ฟิโก้ เบ็คแฮม และชัปปุยส์! วิเคราะห์การเซ็นสัญญาจากสามยุคสมัย

ช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาวงการฟุตบอลยุโรปกับวงการฟุตบอลไทยอยู่ในช่วงที่สโมสรต่างๆ กำลังวุ่นวายกับการ scout ตัวนักเตะและเสนอราคารวมทั้งต่อรองเพื่อเอาผู้เล่นที่มีฝีเท้าเข้าตามาร่วมทีมสำหรับฤดูกาลใหม่ของลีกยุโรปและเลกที่ 2 ของไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่บรรดานักเตะที่ถูกสโมสรเพิกเฉยกับการต่อสัญญาต้องมองหาทีมใหม่เพื่อที่จะต่ออายุการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในระดับสูงสุดให้ได้ต่อไป การโยกย้ายสโมสรในช่วงปิดฤดูกาลนี้มักจะมีดีลที่สร้างความตื่นเต้นให้ได้แบบเสมอๆ เลยอยากหยิบมาเขียนถึง

ดีลแรกเป็นเรื่องของการย้ายทีมไปอยู่อีกสโมสรหนึ่งที่เป็นคู่ปรับกันแบบตลอดกาล หนึ่งในคนที่ติดอันดับก็คือ Luis Figo อดีตปีกระดับโลกทีมชาติโปรตุเกสที่ย้ายจาก Barcelona มายัง Real Madrid ในปี 2000 ซึ่งจะว่าไปก่อนหน้าที่ Figo จะทำการทรยศแฟนบอล Barcelona นั้นก็เคยมีคนเดินเส้นทางนี้มาแล้วไม่ว่าจะเป็น Bernd Schuster นักเตะเยอรมันหรือ Michael Laudrup อดีตปีกชาวเดนมาร์ก แต่สำหรับทั้งสองเป็นกรณีที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บใจในหมู่แฟนบอลสโมสรเดิมมากนัก แต่สำหรับ Figo แล้วไม่ใช่เลย

Figo Sansiri Blog

Figo เป็นขวัญใจของถิ่นแคมป์นูอยู่ 5 ปี ก่อนที่จะเป็นหนึ่งในตัวนักเตะระดับโลกที่ Florentino Perez ประธานสโมสร Real Madrid ตอนนั้นต้องการดึงตัวมาสร้างทีม los galacticos ของเค้าในยุคนั้น เมื่อข่าวรั่วออกไปถึงการเตรียมจรดปากกาเซ็นสัญญากับทีมชุดขาว ตัว Figo เองออกมาแถลงข่าวแบบหน้าซื่อๆ ในต้นเดือนกรกฏาคมปีนั้นว่าเค้าจะไม่มีวันย้ายออกจากถิ่นแคมป์นูอย่างแน่นอนและจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นของ Barcelona ที่จะเริ่มฤดูกาลใหม่ในวันที่ 24 กรกฏาคม แต่กลับกลายเป็นว่าในวันที่ 24 กรกฏาคมนั้นเอง Figo กลับไปยืนชูเสื้อยิ้มร่าอยู่ข้างๆ นาย Perez ที่งานแถลงข่าวของ Real Madrid เสียนี่ ส่งผลให้เค้ากลายเป็น Judas ของแฟนๆ บอลแคมป์นูทันที

แม้จะได้รับความเกลียดชังจากแฟน Barcelona แต่ Figo ก็ได้พิสูจน์ให้แฟนของ Real Madrid เห็นว่าฝีมือของเค้าคุ้มค่าตัวสถิติโลกในตอนนั้นและกลายเป็นกำลังสำคัญของยุค los galacticos สมัยนั้นในการพาทีมคว้าแชมป์หลายต่อหลายแชมป์ด้วยกัน และแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่ Figo ก็ยังเป็น Judas ของ Barcelona มาเสมอโดยในเกมการแข่งขัน Legends Match ของทีมก่อนหน้ารอบชิงชนะเลิศ UCL ปี 2015 Barcelona ก็บีบบังคับให้ UEFA เอาชื่อ Figo ออกไปจากรายชื่อผู้เล่นที่จะเป็นตัวแทนสโมสร นับว่าเคืองกันข้ามทศวรรษจริงๆ

กรณีที่สอง เป็นอดีตนักเตะของ Real Madrid อีกเช่นกันก็คือ David Beckham ที่มาจาก Manchester United โดยเป็นการจากลาสโมสรที่เค้าบอกว่ารักมากที่ดูเหมือนจะปวดใจเพราะทราบกันดีว่าท่าน Sir Alex Ferguson เป็นคนบอกให้ผู้บริหารสโมสรขายเค้าให้กับยักษ์สีขาวด้วยตัวเอง สืบเนื่องมาจากความไม่พอใจไลฟ์สไตล์อันฟู่ฟ่าของ Beckham และการแสดงออกถึงความท้าทายอำนาจของท่าน Sir ในการทำทีมด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ Beckham ต้องการสร้างสีสันให้กับตัวเองในเชิงการตลาดBeckham Sansiri Blog

