Longevity ส่องให้ลึกถึงเทรนด์สุขภาพแห่งยุค
ของการมีชีวิตดีที่ยืนยาว

เราเดินทางมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2025 กันแล้วนะคะ ถ้าให้ทุกคนลอง Recap กิจกรรมที่เป็นเทรนด์ฮิตของปีกันคนละ 1 อย่าง ทุกคนนึกถึงกิจกรรมอะไรกันบ้างคะ แต่เชื่อเลยว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงต้องมีกิจกรรมเพื่อสุขภาพสุดฮิตอย่าง การวิ่ง หรือ การเดินป่า บ้างใช่ไหมคะ🏃 เพราะเทรนด์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพมาแรงแซงโค้งยาวจนปีหน้าเลยค่ะ นอกจากการออกกำลังกายเพื่อสุขภาาพที่แข็งแรงและยืนยาวแล้ว เราอยากพาทุกคนไปรู้จักกับเทรนด์สุขภาพแห่งยุตของการมีชีวิตดีที่ยืนยาวรอบด้านด้วยกันอย่าง ‘Longevity’ ไปด้วยกันค่ะ

Longevity น่าจะเป็นคำที่ทุกคนเห็นผ่านตากันมาบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้และปีหน้ากลับมาแรงมากขึ้น กลายเป็นเมกะเทรนด์ใหม่ของโลกธุรกิจและเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งเพราะในปัจจุบันหลายๆ คนให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดี หรือ การมีอายุยืนยาว โดยมุ่งเน้นไปที่การมีอายุยืนยาว ปราศจากโรคภัย มีสุขภาพกาย และใจที่ดีไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิตได้อย่างมีความสุข วันนี้แสนสิริจึงอยากชวนทุกคนมาไขคำตอบถึงความหมายของ Longevity ว่าทำไมใครๆ ก็พูดถึงกัน จะมีอะไรน่าสนใจ ไปดูกันเลยค่ะ!

ใครกำลังมองหาบ้านเป็นได้มากกว่าที่อยู่อาศัย ที่แสนสิริเอง ก็มีโครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ที่คิดมาให้ครบทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต สู่ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน เชื่อมต่อกับสังคมคุณภาพ ด้วยคลับเฮาส์ และส่วนกลางที่ออกแบบอย่างดี ให้คุณได้ใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพ ทั้งร่างกายดี แข็งแรง สามารถเดินเหินหรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบได้ทุกวัน

สนใจโครงการดูเพิ่มเติมที่นี่ คลิก! https://siri.ly/WyCVJa1

Longevity มาจากไหนอะไร? ทำไมเป็นเทรนด์น่าจับตามอง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นคำว่า Longevity ปรากฏอยู่รอบตัวมากขึ้น ทั้งในรูปแบบหนังสือขายดีระดับโลก สารคดีบนสตรีมมิง ไปจนถึงสินค้าและบริการที่เริ่มใช้คำว่า “anti-aging”, “long-life”, “healthspan” กันอย่างมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนเริ่มใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ที่เชื่อว่าการเปลี่ยนบางพฤติกรรมเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้ช่วงระยะของอายุนั้นยืนยาวขึ้น ผ่านการให้คุณค่าในการใ้ชีวิตแบบเรียบง่ายและสมดุล ด้วยการกินดี อยู่ดี นอกจากสุขภาพกายที่ดีแล้ว ก็ไม่ละเลยสุขภาพจิต ที่ต้องดูแลและเอาใจใส่ในทุกวันไม่แพ้กันนั่นเองค่ะ ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ก็ได้อิทธิพลมาจาก 2 สื่ออย่าง

หนังสือขายดีระดับโลก “Outlive: The Science and Art of Longevity” ของ Dr. Peter Attia

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุวัฒน์ นำเสนอแนวคิดเชิงรุกในการจัดการสุขภาพ เขาเน้นย้ำถึง Medicine 3.0 ที่ทำให้สังคมเริ่มมองสุขภาพแบบ ป้องกันก่อนเกิดโรค มากขึ้น ไม่ใช่รอรักษาเมื่อสาย พร้อมชี้ว่าพฤติกรรมเล็กๆ ในวันนี้ ส่งผลชัดเจนต่ออายุขัยในอนาคต

 สารคดีสุดฮิตจาก Netflix “Live to 100: Secrets of the Blue Zones”

