“George Weah จากดินสู่ดาว จากนักฟุตบอลในสลัมสู่ประธานาธิบดี”

ข่าวที่เราให้ความสำคัญกันมากที่สุดในช่วงท้ายปีที่แล้วหนีไม่พ้นที่จะมีเรื่องของคุณ อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ที่วิ่งจากใต้จรดเหนือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ควรชื่นชม ซึ่งจากที่ลองดูในบรรดาหัวข้อตามฟอรั่มหรือโซเชียลมีเดียที่มีคนให้ความเห็นไว้ มีเรื่องของการพูดถึงความ “อยาก” ที่จะให้คุณตูนตั้งพรรคการเมืองหรือลงเล่นการเมืองแล้วจะได้รับการสนับสนุนจากคนไทยมากมาย ซึ่งหลายคนก็ฝันไว้แบบนั้น

 

บังเอิญหัวข้อดังกล่าวมาบรรจบกับเรื่องของบุคคลที่ได้รับความนิยมจากมวลชน บุคคลที่ไม่ได้มีพื้นเพจากการเมืองหรือธุรกิจ แต่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้นำของประเทศคนล่าสุดของประเทศไลบีเรีย นั่นก็คือ George Weah อดีตนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปอาฟริกา และอดีตนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของ FIFA ปี 1995 ที่เพิ่งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของไลบีเรียเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เราลองมาย้อนดูที่มาที่ไปและประวัติของ Weah กันครับ

ในปี 1980 เกิดการรัฐประหารในไลบีเรียโดยนายทหารใหญ่ชื่อ Samuel Doe ซึ่งทำการสังหารคณะรัฐมนตรี 13 นายของประเทศและขึ้นครองอำนาจ ณ ตอนนั้น Weah เพิ่งอายุได้ 13 ปี อาศัยอยู่ในเมืองหลวง Monrovia และกำลังเริ่มโชว์แววของการเป็นนักเตะชั้นเยี่ยมออกมาให้เห็น เดินหน้า 10 ปีต่อในปี 1990 มาตอนที่นาย Samuel Doe นำประเทศเข้าสู่ยุคเผด็จการเต็มรูปแบบและถูกคณะทหารอีกกลุ่มนำโดย Charles Taylor กระทำรัฐประหารล้มรัฐบาล ช่วงเวลานั้น Weah กำลังเล่นอยู่กับ Monaco ภายใต้การทำทีมของ Arsene Wenger และเป็นช่วงเวลาที่เค้าประสบความสำเร็จจนกระทั่งได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปอาฟริกาในที่สุด

Samuel Doe

ช่วงเวลาภายหลังการล้มอำนาจของนาย Doe ประเทศไลบีเรียตกอยู่ภายใต้ภาวะสงครามการเมืองที่รุนแรง ประชากรหนึ่งในสิบของประเทศกว่า 250,000 คนถูกสังหาร เด็กและเยาวชนจำนวนมากถูก Recruit เข้าร่วมจับปืนสู้รบด้วย ในช่วงเวลานั้นนักฟุตบอลจากสลัมในเมือง Monrovia ที่ชื่อ Weah กำลังสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในทวีปยุโรป และกลายเป็นนักฟุตบอลคนเดียวของทวีปอาฟริกาที่เคยได้ตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของ FIFA อันเป็นผลมาจากผลงานที่โดดเด่นของ Weah กับสโมสร PSG และ AC Milan ช่วงต้นจนถึงกลางทศวรรษ 1990’s

จนกระทั่งในปี 2003 Weah ประกาศแขวนสตั๊ด ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่รัฐบาลของนาย Taylor ถูกโค่นล้มและต้องลี้ภัยไปยังไนจีเรีย ช่วงนั้นเป็นห้วงเวลาที่ประเทศไลบีเรียอยู่ในสภาพเละเทะภายหลังการปกครองเผด็จการ การรัฐประหาร และสงครามกลางเมืองที่ยาวนาน โดย 2 ปีให้หลังจากที่เขาแขวนสตั๊ด Weah ตัดสินใจกลับบ้านเกิดและลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกในปี 2005 โดยมีคู่แข่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่องค์กร World Bank และศิษย์เก่า Harvard อย่างนาย Ellen Johnson Sirleaf แต่ Weah แพ้การเลือกตั้งครั้งนั้นและต้องรอคอยอีกกว่า 12 ปีเพื่อที่จะได้รับชัยชนะเหนือประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Joseph Boakai ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาด้วยคะแนนเสียงกว่า 60%

