อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาสิ้นปีกันแล้ว ปี 2025 ถือเป็นอีกปีที่ไม่ง่ายเลย ในที่สุดก็จะเดินทางเข้าสู่ปี 2026 กันแล้วอย่างรวดเร็ว ปีใหม่นี้ทุกคนมีแพลนอยากทำอะไรกันบ้างคะ หลายคนได้เดินทางกลับบ้านที่เฝ้ารอมาทั้งปี อีกหลายคนได้ไปทริปท่องเที่ยวที่จองกันไว้หลายเดือน และใครเป็นอีกส่วนบ้างคะ ที่ไม่อยากไปไหนเพราะไม่ชอบสถานที่ที่คนเยอะ เลือกที่จะซุกตัวอุ่นๆ อยู่บ้าน เปิดภาพยนตร์สักเรื่องเป็นเพื่อนเคาต์ดาวน์ไปพร้อมกันทุกปีบ้างคะ มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่อยากจะเปิดดูตอนปีใหม่นี้บ้าง ลองมาคอมเมนต์แชร์กันที่ใต้โพสต์นี้ได้เลยนะคะ
วันนี้แสนสิริ ได้ลองคัดภาพยนตร์หลากหลายเรื่องโปรด ที่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ และที่พิเศษมากกว่านั้นคือ ถ้าคุณเริ่มต้นดูหนังในเวลานี้ จะได้พบกับฉากที่เต็มไปด้วยพลังใจพร้อมกันในตอนเที่ยงคืนวันปีใหม่ เรียกได้ว่าให้เราได้เข้าสู่วันแรกของปีใหม่พร้อมกับโควทดีๆ จากภาพยนตร์เรื่องโปรดด้วยกันอีกด้วยค่ะ ถ้าใครอยากจะได้รับพลังงานดีตั้งแต่ต้นปี การดูภาพยนตร์เรื่องโปรดข้ามปีก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ แถมยังได้ซุกต้วในผ้าห่มอุ่นๆ ที่บ้านอีกด้วย จะมีภาพยนตร์เรื่องไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ!
ปีใหม่นี้ใครกำลังมองหาพื้นที่ใหม่สำหรับสร้างแรงบันดาลใจ ให้เริ่มต้นปีด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังใจ ที่แสนสิริ🏡 เราก็มีโครงการหลากหลายรูปแบบให้ทุกคนได้เข้ามาลองพักกายพักใจในโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้ครบทุกรูปแบบอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม ที่พร้อมรองรับความหลากหลายไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างพอดี


Ordinary People : เริ่มดูเวลา 23:20:00 น.
Ordinary People ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ Judith Guest ที่ต่อมากลายเป็นหนังสือบังคับอ่าน (School Text) ใน high school ที่อเมริกา ผลงานกำกับเรื่องแรกของ Robert Redford ที่กวาดรางวัลใหญ่จากเวทีออสการ์หลายรางวัล โดยเฉพาะ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต เรดฟอร์ด) และ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ทิโมธี ฮัตตัน) พร้อมรางวัลลูกโลกทองคำและการเสนอชื่อเข้าชิงอีกมากมาย ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวที่ได้รับคำชม
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของปัญหาระหว่างพ่อแม่ลูก จากอุบัติเหตุของลูกชายคนโต เมื่อ ‘บัค’ ลูกชายคนโตเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางน้ำ ‘คอนราด’ น้องชายที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เอาแต่โทษตัวเอง ขณะที่แม่ ‘เบธ’ มีพฤติกรรมเย็นชาและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความจริง ขณะที่พ่อ ‘คาลวิน’ พยายามประคับประคองทุกคน โดยมีนักจิตบำบัด ‘ดร. เบอร์เกอร์’ ช่วยคอนราดให้เผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดและค้นหาความหมายของความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้เขาเห็นปัญหาและทางออกที่แท้จริง หลังจากนั้นเขาจึงได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีอิสระ ไม่สูญเสียชีวิตและจิตวิญญาณไปกับความพยายามที่สูญเปล่าอีกต่อไป