คนที่เป็นแฟน Beckham อาจจะเกลียดผมที่จะบอกว่า Beckham คือนักเตะคนหนึ่งที่สร้างฐานของแฟนบอลและความชื่นชมจากความเฉียบคมในสไตล์และวิธีการนำเสนอตัวเองได้อย่างสุดยอดมากกว่าฝีเท้าในสนามจริงๆ แต่ผมไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้น นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า Beckham คือหนึ่งในทีมทหารเสือของ Man U ในยุคนั้น การวางบอลยาวอย่างแม่นยำของเค้าไม่เป็นที่กังขาแต่ต้องยอมรับว่า Gary Neville และ Ryan Giggs คืออีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งให้ Beckham สามารถใช้ศักยภาพของเค้าได้เด่นขึ้น เช่นกันสมัยที่เค้าอยู่กับ Real Madrid นั่นคือยุคที่เค้าถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนที่เป็นสุดยอดนักเตะทั้งนั้น

มองในทางกลับกันเมื่อเค้าเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษที่ประกอบด้วยผู้เล่นระดับ ธรรมดาๆ Beckham ก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย หรือการย้ายกลับไปเล่นกับ AC Milan ในยุคที่ทีมนั้นประกอบไปด้วยผู้เล่นอายุมากๆ ที่อยู่ในขาลง Beckham ก็ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด จึงน่าจะเรียกได้ว่า Beckham มาอยู่กับ Real Madrid ได้ถูกจังหวะสำหรับเค้าที่ได้เพื่อนร่วมทีมที่ส่งให้เค้าดูดี ในขณะเดียวกัน Real Madrid ก็แฮปปี้กับการได้ icon อย่างเค้ามาประดับทีมเพื่อเป็น magnet ในการขยายตลาดในทวีปอื่นๆ ทั่วโลก

Beckham คือต้นตำรับของการที่นักฟุตบอลเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็น style icon ให้เป็นที่นิยมชมชอบของฐานแฟนบอลใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แฟนประเภท hardcore และหลังจาก Beckham ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้เราก็ได้เห็นนักฟุตบอลหลายคนเดินตามทางนี้เช่นกัน ในวงการฟุตบอลไทยก็หนีไม่พ้น ยุคที่ฟุตบอลได้รับความนิยมสูงขึ้น ความเท่ห์ ความหล่อ ความเก๋ กลายเป็นส่วนหนึ่งของ requirement ที่นักฟุตบอลสมัยนี้อยากมีเพื่อดึงดูดแฟนๆ และสปอนเซอร์ต่างๆ เพราะต้องยอมรับครับว่าเรื่องนี้ประเทศไทยเรายังให้ความสนกันเยอะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจนะครับสำหรับคนเป็นเจ้าของทีมในยุคที่ต้องแข่งขันกันเยอะ กับวงการฟุตบอลไทยที่กำลังเติบโตต้องชั่งน้ำหนักดีๆ จะเอาฝีมืออย่างเดียวก็ไม่ได้ต้องมีมูลค่าทางการตลาดด้วย

อย่างดีลล่าสุดที่ SCG เมืองทองยูไนเต็ดจรดปากกาเอาตัว ชาริล ชัปปุยส์ อดีตทีมชาติมาจากสุพรรณบุรี ผมว่าก็เป็นดีลหนึ่งที่น่ากังขาสำหรับผมเอง (ตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ยังไม่เปิดเผยค่าตัว) ต้องบอกก่อนนะครับสำหรับแฟนของชัปปุยส์ ไม่ใช่ว่าชัปปุยส์ไม่เก่งหรือไม่ดีนะครับ (แต่ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วแฟนชัปปุยส์โกรธผมนั่นแสดงว่าอิทธิพลของความเป็น icon เค้าบดบังสายตาพวกคุณหมดแล้ว!) แต่แค่อยากจะบอกว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่ทีมต้องตอบให้ได้ว่าการเอาเค้ามาจะสร้างมูลค่าในสนามได้มากกว่ามูลค่านอกสนาม ทีมขาดสารัชไปและกำลังจะขาดเมสซี่เจไปก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่พอเข้าใจได้ว่าทีมต้องการคนมาแทนที่

shutterstock_509370889

แต่ก็เพราะกระแสแฟนๆ บอลนี่แหละครับที่ทำให้ผมต้องกังขากับความเก่งในสนามกับความหล่อของชัปปุยส์ ว่าอย่างไหนมีมูลค่ามากกว่ากัน ยิ่งแฟนบอลกระพือความหล่อความเท่ห์กันเยอะ ก็ยิ่งเป็นภาระกับนักเตะครับที่ต้องทำตัว “เยอะ” ไว้ก่อนเพื่อรักษาภาพตรงนั้นไว้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เค้าเห็นว่ามวลชนให้ความสำคัญ และถ้ายิ่งนักเตะทำตัว “เยอะ” รังแต่จะทำให้เคมีในทีมสมดุลย์เสียได้ง่ายๆ ครับ ลองดูครับว่าดีลนี้จะคุ้มหรือไม่คุ้มอย่างไร แฟนๆ ชัปปุยส์อย่าเกลียดผมนะครับ

บทความนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามกีฬา ฉบับวันที่ 16 มิถุนายน 2560