ซีรีส์/ภาพยนตร์ของชีวิตคนที่ไม่ย่อท้อ
ต่อความแตกต่าง คนพิการ
และบันดาลใจ

อีกแค่ไม่กี่เดือน เราก็จะเดินทางเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของปี 2025 กันแล้วค่ะ โดยเดือนพฤศจิกายนมองผ่านๆ อาจจะไม่มีวันหยุดสำคัญเหมือนเดือนอื่น แต่ทุกคนรู้ไหมคะว่าแท้จริงแล้วมีวันสำคัญที่อยากชวนให้ทุกคนมาให้ความสนใจไปพร้อมกันอย่าง ‘วันคนพิการแห่งชาติ’ นอกจากนี้เดือนพฤศจิกายนยังเป็น ‘เดือนแห่งการฟังแห่งชาติ’ ด้วยค่ะ วันนี้แสนสิริจึงอยากชวนทุกคนมารับชมรับฟังภาพยนตร์และซีรีส์ของชีวิตคนที่ไม่ย่อท้อต่อความแตกต่าง คนพิการ ที่สร้างแรงบันดาลใจไปด้วยกันค่ะ

วันนี้แสนสิริรวมภาพทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ เพื่อให้ทุกคนร่วมเข้าใจความสำคัญของ ‘วันคนพิการแห่งชาติ’ และให้ทุกคนได้รับชมอีกมุมมองของอีกกลุ่มที่ไม่ย่อท้อต่อความแตกต่าง และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติ แต่ก็มีบางมุมที่เรายังไม่เคยทราบหรือได้ยินมาก่อน สอดแทรกประเด็นเรื่องภาพจำที่คนในสังคมมีต่อคนพิการโดยถ่ายทอดปัญหาเหล่านั้นออกมาผ่านความรู้สึกของตัวละคร ทำให้ผู้ที่ชมอย่างเราได้ย้อนกลับมาตกผลึกความคิดในประเด็นดังกล่าวอีกด้วย นอกจากนี้ หลายเรื่องเรียกกระแสตอบรับและคำชื่นชมจากผู้ชมไปได้อย่างล้นหลามหลังออกฉาย ช่วยขับเคลื่อนสังคมได้อย่างยั่งยืนอีกด้วยค่ะ จะมีเรื่องไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ!

ถ้าใครกำลังมองหาพื้นที่ Universal Design เพื่อซัพพอร์ตคนที่รักในครอบครัว ที่แสนสิริเอง เราก็มีโครงการหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้ครบทุกรูปแบบอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม ที่พร้อมรองรับความหลากหลายไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างพอดี เพราเราทำความเข้าใจความต้องการที่หลากหลายของใครหลายๆ คน เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์บ้านที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและเท่าเทียมกัน

เพราะบ้านคือพื้นที่ของทุกคน ดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิก https://siri.ly/WyCVJa1 

Big World (小小的我)

ภาพยนตร์ coming of age ผลงานกำกับของ ลีน่า หยาง นำแสดงโดย อี้หยางเซียนซี นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งจากวง TFboy โดยภาพยนตร์ได้รับรางวัลขวัญใจผู้ชมจากงาน Tokyo International Film Festival ทำสถิติโกยรายได้กว่า 500 ล้านหยวนภายใน 8 วันที่ภาพยนตร์เข้าฉาย และยังเป็นหนึ่งในผลงานเด่นของ China Film Pavilion ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีนี้ หลังจากฉายภาพยนตร์ยังได้รับความร่วมมือจากสื่อภาครัฐและภาคเอกชน จัดกิจกรรม “Moss Flower Convention” เพื่อสนับสนุนสิทธิ์ของคนพิการ ที่มีการตอบรับบนโซเชียลมีเดียทะลุถึงหนึ่งพันล้านเลยทีเดียว

ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ ‘หลิวชุนเหอ’ ชายหนุ่มอายุ 20 ปี ที่เกิดมาพร้อมโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) ทำให้เขาในสายตาของผู้เป็นแม่ต้องถูกดูแลอย่างดีเหมือนไข่ในหินเสมอ แต่เขาพร้อมก้าวข้ามข้อจำกัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่อยากยอมแพ้ต่อความฝันที่อยากจะเป็นครู จนมาเจอกับยาย ‘เฉินซู่ฉุ่น’ ที่ทำให้การเดินทางตามความฝันครั้งนี้ ช่วยให้หลิวชุนเหอค้นพบตัวเอง ความรักที่แท้จริง และ การยอมรับ จากผู้คนรอบข้างเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้

“มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน การมีงานทำ หมายถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์”

ภาพยนตร์ทำให้เราเข้าใจอาการของโรคสมองพิการได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ผ่านการแสดงออกทาง สีหน้า ท่าทาง ลักษณะการเดิน การทรงตัว สภาวะของกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง ของตัวละครหลัก ตลอดเรื่องจะเห็นได้ว่าหลิวชุนเหอไม่ใช่แค่ชายที่พิการ แต่เป็นชายคนหนึ่งที่มีความฝันและมีพลังที่จะพยายามทำให้โลกเห็นตัวตนที่แท้จริงในรูปแบบของเขา นอกจากเรื่องราวการเอาชนะจิตใจและร่างกายของตัวเองแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอนให้รักตัวเองและยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิตตัวเอง ถือเป็นอีกภาพยนตร์ที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดี ที่พร้อมจะพาเราเติบโตไปพร้อมหลิวชุนเหอเลยค่ะ

37 Seconds

ภาพยนตร์ผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ ‘ฮิคาริ’ นำแสดงโดย ‘เมอิ คายามะ’ นักแสดงหน้าใหม่อายุ 23 ปี ที่เป็นโรคสมองพิการจริงๆ จนทำให้ภาพยนตร์ได้รับเลือกเข้าฉายในสาย Panorama Audience Award เทศกาลหนังนานาชาติเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ในปี 2019 คว้ามาได้ถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลขวัญใจผู้ชมประเภทหนังที่สร้างจากเรื่องแต่ง และรางวัล C.I.C.A.E. หรือรางวัลจากสหพันธ์โรงหนังอาร์ตเฮาส์นานาชาติ นอกจากนี้ยังได้รับเชิญให้เข้าฉายในอีกหลายเทศกาลภาพยนตร์อีกด้วย

เล่าเรื่องราวของ ‘เมอิ’ ที่เป็นผู้ป่วยโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) เนื่องจากตอนเกิดเธอไม่หายใจเป็นเวลา 37 วินาที ที่มีความฝันอยากจะประสบความสำเร็จในฐานะนักวาดการ์ตูนมังงะ เธอจึงไปเป็นผู้ช่วยของ ‘ซายากะ’ นักวาดการ์ตูนที่เริ่มมีชื่อเสียง แต่สุดท้ายกลับโดนเอาเปรียบ ทำให้เธอต้องออกเดินทางค้นหาคำตอบเพื่อความฝันของตัวเอง ผ่านการพบเจอทั้งคนหลอกลวง พนักงานบาร์โฮส นางโชว์ ผู้หญิงขายบริการ จนเธอได้พบกับ ‘ไมอิ’ และ ‘โทชิ’  ที่ทำให้เธอมีช่วงเวลารู้สึกเป็นอิสระ และได้เป็นคนปกติครั้งแรก

“จากอวกาศ ชีวิตมนุษย์เป็นเหมือนแค่ชั่วพริบตา บางครั้งฉันก็คิดว่าฉันเป็นแค่หนึ่งในการทดลองของพวกเขา เหมือนกับโครงงานวิทยาศาสตร์”

ภาพยนตร์ทำให้เราเข้าใจผู้ป่วยโรคสมองพิการมากขึ้น ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นกับทารก ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ การทรงตัว และการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเรื่องราวถือเป็นการดำเนินเรื่องที่ให้เราได้ปลดล็อคเรื่องราวภายในจิตใจของตัวเอกไปพร้อมกันอย่างสมบูรณ์ จากการถูกจำกัดกรอบการใช้ชีวิตโดยผู้ที่ดูแลและในสังคมส่วนใหญ่ พร้อมตั้งคำถามทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า คนเราพิการหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่ใจใช่หรือไม่? เพื่อให้ได้ย้อนดูว่าแท้จริงแล้วทุกคนก็มีสถานภาพทางสังคมเท่าเทียม ไม่ควรมีใครถูกจำกัดชีวิตหรือความชอบเพียงเพราะมีร่างกายที่แตกต่างกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก  TrueID, มติชน และ minimore

Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก

ซีรีส์ Girls Love แนวโรแมนติกดราม่า ที่สร้างมาจากนิยายของนักเขียนชื่อดัง เพชรไพลิน (เจ้าปลาน้อย) ที่เรียกกระแสตอบรับอย่างล้นหลามและได้รับความรักจากแฟนๆ ทั่วโลก จากการแคสต์ตัวละครมาตรงปกตามนิยาย และองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งเนื้อเรื่อง ภาพ ฉาก การตัดต่อ เพลงประกอบ ที่ทำออกมาได้ครบเครื่องในทุกด้าน โดยเฉพาะการนำเสนอภาพการดำเนินชีวิตของผู้พิการทางสายตาในประเทศไทยเข้ามาในซีรีส์อย่างครบถ้วนและครอบคลุม

เล่าเรื่องราวของ ‘ไออุ่น’ ที่ต้องจำใจไปบอกเลิก ‘เม’ แฟนของน้องสาวฝาแฝดของเธอ  ‘โอบอุ้ม’ ตามคำขอสุดท้าย แต่เมื่อไออุ่นได้เจอกับเมก็พบว่าเมเป็นผู้พิการทางสายตา และด้วยความใกล้ชิด จึงก่อให้เกิดความรู้สึกดีกับเมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ไออุ่นไม่กล้าบอกเลิกและสวมรอยเป็นน้องสาวฝาแฝดของเธอแทน ความรักจากการหลอกลวงจึงเริ่มต้นขึ้น ไออุ่นจะคลี่คลายเรื่องราวและประเด็นในครั้งนี้ต่อไปอย่างไร

“ทำไมเราต้องมาพิสูจน์ความพิการให้ทุกคนรู้ด้วยอะ”

“แต่แค่เราโชว์บัตรพิการมันก็โอเคแล้วนิ”

“แล้วอุ้มต้องโชว์บัตรว่าอุ้มเป็นคนปกติไหม“

ซีรีส์ทำให้เราเข้าใจชีวิตประจำวันของคนพิการในประเทศไทยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยอีกนัยคือการทำให้เห็นว่าคนพิการก็สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ ซึ่งไม่ต้องการความสงสารหรือการปฏิบัติที่ทำให้รู้สึกแตกต่างจากคนในสังคม แต่สิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริงคือการออกแบบผังเมืองหรือสถานที่ต่างๆ ให้เป็นรูปแบบ Universal Design  มากขึ้น ที่ทำให้ผู้ที่มีความบกพร่องสามารถใช้ชีวิตปกติในที่สาธารณะได้ โดยสื่อออกมาผ่านหลายฉาก อย่างเช่น ฉากที่เมเดินบน Braille Blocks สำหรับคนพิการทางสายตา แต่เกือบประสบอุบัติเหตุจากป้ายบอกทางตั้งขวางอยู่ในทางเดินของผู้พิการทางสายตา สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมไทยถึงความไม่เอื้ออำนวยในการใช้ชีวิตของผู้พิการทางสายตา รวมถึงยังมีการสอดแทรกประเด็นปัญหาครอบครัว และการเลี้ยงดูของผู้ปกครองอีกด้วย เป็นอีกซีรีส์น้ำดีที่อยากให้ทุกคนได้ลองรับชมสักครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก  the standard และ genderation

Tell Me That You Love Me

ซีรีส์รีเมคจากซีรีส์ญี่ปุ่นออกอากาศทาง TBS ในปี 1995 ที่ได้รับรางวัลมากมายในงานประกาศรางวัล Japan’s The Television Drama Academe Awards ตั้งแต่ละครยอดเยี่ยม บทละครยอดเยี่ยม นักแสดงนำชาย และนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม โดยซีรีส์มีจุดขายหลักและเสน่ห์คือการใช้ภาษามือในการสื่อสารตลอดทั้งเรื่องประมาณ 80% ซึ่งบทโทรทัศน์ฉบับเกาหลีนั้นเขียนโดย ‘คิมมินจอง’ เจ้าของผลงานชื่อดังอย่าง Who Are You: School 2015 (2015) และผลงานการกำกับโดย ‘คิมยุนจิน’ ผู้กำกับจากซีรีส์ดีกรีรางวัล Our Beloved Summer (2021)