“Let’s Have A Great Year. Let’s Have The Best Year Of Our Whole Lives. We Can, You Know… This Could Be The Best One Ever”
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการตีแผ่ปัญหาของครอบครัว ทำให้เห็นว่าสำหรับเด็กหรือวัยรุ่น พวกเขาเสมือนน้ำที่ยังไม่เต็มแก้ว แต่ผู้ใหญ่เสมือนน้ำที่เต็มแก้ว ยากที่จะยอมรับหรือเปิดใจออกให้คนอื่นเข้ามาช่วยแก้ปัญหาของตนเอง ภาพยนตร์จึงแฝงแนวคิดการใช้ชีวิต ทัศนคติ มุมมองของครอบครัว และการเติบโต ผ่านการเยียวยาจิตใจที่ลึกซึ้ง โดยเน้นที่การเผชิญหน้ากับความจริง, ความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในครอบครัว และความสำคัญของการสื่อสารและความรัก เพื่อนำไปสู่การยอมรับและการก้าวต่อไปถึงแม้จะเจ็บปวดก็ตาม เป็นอีกภาพยนตร์ที่ถูกยกย่องว่าต้องชมสักครั้งก่อนตาย
ขอบคุณข้อมูลจาก นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ และ หนังโปรดของข้าพเจ้า

Past Lives : เริ่มดูเวลา 23:48:26 น.
ภาพยนตร์แนว Coming-of-Age จากสตูดิโอ A24 ฝีมือการกำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องแรกของ เซลีน ซง ได้รับเสียงชื่นชมและคะแนนรีวิวที่สูง เดินหน้าคว้ารางวัลจากหลากหลายสถาบันชั้นนำ อย่าง Gotham Awards , New York Film Critics Circle Awards, National Board of Review, Los Angeles Film Critics Association และยังยังเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 81 ประจำปี 2024 ไปถึง 5 สาขาหลัก
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของความผูกพันของสองเพื่อนสนิท ‘นอร่า’ เด็กสาววัย 12 ปีที่ต้องอพยพไปใช้ชีวิตอยู่ที่แคนาดาพร้อมกับครอบครัว และเพื่อนสนิทของเธอ และ ‘แฮซอง’ ที่ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งที่นิวยอร์ก ท่ามกลางความรู้สึกเก่าๆ ความโหยหา และการเผชิญหน้ากับพรหมลิขิตและความรักที่อาจจะจบลงแบบไหน กับความเชื่อเรื่อง “อินยอน” (โชคชะตา) ที่ทำให้เรื่องราวความรักซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งขึ้น พวกเขาใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ด้วยกัน ได้ย้อนความทรงจำและเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่ยังคงอยู่ ทั้งเรื่องโชคชะตา ความรัก และทางเลือกในชีวิต
“If You Leave Something Behind, You Gain Something Too”
ภาพยนตร์ทำให้เราเห็นถึงโชคชะตา ความผูกพัน การเติบโต และการยอมรับในชีวิต ว่าการพบเจอและการจากลาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเส้นใยที่เชื่อมโยงจากอดีตชาติ ชวนให้เราทบทวนความสัมพันธ์ที่ผ่านเข้ามาและจากไป การเลือกเส้นทางชีวิต และการยอมรับในความเป็นไปของปัจจุบัน โดยไม่มีใครผิดใครถูก ทุกตัวละครต่างมีเหตุผลและความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งทำให้หนังสะท้อนความเป็นมนุษย์ที่ซับซ้อนและบาดลึก ไปกับตอนจบที่มีความหมายลึกซึ้งและจับใจ ผ่านการยอมรับว่าชีวิตมันก็อาจมีความไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก the standard และ the matter

Superman : เริ่มดูเวลา 22:20:00 น.
