#วัฒนTrend ช่วงนี้ใครกำลังมองหาบ้านอยู่บ้างไหมคะ ทำให้บางทีเราผ่านบ้านในละแวกต่างๆ ไม่ว่าจะท่องเที่ยวอยู่ในประเทศหรือไปต่างประเทศ ช่วงเวลาที่ได้ไปเดินในแหล่งชุมชนก็อดชมถึงเจ้าของบ้านหลังนั้นๆ ไม่ได้ว่า บ้านสวยจัง บ้านนี้เทสต์ดีเนอะ เจ้าของเขามีเทสต์จัง✨ ในการเลือกวัสดุ เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงองค์ประกอบต่างๆ ของบ้านที่สะท้อนมาจากตัวตนและความชื่นชอบของเจ้าของบ้านได้อย่างดีให้เราได้เห็นผ่านบ้าน แต่ทุกคนรู้ไหมคะว่าในการแต่งบ้านจนออกมามีเทสต์ได้นั้น หลายๆ ชิ้นงานหรือรูปแบบการออกแบบก็ได้แรงบันดาลใจมาจากรากเหง้าของวัฒธรรมและสังคมของประเทศต่างๆ ด้วยเช่นกันค่ะ
วันนี้แสนสิริอยากชวนทุกคนไปส่องวิธีโชว์ความเทสต์ดีของแต่ละประเทศด้วยกันค่ะ โดยเราได้หยิบยกประเทศที่โชว์ความเทสต์ดีให้เราเห็นผ่านสังคมและวัฒนธรรมที่แอบซ่อนอยู่ไม่ว่าจะสิ่งของ เครื่องประดับ สถานที่ หรือความเชื่อ ก็ถูกนำมาถ่ายทอดและเกี่ยวโยงกับการนำเสนอออกมาเป็นตัวตนความเทสต์ดี จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ จนนำไปสู่การเป็น soft power ด้วยก็มีเช่นกันค่ะ จะมีประเทศไหนที่น่าสนใจกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ!
ไม่ว่าจะบ้านเทสต์ไหนก็มีเสสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเทศ ที่แสนสิริเอง ก็มีดีไซน์โครงการบ้านเดี่ยวที่สง่างามสมความภาคภูมิ คิดทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต สู่ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อเชื่อมต่อความสุขและความผูกพันของครอบครัว และยังเชื่อมต่อกับสังคมคุณภาพ ด้วยคลับเฮาส์ และส่วนกลางที่ออกแบบอย่างดี พร้อมความอุ่นใจจากมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ผ่านเทคโนโลยีทันสมัยครอบคลุมทุกพื้นที่
สนใจโครงการ คลิกที่นี่! https://siri.ly/wcT5bdA
เทสต์ดีในแบบเดนมาร์ก ที่เชื่อว่าความหรูไม่ต้องตะโกน แต่ต้องสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน โชว์ความหรูหราของบ้าน ผ่านถ้วยชามบนโต๊ะกินข้าว Royal Copenhagen
Royal Copenhagen ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 1775 ก่อตั้งโดย Queen Juliane Marie แห่งเดนมาร์ก เพื่อผลิตเครื่องกระเบื้องคุณภาพสูงให้ราชสำนักใช้ ก่อนจะกลายเป็นของสะสมของครอบครัวชนชั้นสูงทั่วประเทศ
ดีไซน์ที่โด่งดังคือลาย Blue Fluted Plain หรือลายดอกไม้และเส้นน้ำสีครามที่หมุนวน ทุกชิ้นของ Royal Copenhagen ถูกวาดโดยช่างฝีมือที่ผ่านการฝึกอบรมยาวนาน หนึ่งใบใช้เวลาเพนต์กว่า 1,000 จังหวะ และยังคงผลิตด้วยเทคนิคเดิมมาตลอดเกือบ 250 ปี
ใต้ฐานถ้วยทุกใบ จะมีลาย “คลื่นน้ำสามเส้น” (Three Wavy Lines)
เป็นสัญลักษณ์แทนช่องแคบสามสายของเดนมาร์กอย่าง Øresund, Great Belt, และ Little Belt ลายเส้นเหล่านี้ไม่เพียงเป็นตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ แต่ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นถึงรากและธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คน
ครอบครัวเดนมาร์กนิยมมอบ Royal Copenhagen ให้กันในวันสำคัญ