เล่าเรื่องราวของ ‘ชาจินอู’ จิตรกรหนุ่มที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่เด็ก ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและแปลกแยกจากสังคมเนื่องจากความบกพร่องทางการได้ยิน วันหนึ่งขณะที่ใช้เวลาอยู่บนเกาะเชจู เขาก็ได้พบกับ ‘จองโมอึน’ อดีตแอร์โฮสเตสที่เบนเข็มชีวิตสู่การเป็นนักแสดงกำลังถูกไล่ออกจากกองถ่าย จากความบังเอิญที่ไม่เหมือนกันของพวกเขากลายเป็นจุดที่มาช่วยเติมเต็มกันและกัน จนกลายเป็นจังหวะตกหลุมรักในที่สุด แต่ความรักของพวกเขาก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งครอบครัวและอคติจากสังคมที่มีต่อคนพิการ

“ผมสัมผัสเสียงได้ด้วยดวงตา นั่นแปลว่าทุกครั้งที่ผมกะพริบตาชั่วเวลาครู่หนึ่ง ผมจะตัดขาดจากโลกไปโดยสิ้นเชิง”

ซีรีส์ช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่คนพิการทางการได้ยินต้องเผชิญในสังคมได้เป็นอย่างดี ผ่านฉากที่สอดแทรกมาตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเตือนภัยคนพิการทางการได้ยินเมื่อกำลังจะเกิดอันตราย แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงตะโกนเมื่อเกิดเหตุร้าย หรืออคติที่มีมาแต่ช้านานของคนโบราณตั้งแต่ยุคก่อน จนถึงเรื่องชวนเข้าใจผิดเล็กน้อยไปจนถึงร้ายแรง แต่ขณะเดียวกัน ซีรีส์ก็มีมุมที่ชวนอบอุ่นหัวใจและสอนให้เรารู้ว่ารักแท้คืออะไร แม้พวกเขาจะต่างกันมากแต่ก็สามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดของกันและกันได้ เพราะทุกคนบนโลกล้วนมีสิทธิที่จะมีความรักได้แม้ว่าจะแตกต่างกันมากแค่ไหนก็ตาม เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่จะทำให้คุณหัวเราะ ร้องไห้ และตกหลุมรักไปกับตัวละครอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก TrueID และ thaipublica

Special 

ซีรีส์ตลกแหวกแนวเกี่ยวกับชายรักร่วมเพศที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการ ดัดแปลงจากเรื่องราวชีวิตจริงของผู้สร้างอย่าง ‘ไรอัน โอคอนเนลล์’ ที่เป็นเกย์และเป็นโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) เป็นครั้งแรกของซีรีส์ Netflix ที่แต่ละตอนมีความยาวเพียงประมาณ 15 นาที 

เล่าเรื่องราวของ ‘ไรอัน’ ในการเป็น เกย์ คนพิการ และวัยรุ่นคนหนึ่งที่พยายามจะใช้ชีวิตของเขาให้เหมือนกับวัยรุ่นทั่วๆ ไป ที่ต้องต่อสู้กับความต้องการทางเพศและความเป็นอิสระของตัวเอง จนไรอันได้เข้าทำงานที่บริษัทนิตยสาร Eggwoke เขาจึงถือโอกาสโกหกทุกคนว่าร่างกายเป็นแบบนี้เพราะอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความพิการแต่กำเนิด แม้ว่าชีวิตของไรอันจะโดนที่ทำงานดูถูกและกดขี่ปมด้อยของเขาก็ตาม เขาก็ได้พบกับเพื่อนดีๆ อย่าง ‘คิม’ และ ‘เคลรีย์’ ที่คอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างเสมอ เขามักจะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นและพยายามมองโลกในแง่ดีแทน ซีรีส์เรื่องนี้แม้ตลกขบขันแต่ก็แฝงไปด้วยความขนขื่นของชีวิตคนพิการในสังคมจริงๆ 

“ผมเคยต้องซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าเพราะเป็นเกย์

แล้วก็ต้องซ่อนตัวอีกครั้งเพราะเป็นคนพิการ

แต่ตอนนี้…ผมจะไม่อยู่ในตู้เสื้อผ้าอีกต่อไปแล้ว”