สารคดีที่พาเราไปสำรวจ Blue Zones หรือ “เขตสีน้ำเงิน” 5 แห่งทั่วโลก ที่มีสัดส่วนประชากรอายุเกิน 100 ปี สูงกว่าที่อื่น ซึ่งจากการสำรวจพบว่าการมีชีวิตยืนยาวไม่ใช่เรื่องของยีน แต่เป็นผลลัพธ์จากสภาพแวดล้อมที่ดี อาหารที่ดี และสังคมที่ดี

ทั้งหมดนี้ทำให้ Longevity ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ของวงการแพทย์หรือสายสุขภาพเท่านั้น แต่กำลังส่งผลต่อหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม ฟิตเนส เทคโนโลยีดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการออกแบบเมืองและที่อยู่อาศัย

Outlive: The Science and Art of Longevity ถอดแผนอายุยืนอย่างมีคุณภาพ ตามแบบฉบับ Dr. Peter Attia 

 หลีกเลี่ยง Four Horsemen

โดยใช้แนวคิด “กลยุทธ์โดยไม่มีแทคติกจะทำให้พ่ายแพ้” จากซุนวู  เพื่อเสนอวิธีวางแผนสุขภาพแบบเป็นระบบ ซึ่งการที่จะมีอายุที่ยืนยาวนั้นเราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการเป็น 4 โรคร้าย ได้แก่ โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, โรคสมองเสื่อม และโรคเบาหวาน เพราะโรคเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเบื้องต้นทั่วโลก และโรคทั้งสี่นี้มีลักษณะที่เหมือนกันคือเป็นโรคไม่ติดต่อ และค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และใช้ระยะเวลาหลายปีในการรักษา เขาจึงเสนอเสนอโมเดล “Marginal Decade” คือช่วง 10 ปีท้ายของชีวิตที่คนส่วนใหญ่เริ่มทรุด สามารถกลายเป็น “Bonus Decade” ได้ เป็น 10 ปีที่ยังมีชีวิตแบบคุณภาพอยู่

ออกกำลังกาย = ยาอายุวัฒนะไร้ราคา

หนึ่งในวิธีเตรียมตัวรับมือกับความเสื่อมถอยตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้นด้วยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะนอกเหนือจากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและการยกน้ำหนักแล้ว เขายังแนะนำให้เพิ่มการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหว ทั้งการฝึกทั้ง VO₂ max และความแข็งแรง ที่เรียกว่า “Longevity Training” ซึ่งเปรียบเสมือนการสะสมทุนสุขภาพไว้ใช้ตอนแก่ การออกกำลังกายเหล่านี้มีความสำคัญต่อการรักษาความสามารถในการช่วยเหลือตนเองเมื่ออายุมากขึ้น

 ทริคอายุยืน 100 ปี แบบ Resilience

งานวิจัยพบว่าหลายคนอายุยืนมี Delayed Onset ของโรค คือการเป็นช้ากว่าคนทั่วไป เช่น เริ่มเป็นโรคมะเร็งตอนอายุ 95 แทนที่จะเป็นตอน 65 ซึ่งทำให้พวกเขามีสุขภาพดีได้นานกว่า  นอกจากนี้ยังมี Compressed Morbidity คือช่วงที่เจ็บป่วยนั้นสั้นกว่าเดิม ให้ออกแบบวิถีชีวิตที่เสริม Resilience ทั้งทางร่างกาย (กล้ามเนื้อ ความสมดุล) และจิตใจ (อารมณ์สัมพันธ์ ความสุขในชีวิต)

 Medicine 3.0 รักษาก่อนป่วย

คือการป้องกันโรคมากกว่าการรักษา ยังรวมไปถึงการรักษาในแบบจำเพาะเจาะจงในแต่ละบุคคลที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งแตกต่างจาก Medicine 2.0 ที่รักษาผู้ป่วยลักษณะเดียวกันด้วยวิธีเดียวกันหมด  และมุ่งยืด Healthspan (ช่วงเวลาที่สุขภาพแข็งแรง) ไม่ใช่แค่ Lifespan

กลยุทธ์ชีวิตที่ไม่ได้มีแบบเดียว

การวางแผนสุขภาพต้องมี “กลยุทธ์หลัก” ที่เข้าใจตนเอง ไม่ใช่แค่ลอกสูตรจากคนอื่นแล้วมาทำตาม Attia เสนอ 5 แผนยุทธศาสตร์สำหรับสุขภาพระยะยาว ได้แก่