ภาพยนตร์ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกทะลุ 551 ล้าน USD ขึ้นแท่นหนังฮีโร่ที่ทำเงินมากที่สุดของปี 2025 มีการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาสำคัญ เช่น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (James Gunn), นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (David Corenswet) และนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม (Nicholas Hoult) โดย Indiana Film Journalists Association และรอลุ้นการเข้าชิงรางวัลใหญ่ เช่น Oscars, Golden Globes ด้วยความสำเร็จและคุณภาพที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง
เล่าเรื่องราวของ ‘คลาร์ก เคนต์’ ซูเปอร์ฮีโร่จากดาวคริปตันที่ต้องหาสมดุลระหว่างตัวตนของเขาในฐานะฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมและนักข่าวธรรมดาที่เดลีแพลเน็ต โดยภาพยนตร์จะสำรวจการต่อสู้ภายในจิตใจ การถูกโจมตีจากสังคมโซเชียลและรัฐบาลที่มีเบื้องหลังโดย เล็กซ์ ลูเธอร์ พร้อมทั้งความสัมพันธ์กับ โลอิส เลน เพื่อค้นหาความหมายของการเป็นซูเปอร์แมนที่แท้จริงในโลกปัจจุบันที่ผู้คนเชื่อในความดีน้อยลง
“ฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนกับทุกคน ฉันรัก ฉันกลัว เป็น ฉันตื่นขึ้นมาทุกเช้า และถึงแม้จะไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ฉันก็ยังก้าวไปข้างข้างหน้าและพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันทำพลาดอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นคือความเป็นมนุษย์ และนั่นคือจุดแข็งที่สุดของฉัน”
ภาพยนตร์ทำให้เห็นถึงการกล้าเผชิญหน้ากับความไม่สมบูรณ์แบบ การค้นหาตัวตน ความหวัง และความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเน้นย้ำว่าความอ่อนแอของมนุษย์คือจุดแข็งที่ทำให้เราเติบโตได้ การยอมรับความผิดพลาดและการพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดคือแก่นแท้ของการเป็นฮีโร่และมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่แค่การมีพลังวิเศษ เพราะไม่สำคัญว่าเราถูกสร้างมาทำไม สำคัญที่เราเลือกจะเป็นอะไร
ขอบคุณข้อมูลจาก the standard และ SUM UP

10 Things I Hate About You : เริ่มดูเวลา 22:23:00 น.
ภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดีในปี 1999 กำกับโดย จิล จังเกอร์ ที่ดัดแปลงมาจากบทละคร The Taming of the Shrew ของเชกสเปียร์ โดยถูกนำมาดัดแปลงให้เป็นหนังวัยรุ่น แม้ตัวภาพยนตร์จะไม่ได้กวาดรางวัลใหญ่ในเวทีออสการ์หรือลูกโลกทองคำ แต่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ดัดแปลงจากบทละครของเชกสเปียร์ที่ดีที่สุด และส่งให้ ฮีธ เลดเจอร์ กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในฮอลลีวูดก่อนที่เขาจะไปคว้ารางวัลออสการ์ในเวลาต่อมาจากเรื่อง The Dark Knight