ซีรีส์ทำให้เห็นว่า คนพิการจำนวนมากต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและการถูกกีดกันทางสังคมมากมาย ความรู้สึกกลัวที่จะถูกตัดสินและไม่ได้รับการยอมรับนั้น ล้วนมีพื้นฐานมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขาจริงๆ นอกจากความพิการแล้ว ซีรีส์ยังถ่ายทอดการเรียนรู้เรื่องเพศ ความอิสระ และปัญหาต่างๆ ของการมีอายุที่มากขึ้นของคนพิการด้วย แต่ซีรีส์ก็ทำให้เราเห็นว่าปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถหยุดตัวละครให้มีความสุขได้ พร้อมมอบพลังบวกในการปรับมุมมอง ทัศนคติ ความคิดต่อสิ่งต่างๆ ได้ดี โดยเสน่ห์คือการเล่าเรื่องของคนที่สังคมมองว่า ‘แตกต่าง’ หรือต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็น ‘พิเศษ’ ให้ออกมาอย่างเข้าใจ เข้าถึงได้ สนุกสนาน และอบอุ่น

ขอบคุณข้อมูลจาก nbcnews, vulture, aday magazine และ the momentum

CONTRIBUTOR

Related Articles

บ้านที่อบอุ่นและปลอดภัย ที่พักกายใจแห่งสุดท้าย ของเพื่อนสี่ขา

“จะเลี้ยงหมาหรือแมวดีนะ?” ถ้าจะหาคำตอบให้คำถามข้อนี้ คงต้องเริ่มที่ว่าใครเป็นทาสหมาทาสแมวกันซะก่อน การมีน้องๆ สี่ขาเป็นเพื่อนซี้คู่ใจคงเป็นอะไรที่ใครหลายๆ คนฝันถึง และดูเหมือนว่าการ “ซื้อสัตว์เลี้ยง” ได้กลายเป็นตัวเลือกอย่างแรก และอาจเป็นตัวเลือกเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ได้มีสัตว์เลี้ยงไปเสียแล้ว นั่นเพราะหลายคนไม่รู้ถึงตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ “การรับเลี้ยง” สุนัขและแมวจรจำนวนหนึ่งมีแหล่งที่มาไม่น้อยหน้าไปกว่าสัตว์เลี้ยงจากฟาร์มหรือร้านขาย แต่กลับโชคร้ายทำให้ต้องกลายเป็นสัตว์จรที่ถูกละเลย สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือบ้านสำหรับอยู่อาศัยอย่างอบอุ่นและปลอดภัย เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเผชิญกับการโดนทำร้าย หรือโรคติดต่อ อีกต่อไป แม้จะมีแนวทางในการจำกัดจำนวนและช่วยเหลือสุนัขและแมวจร

turtle

“เต่า” เทรนด์สัตว์เลี้ยง สุดสโลวไลฟ์

เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเป็น pet pawrent มีลูกรักเป็นเจ้าแสนซนสี่ขากันอยู่เกือบทุกบ้านแน่เลยใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว หรือเจ้าขนฟูอื่น ๆ แต่มีบ้านไหนเลี้ยงเจ้าสัตว์สี่ขา ไม่มีขน แต่แสนเชื่องและลี้ยงง่ายไม่แพ้ไปกว่าสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ บ้างไหมคะ น้องคนนั้นก็คือ “เต่า” นั่นเองค่ะ น้องเต่า สัตว์เลี้ยงสุดสโลว์ไลฟ์ เป็นที่นิยมและมีคนเริ่มหันมาเลี้ยงเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

Micro - Drama

เส้นเรื่องที่เรียบง่ายและแอคติ้งสุดเล่นใหญ่ร่วมข้องใจทำไมถึงโดนใจคนในโซเชียล ชวนมาเจาะความแมส ของ Micro – Drama ให้ลึกกว่าเดิม ว่าทำไมทุกคนถึงชอบ “ละครคุณธรรม”

ตอนนี้ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าไทม์ไลน์ทางแพลตฟอร์มไหน เราต้องได้เห็นคลิป ‘ละครสั้นคุณธรรม’ ผ่านตากันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย หรือไม่ก็ต้องคุ้นเคยกับวลีดังๆ ในละครสั้นกันมาอยู่บ้างอย่าง “จริง ๆ แล้วฉันเป็นประธานบริษัท” หรือ “แกไม่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าแม่” ซึ่งประโยคนี้จุดติดให้คนเอาไปล้อเลียนเป็นหรือมุขตลกต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย จนทำให้ละครคุณธรรมช่วยสร้างเสียงหัวเราะ และเป็นไวรัลได้ใจผู้ชมมากมาย แล้วทุกคนเคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมทุกคนถึงชอบดูละครคุณธรรม ถึงแม้จะรู้จุดจบของตัวละครที่เราดูอยู่แล้วบ้าง วันนี้แสนสิริชวนมาเจาะความแมสของ Micro –