแคมเปญนี้ จริงๆ แล้วยังมีแคมเปญที่น่าสนใจอีกมากมายภายใต้เทรนด์นี้ ไม่ว่าจะเป็น UberPET หรืออูเบอร์ที่รับผู้โดยสารพร้อมสัตว์เลี้ยงในสิงคโปร์ หรือบริษัทในอินเดียที่อนุญาตให้พนักงานลาหยุดได้ 1 สัปดาห์ หากมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ โดยเทรนด์นี้มองว่าคนเอเชียที่ต้องเผชิญกับความเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น ต้องเจอกับความเหงาหรือซึมเศร้าที่มีต้นเหตุจากสังคมเมือง และการหาเพื่อนรู้ใจจากคนรอบตัวที่ยากมากขึ้น สัตว์เลี้ยงก็ดูจะเป็นทางออกและเป็นสิ่งที่คนให้คุณค่ามากขึ้น

เที่ยวญี่ปุ่น ไม่พะรุงพะรัง กับบริการรับฝากของตามคาเฟ่

ลองนึกว่าถ้าเราไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วใช้บริการ Airbnb จากนั้นเมื่อเช็คเอาท์ออกจากที่พัก แต่เวลาเหลือ แล้วอยากเที่ยวต่อให้คุ้ม เราจะทำอย่างไรดีกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ถุงช้อปปิ้งเครื่องสำอาง รองเท้า และของฝากต่างๆ จะให้ฝากไว้กับที่พัก Airbnb ก็ยาก เพราะบางที่ไม่มีบริการนี้เหมือนตามโรงแรม จะให้ลากกระเป๋าเดินทางไปเก็บตกที่เที่ยวด้วย ก็คงจะเหมือนฝันร้าย ด้วยปัญหานี้เอง Ecbo Cloak จึงเกิดขึ้น

Ecbo Cloak เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2017 ด้วยไอเดียธุรกิจแบบไม่ซับซ้อนคือ การใช้พื้นที่เหลือตามคาเฟ่ ร้านกาแฟ ร้านอาหารต่างๆ  ทั่วโตเกียวให้เป็นประโยชน์ ด้วยการให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถรับฝากของจากนักท่องเที่ยวได้ โดย Ecbo Cloak จัดเตรียมเว็บไซต์ให้กับร้านค้า เพื่อที่นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการใช้บริการสามารถเข้ามาจองพื้นที่ล่วงหน้าได้ก่อน  โดยรูปแบบเว็บไซต์ก็ใช้ง่าย สะดวกสบายไม่ต่างจากการจองโรงแรมเลยทีเดียว

Trend Tips: เทรนด์นี้เรียกว่า Anywhereism ด้วยเหตุผลที่ว่ายิ่งคนท่องเที่ยวมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความคาดหวังเรื่องความสะดวกสบายมากขึ้นเรื่อยๆ  คนกลุ่มนี้ต้องการให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวราบรื่นไม่ต่างจากการใช้ชีวิตในประเทศของตัวเอง สิ่งที่น่าสนใจคือ หากแบรนด์สามารถทำให้เมืองหรือชุมชนสามารถต้อนรับและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น  นั่นอาจจะเป็นอีกโอกาสทางการตลาดก็ได้

เครดิต: ข้อมูลจาก Trendwatching.com