เช่น งานแต่งงาน วันเกิด หรือวันขึ้นบ้านใหม่ ไม่ใช่เพราะราคาแพง แต่เพราะ “ของชิ้นนี้จะถูกใช้ในทุกวันสำคัญของชีวิต” เพื่อเป็นความทรงจำและมรดกทางศิลปะของเดนมาร์กสืบต่อไป
บ้านที่เทสต์ดีในแบบฝรั่งเศส ไม่ใช่บ้านที่มีของแพง แต่บ้านคือศิลปะที่ผ่านการ คัด – จัด – ผสม ให้งานศิลปะใช้ได้จริงในทุกวัน โชว์ความมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบคลาสสิค
ฝรั่งเศสให้คุณค่ากับสิ่งที่เรียกว่า Arts Décoratifs ศิลปะที่เกิดขึ้นเพื่ออยู่ร่วมกับชีวิต ไม่ใช่แค่แขวนโชว์บนผนังทเฟอร์นิเจอร์ ผืนผ้า ผนังปูนปั้น โคมไฟ หรือแจกันเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วหลังจากยุคหลุยส์ที่ 14 รัฐฝรั่งเศสมีการสนับสนุนงานช่างฝีมือ ทั้งช่างทอ ช่างแกะไม้ ช่างทำเฟอร์นิเจอร์ ผ่านสถาบันอย่าง Manufacture des Gobelins และต่อเนื่องมาถึง Mobilier National ในปัจจุบัน เพื่อให้ศิลปะฝังอยู่ในบ้านของผู้คน
จนเกิดการผสมผสาน functional art และ aesthetic art กลายเป็นหนึ่งเดียว บ้านฝรั่งเศสจึงเต็มไปด้วยพื้นผิว – ผืนผ้า ศิลปะที่มีชีวิต และเชื่อว่าศิลปะไม่ควรถูกจัดแยกจากชีวิตจริง สิ่งเหล่านี้พัฒนานำมาสู่ปรัชญาแห่งชีวิตที่เรียกว่า Art de Vivre หรือ “ศิลปะแห่งการใช้ชีวิต” ไม่ว่าจะเป็น การจัดโต๊ะอาหาร, การเลือกโคมไฟ, การวางหนังสือบนโต๊ะกลาง ล้วนเป็นการจัดองค์ประกอบของความสุขในชีวิตประจำวัน บ้านฝรั่งเศสจึงไม่เน้นโชว์ แต่เน้นการจัดวางอย่างตั้งใจ
บ้านของเศรษฐีอเมริกันไม่ใช่แค่พื้นที่อยู่อาศัย แต่เป็นเครื่องหมายของความสำเร็จ บ้านคือตัวตน โชว์ความหรูแบบเล่นใหญ่ บนทำเลเศรษฐี โดยเฉพาะบนทำเลทองอย่าง Beverly Hills ย่านที่ราคาบ้านเริ่มต้นหลายสิบล้านเหรียญ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งระดับโลก
สหรัฐอเมริกาป็นประเทศที่เกิดจากแนวคิด American Dream จึงมองบ้านเป็นจุดสูงสุดของชีวิต เมื่อทำงานหนัก สำเร็จ และเติบโต ทุกคนก็มักฝันถึงบ้านหลังใหญ่ในย่าน Beverly Hills ลอสแอนเจลิส คือภาพจำของความฝันนี้ ถนนทุกสายเรียงรายด้วยคฤหาสน์สไตล์ร่วมสมัย มีทั้งสนามหญ้า สระว่ายน้ำยาวระดับรีสอร์ต
ทำเลมีความเป็นส่วนตัวสูง และอยู่ใกล้กับศูนย์กลางอุตสาหกรรมบันเทิง จึงเป็นที่อาศัยของคนดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นดาราฮอลลีวูด เจ้าของสตูดิโอ หรือมหาเศรษฐีวงการเทคโนโลยี ราคาบ้านมักเริ่มต้นหลักสิบล้านเหรียญสหรัฐ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ย่านของคนรวย’ และ ‘สวรรค์บนดินของเหล่าชนชั้นสูง’
นี่คือความหรูที่ไม่อ้อมค้อม และไม่จำเป็นต้องซ่อน เพราะในอเมริกา การโชว์บ้านที่มีเทสต์ คือการฉลองความสำเร็จของชีวิตอย่างภาคภูมิผ่านทำเลย่าน Beverly Hills พื้นที่หนึ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ดินแดนของคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก’
ประเทศจีน บ้านคือจิตวิญญาณ โชว์ผ่านการตกแต่งตามคติฮวงจุ้ย เพราะบ้านในวัฒนธรรมจีน ไม่ได้สร้างเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่สร้างเพื่อให้ “พลังชีวิต” ไหลเวียนอยู่ในทุกส่วนของบ้าน
บ้านที่เทสต์ดีในแบบจีน จึงไม่ใช่บ้านที่ใหญ่โตหรือมีของหรูราคาแพง แต่คือบ้านที่จัดวางทุกอย่างอย่างมีความสมดุล ประตูต้องเปิดรับพลังดี, สายน้ำต้องไหลเวียน, แสงต้องตกกระทบ ภายใต้หลักปรัชญา ฮวงจุ้ย (Feng Shui) ที่คนจีนยึดถือมากว่าพันปี