เล่าเรื่องราวของ ‘คาเมรอน’ นักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาแล้วตกหลุมรัก ‘เบียนก้า’ สาวสวยสุดป็อปประจำโรงเรียนในทันที แต่เขาก็ต้องพบกับอุปสรรคชิ้นใหญ่นั่นคือกฎของบ้านสแตรตฟอร์ด ที่ว่าเบียนก้าจะออกไปเดทได้ ก็ต่อเมื่อ ‘แคต’ พี่สาวคนโตยอมออกไปเดทด้วยเท่านั้น คาเมรอนจึงวางแผนจ้าง ‘แพทริก เวโรน่า’ หนุ่มเซอร์มาดแบดบอยประจำโรงเรียนให้มาตามจีบแคต เพื่อเปิดทางให้พวกเขาได้เข้าหาเบียนก้า สุดท้ายแพทริคกับแคทก็ตกหลุมรักกันจริงๆ ท่ามกลางความวุ่นวายและการค้นพบความรู้สึกที่แท้จริง
“Don’t Let Anyone, Ever, Make You Feel Like You Don’t Deserve What You Want”
ภาพยนตร์ทำให้เห็นถึงการยอมรับในความรู้สึกที่ซับซ้อน, การกล้าที่จะเป็นตัวเองและทำตามหัวใจ, การสื่อสารความรู้สึกที่แท้จริง, และ การท้าทายมาตรฐานทางสังคม โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าความรักที่ดีคือการยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย แม้จะดูแข็งกระด้างหรือมีข้อบกพร่องก็ตาม สุดท้ายแล้วชีวิตก็แค่กล้าที่จะแตกต่าง รักในสิ่งที่ตัวเองเป็น และอย่าให้คำตัดสินของคนอื่นมาขังตัวเราไว้ในกล่องที่คนอื่นสร้างขึ้น

The French Dispatch : เริ่มดูเวลา 22:19:50 น.
ภาพยนตร์ผลงานล่าสุดของผู้กำกับสุดแนวชาวอเมริกันขวัญใจคอหนังอินดี้หนังอาร์ต อย่าง เวส แอนเดอร์สัน ที่ได้รับการยืนขึ้นปรบมือกว่า 9 นาทีหลังฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Cannes และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่หลายเวที ทั้งลูกโลกทองคำ, BAFTA, และเทศกาลหนังเมืองคานส์ (Palme d’Or) จากสไตล์ภาพที่สวยงาม บทภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์ และการแสดงที่โดดเด่น
ภาพยนตร์รวมเรื่องสั้น 3 เรื่อง + บทนำ/บทส่งท้าย เมื่อบรรณาธิการผู้ก่อตั้งอย่าง ‘อาเธอร์ ฮาวิทเซอร์ จูเนียร์’ เสียชีวิตลง ตามพินัยกรรมของเขา ระบุให้ยุติการผลิตนิตยสารฉบับนี้ทันที แต่ให้มีการตีพิมพ์ “ฉบับสุดท้าย” เพื่อเป็นการอำลา ซึ่งแต่ละตอนเป็นตัวแทนของแต่ละคอลัมน์ในแมกกาซีนของหนังสือพิมพ์อเมริกันที่มีสำนักงานอยู่ประเทศฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 20 โดยฉบับสุดท้ายจะรวบรวมเรื่องราวสุดเข้มข้นของเมืองสมมติแห่งนี้ ตั้งแต่ศิลปินอัจฉริยะที่ติดคุกคดีฆาตกรรม การประท้วงของกลุ่มนักศึกษาในฝรั่งเศส ไปจนถึงเรื่องราวการเมืองและการผจญภัยในการลักพาตัวลูกชายผู้บัญชาการตำรวจที่ระทึกขวัญ
“Maybe With Good Luck We’ll Find What Eluded us, In The Places We Once Called Home”
ภาพยนตร์ทำให้เห็นถึงความงดงามของ ศิลปะ วรรณกรรม การรายงานข่าว และการตามหาความหมายในชีวิต ผ่านเลนส์ที่แปลกตาของผู้กำกับ ในการค้นหาตัวตนและความสัมพันธ์ในโลกที่หมุนไปไม่หยุด ทำให้เราเห็นว่า “ทุกชีวิตคือบทความหนึ่งบท” ที่มีทั้งความตลก เศร้า และแปลกประหลาด สิ่งสำคัญคือเราจะเลือกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นออกมาอย่างไรให้มีคุณค่าและงดงามที่สุดก่อนที่หน้ากระดาษจะถูกปิดลง
ขอบคุณข้อมูลจาก the standard และ the matter