George Weah Credit : www.footballwhispers.com

เชื่อกันว่า Weah ได้รับคะแนนเสียงในครั้งนี้ก็เพราะเรื่องราวเทพนิยายของเด็กจากสลัมที่ก้าวขึ้นเป็นนักฟุตบอลระดับโลกเป็นเรื่องที่กินใจประชากรชาวไลบีเรียซึ่งเชื่อกันว่า Weah น่าจะสร้างเรื่องราวแบบนี้กับการบริหารประเทศได้อีกครั้ง รวมถึงการที่ Weah ใช้ชีวิตส่วนมากอยู่ในยุโรปเล่นฟุตบอลกับสโมสรต่างๆ ในช่วงเวลาที่ประเทศล้มลุกคลุกคลานจากรัฐประหาร การคอร์รัปชั่นอันฝังรากลึก และการแบ่งฝ่ายของนักการเมืองที่ต้องเลือกว่าจะอยู่กับใครในช่วงทหารครองประเทศ ส่งผลให้เค้าตัดขาดจากความล้มเหลวที่ผ่านมาและภาพพจน์ของเค้าสะอาดและเป็นกลางที่สุดสำหรับชาวไลบีเรีย ในขณะที่ Weah ก็ทำให้ชาวไลบีเรียเห็นว่าเขาสามารถทำประโยชน์ได้จากมุมมองของเขาเองอย่างเช่นการจ่ายค่าเดินทางให้กับทีมชาติฟุตบอลของไลบีเรีย สิ่งที่เขารักนั่นเอง

Credit : www.footballwhispers.com

Weah ไม่ใช่นักฟุตบอลคนแรกที่ก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองนะครับ ก่อนหน้าเค้าก็มีอยู่หลายคนเหมือนกันที่เดินทางสายนี้ รายแรกก็เช่น Pele ที่เคยได้รับตำแหน่ง Extraordinary Minister of Sports (ซึ่งผมก็แปลไม่ถูกเหมือนกันว่าตำแหน่งนี้มันต่างจากรัฐมนตรีธรรมดาอย่างไร!) ของประเทศบราซิลในช่วงปี 1995-2001 โดยเค้าพยายามสร้างนโยบายเพื่อล้มล้างคอร์รัปชั่นในวงการฟุตบอลของบราซิลและมีกฏหมายในเรื่องดังกล่าวออกมา แต่ตกม้าตายด้วยการถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับการคอร์รัปชั่นเสียเอง และลาออกในปี 2001 ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่แต่อย่างใด

Lilian Thuram อดีตผู้เล่นทีมชาติฝรั่งเศสที่ติดทีมชาติมากที่สุดก็คืออีกหนึ่งคนที่เคยก้าวเข้าสู่วงการเมือง แม้เขาจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอะไรอย่างเป็นทางการแต่เค้ามีส่วนร่วมกับนโยบายหลายอย่างเช่นการเรียกร้องความเท่าเทียมกันด้านสีผิว ด้านการเหยียดเพศทางเลือก และเคยขึ้นโต้วาทีกับอดีตประธานาธิบดีอย่างนาย Sargozy ด้วยทางโทรทัศน์รวมถึงการปฏิเสธการรับตำแหน่ง Minister of Diversity ที่นาย Sargozy เคยเสนอให้

Sol Campbell อดีตปราการหลังทีมชาติอังกฤษก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยเข้าร่วมวงการเมืองด้วย โดยเขาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายพรรคอนุรักษ์นิยมหรือ Conservatives ของอังกฤษ และเคยที่จะลองพยายามเข้าไปนั่งในสภาด้วยหวังว่าจะสามารถช่วยพรคคอนุรักษ์นิยมกวาดคะแนนจากกลุ่มชนผิวสีในอังกฤษได้แต่ก็ไม่สำเร็จในปี 2014 และปีต่อมาก็เคยพยายามเข้าร่วมคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งหา Mayor ของกรุงลอนดอนด้วยแต่ไม่เข้ารอบ

Credit : foreignpolicy.com

นี่เป็นแค่บางตัวอย่างของการที่นักฟุตบอลเมื่อจบอาชีพแล้วหันหน้าหนีการเป็นโค้ช ผู้จัดการ หรือเจ้าหน้าที่ทีม แต่ฉีกไปเล่นการเมืองแทน ซึ่งนักวิเคราะห์ทุกคนบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ โดยเฉพาะอย่างนาย Weah ที่มีบารมีและขาวสะอาด แต่สิ่งที่ตามมาด้วยคือความคาดหวังที่สูงของประชากรชาวไลบีเรีย ซึ่งสิ่งที่เค้าบอกว่าจะใช้เป็นแนวทางในการบริหารคือหาคนเก่งและผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มาอยู่ในทีมบริหารประเทศของเค้า ก็เอาใจช่วยครับเผื่อจะเป็นกรณีสำเร็จที่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า สปิริต ของคนที่เคยเป็นนักกีฬาก็สามารถเข้ามาสร้างความขาวสะอาดให้กับการเมืองได้เหมือนกัน เผื่อจะเกิดกรณีเลียนแบบเพิ่มขึ้นตามมาในอีกหลายๆ ที่!

 

บทความนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามกีฬา ฉบับวันที่  29 ธันวาคม 2560

ติดตามมุมมองสบายๆ ของเศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับกีฬาและสังคมได้ที่ คลิก