  1. Exercise = ฝึก VO2 max, ความแข็งแรง, ความมั่นคงของร่างกาย
  2. Nutrition = ไม่ใช่แค่กินน้อยหรือคีโต แต่เข้าใจชีวเคมีของตนเอง
  3. Sleep = ฝึกนอนให้เหมือนนักกีฬา ไม่ใช่แค่นอนพอ
  4. Emotional Health – ไม่ปล่อยให้ใจเป็นสนามรบที่มองไม่เห็น
  5. Exogenous Molecules = ยา, ฮอร์โมน, อาหารเสริม (สำหรับบางกรณี)

 อาหาร = การทานแบบรู้จริง ไม่ใช่รู้สึก

ทานแบบ Nutrition 3.0 ไม่ใช่ทานเพื่อหุ่นดี แต่คือรักษาการเผาผลาญให้มีประสิทธิภาพ และคงความสามารถของร่างกายในการตอบสนองต่อพลังงานและสารอาหารอย่างยืดหยุ่น ผ่านเครื่องมือ 3 อย่าง ได้แก่

  1. Caloric Restriction (CR) – กินน้อยลงโดยไม่สนชนิดของอาหาร
  2. Dietary Restriction (DR) – ตัดบางกลุ่มอาหาร เช่น ไขมันหรือน้ำตาล
  3. Time Restriction (TR) – จำกัดเวลาในการกิน เช่นกินเฉพาะช่วง 8 ชั่วโมง

 การอดนอนคือยาพิษ

เพราะการนอนน้อยเชื่อมโยงกับโรคหัวใจ เบาหวาน และอัลไซเมอร์ การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะร่างกายของเราจะกำจัดกลูโคสได้มากในขณะที่เรานอนหลับ ดังนั้นการนอนหลับจึงมีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันไม่ให้กลูโคสสะสมในกระแสเลือด ควรใช้กลยุทธ์ปรับพฤติกรรม เช่น ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็น, เลี่ยงแอลกอฮอล์และหน้าจอในช่วงก่อนนอน และตั้งเวลานอนให้สม่ำเสมอ

สุขภาพจิตคือแกนกลางของชีวิต

สุดท้ายนี้ อย่ามองข้ามสุขภาพทางอารมณ์ ควรเริ่มสร้างกิจวัตรใหม่ หยุดเอาความสำเร็จมาเป็นเครื่องวัดคุณค่า ชีวิตที่ยืนยาวนั้นไร้ค่าหากปราศจากความสุข และความเหงาก็เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น เน้นกลับมาสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว เพื่อให้มั่นใจว่าชีวิตที่ยืนยาวจะเป็นชีวิตที่มีความสุข

Live to 100 Secrets of The Blue Zones เปิดเคล็ดลับสุขภาพดี 100 ปี แบบชาว ‘Blue Zones’ กับ Dan Buettner

สารคดีที่เปลี่ยนมุมมองของผู้คนทั่วโลก ซึ่งคว้ารางวัล Emmy มาแล้วถึงสามรางวัล กับการค้นพบ ‘Blue Zones’ พื้นที่ 5 แห่งทั่วโลกที่ผู้คนมีอายุยืนที่สุด พร้อมสุขภาพที่แข็งแรงเหนือค่าเฉลี่ยของมนุษย์ ได้แก่ ซาร์ดิเนีย (อิตาลี), อิคาเรีย (กรีซ), โอกินาวา (ญี่ปุ่น), คาบสมุทรนิโคยา (คอสตาริกา) และโลมา ลินดา (สหรัฐฯ) ที่มีวิธีการใช้ชีวิตเปรียบเหมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้พวกเขามีอายุยืนยาวขึ้นกว่าทศวรรษ

 กินน้อยแต่มากคุณค่า

คนใน Blue Zones ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ไข่ และ นม ลดการบริโภคน้ำตาล เน้นอาหาร Plant-Based ผัก ผลไม้ และอาหารจากธรรมชาติ กินถั่วและขนมปังชนิดโฮลวีต เช่น ชาวโอกินาวาที่จะมีแนวคิดการรับประทานอาหารที่ปฏิบัติกันมานานเรียกว่า “hara hachi bu” หมายถึงกินให้อิ่มท้องแค่ 80% เท่านั้น

 ขยับร่างกายอยู่เสมอ

เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลาควบคู่กับการทำงานในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน ขี่จักรยาน ปีนเขา ตกปลา ทำสวน ทำไร่ ทำอาหาร เช่น ผู้สูงอายุในโอกินาวาที่จะชอบทำสวนพืชผักสมุนไพร การเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อยังคงแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง และช่วยยืดอายุขัยได้

