ฟรอยด์ VS เมเวทเธอร์ แมตท์หยุดโลก เมื่อสองราชาโคจรมาพบกัน

เกือบถึงแล้วสำหรับแม็ทช์การต่อสู้ที่หลายคนรอคอยระหว่างเจ้าแห่งวงการมวยสากลที่กลับขึ้นสังเวียนอีกครั้ง Floyd Mayweather กับยอดนักต่อสู้ mixed martial arts หรือ MMA ที่ชื่อว่า Conor McGregor ในรูปแบบมวยสากล ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่มีการเรียกน้ำย่อยกันมาโดยตลอดในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเผลอๆ เป็นการจับคู่ที่เรียกแขกได้มากกว่าสมัย Mayweather เจอกับ Paquia เสียอีก อันเนื่องมาจากบุคลิกของทั้งสองที่เป็นนักต่อสู้ในฝันของโปรโมเตอร์ทุกคนเลย คนหนึ่งผิวสี จอมโม้คุยโว ฟู่ฟ่าด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นประเภท Bling Bling ไม่แพ้ Rapper หรือ Gangster ระดับโลกคนไหน กำลังจะเจอกับนักต่อสู้ผิวขาวรอยสักเต็มตัวชาวไอริชที่มีความกร่างและ Ego เต็มเปี่ยมไม่แพ้กัน

ที่จริงแล้วแผนการที่จะเอาทั้งสองคนนี้มาเจอกันนั้นเกิดขึ้นมากว่าปีแล้ว โดยทั้งคู่ก็ใช้สื่อและ social media เย้ยกันไปกันมาตลอด เรียกได้ว่าแม้ข้อตกลงยังไม่เกิดแต่กระแสความสนใจที่ทั้งคู่สร้างขึ้นก็ทำให้ทุกคนทราบดีว่าสักวันจะได้เห็นทั้งสองคนต่อสู้กันบนเวที แต่ทว่าตอนแรกนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพราะทาง McGregor ติดสัญญากับทาง UFC และยังไม่มี License ของการเป็นนักมวยมืออาชีพ รวมถึงข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายถึงผลประโยชน์และกฎกติกาที่จะใช้ในการต่อสู้เพราะทั้งคู่มาจากแบ็คกราวน์การต่อสู้ที่ต่างกันและทีเด็ดอาวุธของทั้งสองก็มีความแตกต่างกัน ยากที่จะหาข้อสรุปตรงกลางที่สองฝั่งยอมรับ แต่สุดท้ายแล้วทางผู้จัดก็บรรลุข้อตกลงได้ระหว่างทั้งสองฝั่งและผู้ได้รับผลประโยชน์ทุกฝ่าย รวมทั้งการที่ McGregor ได้รับ License ของนักมวยอาชีพอย่างถูกต้อง

ทีนี้เราลองมาดูกันครับว่าจากที่ผมอ่านการวิเคราะห์ของบรรดาเกจิทั้งหลายถึงคุณลักษณะของทั้งสองนักสู้ มีประเด็นอะไรบ้างที่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญให้เราพอเดาได้ว่าใครจะเป็นผู้ได้ยิ้มเยาะอีกฝ่ายในสุดสัปดาห์นี้

ว่ากันเรื่องของความรวดเร็วในการต่อสู้หรือออกหมัดแบบมวยสากลนั้น ต้องบอกว่านี่คือจุดแข็งของ Mayweather เลยทีเดียว ถ้าการต่อสู้นี้เกิดขึ้นเมื่อสัก 5 ปีที่แล้วผมคิดว่า Mayweather คงชนะขาดลอย อย่างไรก็ตามแม้ว่าเค้าจะอายุอานามปาเข้าไป 40 แล้วอีกทั้งยังไม่ได้ขึ้นสังเวียนมาเป็นปี แต่ต้องยอมรับว่า McGregor แม้ว่าจะอยู่ในช่วงอายุที่พีคที่สุดของนักสู้ก็น่าจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเรื่องของความเร็วของหมัดที่จะเป็นอาวุธหลักของการต่อสู้ครั้งนี้แน่นอน อันนี้ผมให้ Mayweather มีภาษีดีกว่า