บ้านชนชั้นสูงในอดีตจึงมักมี “สวนจั่วเจิ้ง (Zhuo Zheng Garden)” สวนที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งออกแบบให้ธรรมชาติ น้ำ หิน ไม้ และอาคาร อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ไม่ใช่แค่สวนเพื่อความงาม แต่เป็นการจำลองภูเขา น้ำ ลม และต้นไม้ ให้มีความสัมพันธ์กันทางปรัชญา การเดินชมสวนจึงเปรียบเหมือนการเดินภายในใจตัวเอง
‘หยก’ จึงมักถูกนำมาตกแต่งบ้าน เพราะเป็นอัญมณีสูงสุดของจีน ที่คนจีนเชื่อว่ามีพลังคุ้มครองและเสริมบารมี หยกอยู่คู่สังคมจีนมากว่า 7,000 ปี ไม่เพียงเป็นของมีค่าเท่านั้น แต่เป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรม ความบริสุทธิ์ และการคุ้มครอง นอกจากนี้ บ้านจีนยังให้ความสำคัญกับการตกแต่งด้วยลวดลาย ‘สัตว์เทพทั้งสี่’ ที่มีบทบาทสำคัญในศาสตร์ฮวงจุ้ยและความเชื่อมาอย่างยาวนาน เช่น มังกร หรือ เสือ
บ้านที่เทสต์ดีในแบบจีนจึงไม่ใช่บ้านที่ตกแต่งตามแฟชั่น แต่คือบ้านที่จัดวางความสงบให้กลายเป็นความงาม เพื่อสร้างพลังชีวิตที่ดีให้ไหลเวียนทั่วบ้านตามคติฮวงจุ้ย
ประเทศไทย บ้านไม่เคยเป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่โชว์เทสต์ผ่านดีไซน์ ด้วยความโอ่อ่าใหญ่โตแบบมีเอกลักษณ์
ย้อนกลับไปสมัยก่อนบ้านเรือนไทย (เรือนเครื่องสับ) เป็นที่อยู่ของชนชั้นสูง คือสัญลักษณ์แห่งความเจริญของเจ้าขุนมูลนาย ใช้เพื่อบอกฐานะของผู้ครอบครองได้
เมื่อก้าวสู่รัชกาลที่ 6 ความงดงามของสถาปัตยกรรมแบตะวันตกเดินทางมาพร้อมความเจริญทางวัฒนธรรม คฤหาสน์หลังใหญ่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะโรมัน บ้านที่เสาใหญ่ มีความโอ่โถง ระเบียงสลักลวดลายกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของชนชั้นสูง
จนเข้าสู่ยุคโพสต์โมเดิร์นที่มากขึ้น เสาโรมันนิยมถูกนำมาใช้เพื่อสื่อถึงสถานะทางสังคม มักเป็นภาพจำของบ้านคนมีฐานะมั่งคั่ง มีความโอ่อ่าที่มองเห็นได้ทันทีตั้งแต่หน้าบ้าน เช่น เหล่าคฤหาสน์ในละครไทย
และแม้ยุคจะเปลี่ยน แต่พื้นที่นอกบ้านต้องมีน้ำพุและพื้นที่สีเขียว ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย สวยงาม และความหรูหรา ผ่านธรรมชาติ เพราะน้ำพุให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว พลังชีวิต และความอุดมสมบูรณ์ ส่วนสวนหน้าบ้านคือความมั่งคั่งในรูปของเวลาและพื้นที่ แม้จะดูแลง่ายแต่ก็ต้องใช้เวลาทุ่มเท
บ้านของไทยจึงไม่ใช่เป็นเพียงที่อยู่แต่คือสิ่งที่บันทึกเรื่องราวแต่ละยุคสมัย ที่เล่าจากอดีตถึงปัจจุบัน ให้บ้านเป็นสิ่งที่ตั้งใจออกแบบ ตั้งใจดูแล และตั้งใจใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
เพราะบ้านคือการออกแบบที่ดีไซน์ให้ทุกรายละเอียดสะท้อนทุกความสำเร็จในชีวิต ทั้ง งาน ครอบครัว และความสุข ต้องอยู่บนทำเลที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและภาพความสำเร็จในชีวิต ที่แสนสิรเอง ก็มี ‘เศรษฐสิริ’ โครงการบนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย ให้คุณมีเวลากับคนที่รัก และสิ่งที่รักได้ทุกวัน
สนใจโครงการ คลิก! https://siri.ly/mjaykN2