รับแสงแดดบ่อยๆ

คนใน Blue Zones มักใช้เวลากลางแจ้งเป็นประจำ ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับวิตามินดีจากแสงแดด เพราะมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และควบคุมการเติบโตของเซลล์ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คนในพื้นที่เหล่านี้มีสุขภาพดี และอายุยืนยาว

 นอนเป็นเวลา

ผู้คนใน Blue Zones การนอนหลับเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพที่ดี ผลการศึกษาพบว่า ชาว Blue Zones มีตารางเวลานอนที่เป็นระบบในเวลาที่เหมาะสม เช่น นอนก่อน 4 ทุ่ม หรือไม่เกินเที่ยงคืน โดยไม่ตื่นกลางดึก และไม่ใช้ยานอนหลับ การหยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 60 – 90 นาที และหลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนหลังบ่ายสอง

 งดแอลกอฮอล์และบุหรี่

โดยเฉพาะในชุมชน โลมา ลินดา ที่ยึดมั่นในหลักศาสนาของ Seventh-day Adventist Church ทำให้พวกเขางดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างเคร่งครัด แต่อาจมีบางที่ที่ดื่มไวน์เล็กน้อยในระหว่างมื้ออาหาร เพื่อการดูแลสุขภาพจิต เพราะการดื่มไวน์ในปริมาณที่เหมาะสมมีประโยชน์ต่อหัวใจ และการดื่มร่วมกับผู้อื่นยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

 ตั้งเป้าหมายในการใช้ชีวิต

การมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีและอายุยืน เช่น ที่ โอกินาวา พวกเขามีแนวคิดที่เรียกว่า ‘อิคิไก’ หรือ เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ ในขณะที่ชาว นิโคยา ใช้คำว่า ‘ปลัน เด ปีดา’ ซึ่งหมายถึงเป้าหมายของชีวิต ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขามีความสุข

 ใช้ชีวิตแบบ Slow Life

คนใน Blue Zones กลับให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ และใส่ใจกับปัจจุบัน ไม่เพียงแค่ช่วยลดความเครียด แต่ยังทำให้พวกเขามีความสุขและแข็งแรงขึ้น เช่น ชาวโลมา ลินดา พวกเขามีช่วงเวลา ‘สะบาโต’ ซึ่งเป็นช่วงที่หยุดทุกกิจกรรมตั้งแต่เย็นวันศุกร์จนถึงเย็นวันเสาร์ เพื่อใช้เวลากับครอบครัว ธรรมชาติ และการสะท้อนตนเอง

 คิดบวกเพื่ออายุยืน

พวกเขามีทัศนคติที่เป็นบวก และมองโลกในแง่ดี เต็มไปด้วยความสุข ถือเป็นกุญแจสำคัญของการมีชีวิตที่ยืนยาว ผู้คนใน Blue Zones เช่น ที่ ซาร์ดิเนีย ผู้คนมีวัฒนธรรมของการเล่าเรื่องตลก พวกเขารวมกลุ่มกันในช่วงบ่าย หัวเราะและแบ่งปันเรื่องราวของวันนั้นๆ ทำให้พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ

 ใช้พลังของสายสัมพันธ์

พวกเขามักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ที่ช่วยสร้างความสุขและสุขภาพดี การมีคนที่รักและพร้อมสนับสนุนกัน ทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่า ลดความเครียด และมีชีวิตที่มีความหมายมากขึ้น

ประโยชน์ของ Longevity สุขภาพยั่งยืนดีอย่างไร ในยุคสังคมสูงวัย

 อายุยืนอย่างมีคุณภาพ

หรือการเพิ่ม Healthspan ไม่ใช่แค่ Lifespan หมายถึงการเพิ่มช่วงเวลาที่ร่างกายยังแข็งแรง เคลื่อนไหวได้ดี สมองยังจดจำและคิดได้เต็มที่ ทำให้สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้แม้ในวัย 70 – 80 ปี

 ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

การใช้ชีวิตในแนวทาง Longevity เช่น การกินอาหารแบบพืชเป็นหลัก ออกกำลังกายเบาแต่สม่ำเสมอ และจัดการความเครียด สามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งได้กว่า 70% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมไม่ดูแลสุขภาพในระยะยาว