Floyd Mayweather Jr in Las Vegas for a fight described by Sugar Ray Leonard as 'about history'

Mayweather Credit : www.reddit.com

เรื่องของความแข็งแกร่งและพลังในการต่อสู้นั้น ต้องบอกว่าดูแล้ว McGregor น่าจะมีภาษีดีกว่า เพราะอันเนื่องด้วยของลักษณะการต่อสู้แบบ MMA ที่ต้องเจออาวุธหลากหลายรูปแบบนั้นส่งผลให้การฝึกซ้อมของผู้เล่น MMA อย่าง McGregor ต้องฝึกให้ร่างกายทนต่อความรุนแรงของทั้งเข่า ศอก ทุบ กระทืบ ฯลฯ รวมถึงตัวเค้าเองต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกอาวุธพวกนี้ด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจก็คือการคว่ำคู่ต่อสู้ของ McGregor ในรูปแบบ MMA นั้นเป็นการออกอาวุธอย่างต่อเนื่อง คู่ต่อสู้ล้มลงแล้วก็ยังลงไปอัดต่อได้ แต่ในการต่อสู้แบบมวยสากลนี้แล้วจะเป็นไปได้เพราะกรรมการจะเข้ามาแยกและนับ 1-10 ทำให้ผู้ที่ล้มลงมีโอกาสตั้งหลักใหม่

ufc205-day-one-photo-per-hacc88ljestam-23

McGregor Credit : www.thesun.co.uk

แล้วในเรื่องของความอดทนจากการถูกถลุงล่ะครับว่าอย่างไร ต้องเรียกว่าข้อนี้ McGregor ได้เปรียบแน่นอนอันเนื่องจาก Regime การฝึกซ้อม MMA ที่กล่าวไว้ด้านต้น แถมถ้าพิจารณาจากแรงกระแทกที่เค้ารับเป็นประจำจากหมัดของคู่ต่อสู้บนสังเวียน MMA ที่ใส่นวมขนาด 4 ออนซ์ ถือว่าหนักหนาและน่าจะรุนแรงกว่าหมัดของ Mayweather ที่เรี่ยวแรงไม่เหมือนเดิมแถมสวมนวมขนาดใหญ่ 10 ออนซ์ด้วยอีก ผมว่าอันนี้ถ้าไม่โดนจังๆ McGregor น่าจะสบายๆ อย่างไรก็ตามแม้ McGregor จะไม่ค่อยอ่อนปวกเปียกจากแรงปะทะแต่เค้าเองมีจุดอ่อนที่เคยเห็นได้เวลาเค้าเริ่มเหนื่อย อาการเป๋ก็ออกเหมือนกัน ดังนั้นเป็นโอกาสที่ Mayweather ต้องคอยฉกฉวยให้ดี แต่ผมเชื่อว่าข้อนี้ McGregor ก็ยังมีภาษีกว่าเพราะการต่อสู้แบบ MMA น่าจะกินแรงกว่ามวยสากล ดังนั้นเค้าไม่น่าจะเหนื่อยมากเสียเท่าไหร่ครับ