 เพิ่มศักยภาพการใช้ชีวิต

แนวคิด “Active Ageing” ที่องค์การ WHO ผลักดันมาตั้งแต่ปี 2015 นั้น เชื่อมโยงโดยตรงกับ Longevity เพราะการออกกำลังกายเล็กๆ อย่างการเดิน ทำสวน หรือขยับตัวในชีวิตประจำวัน ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ สมดุลการเคลื่อนไหว และลดอาการล้มในผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสาเหตุการบาดเจ็บอันดับต้นๆ ของคนวัย 60 ปีขึ้นไป ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้ดด้วยตัวเอง

สุขภาพจิตดี

การใช้ชีวิตแบบสุขภาพจิตดี มีเป้าหมาย และมีความหมายในชีวิต ทำให้คนที่มีเป้าหมาย มีสังคมอบอุ่น และใช้ชีวิตเรียบง่าย มักมีระดับความเครียดต่ำ ความดันโลหิตสมดุล และสุขภาพหัวใจดีกว่าค่าเฉลี่ย ผลวิจัยในญี่ปุ่นยังพบว่า คนที่รู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย มีโอกาสมีอายุยืนกว่ากลุ่มทั่วไปถึง 15 – 20%

 มีอิสระ ไม่พึ่งพาผู้อื่น

Longevity ยังหมายถึงการเตรียมตัวให้ดูแลตัวเองได้ในระยะยาว ทั้งร่างกายที่แข็งแรงพอจะเคลื่อนไหวเอง สมองที่ยังคงเฉียบแหลม และสุขภาพจิตที่มั่นคง สถิติจาก The Gerontological Society of America (2022) พบว่า ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพกายและใจดีเพียงพอในการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยตนเอง มีความสุขโดยรวมสูงกว่ากลุ่มที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นถึง 2 เท่า

CONTRIBUTOR

Related Articles

Christmas

‘คริสต์มาส’ ไขความลับของเส้นทาง เทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีข้ามศตวรรษ

 ถ้าให้เลือกเทศกาลสุดโปรดในใจของทุกคนในปีนี้ มีใครรอคอยให้ถึง ‘วันคริสต์มาส’ อยู่บ้างไหมคะ เรียกได้ว่าพอจบเทศกาลฮาโลวีน บรรยากาศรอบตัวเราก็เริ่มสัมผัสถึงความครึกครื้นและความ festive ของเทศกาลสิ้นปีขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสต์มาส ของประดับสีแดง หรือการกลับมาของเพลงประจำฤดูหนาวที่เริ่มคุ้นหูกันโดยเฉพาะ “All I Want for Christmas Is You” ของ Mariah

POP CULTURE

‘วัยรุ่นเทสต์ดี’ เจาะให้ลึกหนึ่งใน POP CULTURE ที่ซ่อนอยู่ทุกยุค

 ทุกคนเคยได้ยินคำว่า ‘วัยรุ่นเทสต์ดี’ กันมาบ้างไหมคะ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาถ้าเราเลื่อนผ่านโพสต์ที่ดูไวป์ดี หรือมีความ Aesthetic ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ จะชอบมีคอมเมนต์ใต้โพสต์ที่พูดชมเจ้าของภาพอยู่บ้าง เช่น ‘เทสต์มาก’ / ‘พ่อหนุ่มเทสต์ดี’ หรือ ‘พี่สาวเทสต์ดี’ เป็นต้น จนเกิดเป็นเทรนด์และไวรัลทำตามกันในที่สุด แล้วทุกคนคิดว่าใน 2025 นี้ มีเทรนด์อะไรที่พอจะเป็นคนเทสต์ดีได้บ้าง

‘วีแกน‘ เทรนด์แห่งอาหารและชีวิต ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนตามแนวทาง SDGs

แม้เราจะผ่านพ้นช่วงเทศกาลกินเจกันมาแล้ว ที่วนเวียนมาให้ทุกคนได้ถือศีลกินเจกันหนึ่งครึ่งต่อปี แต่ทุกคนรู้ไหมคะว่าตอนนี้มีหลายล้านคนทั่วโลกที่เริ่มหันมาทานมังสวิรัติและวีแกนกันเต็มตัวมากขึ้น ปัจจุบันคนทั่วโลกกว่า 88 ล้านคน เลือกเส้นทางการกินพืช 100% เนื่องจากหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตมากกว่าที่เคย ทำให้เทรนด์ “วีแกน” ไม่ได้เป็นเพียงกระแสที่มาแล้วไปอย่างรวดเร็วอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันของคนทุกคนที่มีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของโลก และตอบโจทย์ความยั่งยืนตามแนวทาง SDGs วันนี้แสนสิริได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “วีแกน” ที่น่าสนใจมากฝากทุกคนกันค่ะ