ในเรื่องของการรุกและรับนั้น ดูเหมือนว่า Mayweather จะได้เปรียบทั้งสองเรื่อง แม้สถิติของ McGregor จะดูดีก็ตามแต่ต้องบอกว่าลีลาการออกหมัดแบบมวยสากลของ McGregor นั้นไม่ใช่สิ่งที่เค้าถนัดแต่อย่างใดในขณะที่ Mayweather นั้นแม้จะเน้นการป้องกันแต่ทุกหมัดของเค้าที่ออกเรียกว่าเข้าเป้าเสมอและได้แต้มทุกครั้งแบบไม่เปลืองแรงเปล่า และเช่นกันในด้านการป้องกันตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่แฟนๆ ของ McGregor รู้ดีว่าไม่ใช่จุดแข็งของเค้า ไม่ใช่ว่าเค้าป้องกันตัวเองไม่ดีเพียงแต่ว่าแท็คติกที่เค้าใช้ประจำคือลุยเข้าใส่โดยไม่เกรงกลัวการถูกอัด และบังเอิญเค้าก็ทนทายาดเสียด้วยจึงไม่ค่อยกลัวโดนอาวุธคู่ต่อสู้เท่าไหร่ ซึ่งก็ได้ผลเสมอๆ ในการลุยเผด็จศึก MMA อย่างไรก็ตามผมว่าปัจจัยนี้ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่สำหรับ McGregor ในการที่จะถูกเผด็จศึกก่อนเวลา เพราะเชื่อว่า Mayweather อาจจะยึดแท็คติกเดิมในการปกป้องและเก็บแต้มจากการเก็บทำคะแนนไปเรื่อยๆ ไม่จู่โจมแบบต่อเนื่องจน McGregor ทนไหม่ไหว

shutterstock_612429113

แล้วเรื่องอื่นๆ ล่ะครับ อย่างเช่นประสบการณ์ในการขึ้นต่อสู้ในไฟต์ใหญ่ๆ นั้นใครได้เปรียบใครหรือไม่ ข้อนี้ผมว่าทั้งสองคนไม่น่าจะมีใครได้เปรียบครับอันเนื่องด้วยทั้งสองคนเป็นเทพในวงการต่อสู้ของตัวเองทั้งคู่ ความสนใจที่ทั้งสองได้รับจากแฟนๆ และสื่อต่างๆ ดูเหมือนจะไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตามต้องยอมรับครับว่า Mayweather อาจจะได้เปรียบในเรื่องของความแข็งแกร่งทางจิตใจเล็กน้อย อันเนื่องด้วยประสบการณ์ของเค้าที่นานกว่า 19 ปีบนสังเวียนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่ามาพร้อมกับแรงกดดันจากทีมงาน ครอบครัว แฟนๆ โปรโมเตอร์ และสื่อต่างๆ ที่คอยกัดจิก เชียร์ เอาใจช่วย หรือซ้ำเติม ในขณะที่ McGregor นั้นด้วยอายุบนสังเวียนที่น้อยกว่าย่อมส่งผลให้ประสบการณ์ในด้านนี้ด้อยกว่าตามไปด้วย แต่ต้องยอมรับครับว่าลีลาการ Trash Talking ของ McGregor นั้นกินขาดอันเนื่องด้วย Mayweather เองนั้นได้เปลี่ยนตัวเองให้ลดดีกรีความโหดในเรื่องนี้ในระยะหลังเพื่อสร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้ดีขึ้น ได้รับการยอมรับจากแฟนๆ มากขึ้น ในขณะที่ McGregor นั้นคือเหมือน Muhammad Ali กลับชาติมาเกิด แถม Upgrade ลีลาขึ้นไปอีกขั้นทั้งการเอาเรื่องของสีผิว เชื้อชาติ ฯลฯ มาใช้อย่างไม่เกรงกลัวคนจะเกลียดแต่อย่างใด

มาถึงตรงนี้เอาจริงๆ สรุปไม่ได้หรอกครับว่าใครจะชนะแต่รับรองได้ว่า McGregor สู้ขาดใจเพราะเค้ายังต้องทำมาหากินบนสังเวียนอยู่อีก เกิดผิดพลาดแพ้นักมวยรุ่นพี่อายุเกือบ 40 ล่ะก็ รับรองขึ้นเวที MMA ครั้งหน้าโดนล้อตายเลย

บทความนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามกีฬา ฉบับวันที่  25 สิงหาคม 2560

ติดตามมุมมองสบายๆ ของเศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับกีฬาและสังคมได้ที่ Social & Culture