NEW WAVE of ECO
รักษ์โลกแบบใหม่ไม่ซ้ำใคร

หมดเวลาที่จะมีแต่วิธีช่วยลดโลกร้อนในแบบเก่า! พาไปดูเทรนด์ช่วยโลกแบบใหม่ แบบสับ ต้อนรับวันอนุรักษ์ธรรมชาติโลก ที่รับรองว่า ทำได้จริง ทำได้ง่าย ช่วยโลกได้อิมแพ็คยิ่งกว่าปิดน้ำ ปิดไฟเมื่อไม่ใช้แน่นอน

ในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และวิถีชีวิตของคนเราก็เช่นกัน แสนสิริจึงได้นำวิธีช่วยโลกในรูปแบบง่ายๆ ที่ใช้แค่ปลายนิ้ว และใช้ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยโลกได้มากกว่าที่ทุกคนคิด

ปิดไฟเมื่อไม่ใช้ ไม่เปิดน้ำทิ้งตอนแปรงฟัน ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก เป็นสิ่งที่สนับสนุนเรื่องรักษ์โลกมาอย่างยาวนาน แม้จะใช้ได้จริงและเกิดประโยชน์ แต่ก็อาจจะเก่าไปตามกาลเวลา และอาจไม่มากพอสำหรับปัจจุบัน เพราะเมื่อชีวิตเราง่ายขึ้น วิธีที่เราจะช่วยโลกได้มากขึ้นก็มีเช่นกัน และไม่ได้จำกัดเพียงแค่การใช้ชีวิตประจำวันเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงชีวิตในออนไลน์และการใช้โซเชียลมีเดียได้อีกด้วย ซึ่งสามารถช่วยโลกได้อย่างมหาศาลและมีผลลัพธ์ที่เห็นได้จริง ให้ทุกคนได้ช่วยโลกแบบจับต้องได้

 วิธีรักษ์โลกที่เริ่มได้ง่าย ใช้ได้จริง และจับต้องได้ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยของเรา เพราะหากเราเลือกบ้านที่สร้างขึ้นโดยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างสูงสุด เราจะสามารถช่วยโลกได้ตั้งแต่การตัดสินใจซื้อ ซึ่งที่แสนสิริเองก็มี Sansiri Green Living Design ที่ออกแบบบ้านผ่านแนวคิดของความยั่งยืนที่อยากให้ผู้อยู่อาศัยและโลกอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุลและยาวนาน สนใจเพิ่มเติม คลิก! https://siri.ly/R7VyzW9

NEW WAVE of ECO NEW WAVE of ECO

NEW WAVE of ECO

อยู่บ้าน Sansiri Sustainable Design

 แสนสิริเป็นส่วนหนึ่งของ “Green Roadmap” สู่การเป็นองค์กร Net‑Zero ภายในปี 2050 โดยยึดหลักการ 3 ด้านหลักคือ 

– GREEN (เพิ่มพื้นที่เขียวและใช้วัสดุเป็นมิตร)

– ENERGY (ลดการใช้พลังงาน & ใช้พลังงานสะอาด)

– WASTE (ลด–ใช้–หมุนเวียนขยะ) เพราะความยั่งยืนเริ่มต้นได้ตั้งแต่ที่บ้าน และบ้านหลังนึงก็สามารถช่วยโลกได้มากกว่าที่คิด

ลดการใช้พลังงาน ด้วยการวางผังอาคารให้รับลม-หลบแดด ทำให้ลดการใช้แอร์และพัดลม ประหยัดไฟ และช่วยโลกได้ไปในตัว รวมไปถึงติดตั้งกระจกเขียวตัดแสง ลดความร้อนจากภายนอก ทำให้ไม่ต้องเปิดแอร์แรง อีกทั้งยังใช้หลอด LED และเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่ช่วยลดพลังงานลงได้มากกว่า 30–80% ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ไม่จำเป็นได้

อนุรักษ์น้ำ ด้วยการติดตั้งสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำพร้อมกับมีระบบจัดการน้ำฝนที่สามารถเก็บน้ำไว้รดน้ำต้นไม้ได้ เรายังมีสวนกรองน้ำธรรมชาติ ช่วยกรองสิ่งสกปรกก่อนปล่อยลงแหล่งน้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยลดปริมาณน้ำเสียและการใช้น้ำจากธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง

ลดพลังงานอย่างมีตัวเลข ประหยัดพลังงานสูงสุด 42% จากบ้านแนวแนวราบ และ 10% ในโครงการคอนโด ด้วยการออกแบบรับลม-แสง-ธรรมชาติ และในเป้าหมายปี 2025 เราต้องการลดการใช้พลังงานในโครงการใหม่ 50%, ติดตั้งโซลาร์รูฟในบ้านและคลับเฮาส์ 100% และติดตั้ง EV charger ให้กับทุกบ้านเดี่ยว

ใช้วัสดุ Low‑Carbon และนวัตกรรมใหม่ โดยใช้บานประตู – หน้าต่างแบบ VINYL พลังงานต่ำจาก WINDSOR ที่สามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 39 กิโลกรัมต่อหลังเมื่อเทียบกับวิธีทั่วไป และติดตั้งไว้ในกว่า 20 โครงการ จึงได้ผลลดรวมมากกว่า 36,300 กิโลกรัม (เทียบเท่าต้นไม้กว่า 4,220 ต้น) อีกทั้งยังร่วมมือกับ SCG Smart Living ในโครงการ Sustainable Home ‑ Prototype 1 ที่ลดการใช้แอร์ได้ถึง 83%, รีไซเคิลน้ำได้มากถึง 12,450 ล้านลิตรต่อเดือน, ใช้วัสดุรีไซเคิลกว่า 70%, ติดฉนวน STAY COOL ลดอุณหภูมิหลังคา 1 – 4 °C จนสามารถช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้มหาศาล

หากอยากเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติได้ง่ายตั้งแต่ที่บ้าน คลิกเลย! https://siri.ly/R7VyzW9

NEW WAVE of ECO

แค่ไม่ขอบคุณ AI ก็ได้ช่วยประหยัดทรัพยากร

ลดภาระพลังงานจากการประมวลผลข้อความที่ไม่จำเป็น ทุกคำสั่งหรือข้อความที่พิมพ์ไปหา AI ต้องผ่านการประมวลผลจากเซิร์ฟเวอร์  ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมหาศาล ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด หาก  AI ตอบ 1 คำสั่งเท่ากับการใช้พลังงานเฉลี่ย 0.02 – 0.1 วัตต์ แค่น้อยครั้งมันก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากมีคน “ขอบคุณ AI” 100 ล้านครั้งต่อวัน ทั่วโลกจะสิ้นเปลืองพลังงานถึง 10,000,000 วัตต์ต่อวัน หรือเท่ากับไฟบ้านหลายพันหลังกันเลยทีเดียว

AI มีการใช้โมเดลการประมวลผลด้วยภาษาขนาดใหญ่ จึงทำให้เมื่อใช้คำเยอะ หรือโต้ตอบกันเยอะเกินความจำเป็น ก็จะทำให้ใช้พลังงานมากขึ้นเช่นกัน

ในหนึ่งปีมีการเสียมูลค่าให้กับค่าความสุภาพของ AI สูงถึงหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะมีการผลิตคาร์บอนมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับมูลค่าที่เสียไป และจากข้อมูลในปี 2024 ศูนย์ข้อมูลของ AI ในสหรัฐเพียงอย่างเดียว มีการใช้น้ำในการระบายความร้อนเฉลี่ยสูงถึง 500,000 ลิตรต่อวัน และปล่อยคาร์บอนรวมมากกว่าประเทศไอร์แลนด์ทั้งประเทศ จากการใช้ AI เชิงพาณิชย์

NEW WAVE of ECO

ให้ Ecosia ช่วยค้นหา เหมือนได้ปลูกป่าไปในตัว

การใช้ Ecosia จะช่วยปลูกต้นไม้ในทุกครั้งที่คุณค้นหา ทุกการค้นหาประมาณ 45 ครั้งจะเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1 ต้น เพราะ Ecosia ใช้รายได้จากโฆษณาที่คุณเห็นตอนค้นหา ไปใช้ในการปลูกต้นไม้จริง ซึ่งปลูกแล้วมากกว่า 200 ล้านต้น ในกว่า 30 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น บราซิล, กานา หรืออินโดนีเซีย

บริหารด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% เซิร์ฟเวอร์ของ Ecosia ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 100% จากการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ด้วยตัวเอง จึงทำให้มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ 

ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้โดยตรง เพราะ Ecosia ไม่เพียงแค่เป็นกลางทางคาร์บอน แต่ยังลบล้างคาร์บอนมากกว่าที่ปล่อยออกไป จากต้นไม้ที่ปลูกซึ่งช่วยดูดซับคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศ และลดโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม

 มีความโปร่งใสและไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว เพราะจะมีการรายงานการเงินประจำเดือน เพื่อแจ้งแก่ผู้ใช้งานว่ารายได้แต่ละเดือนนำไปปลูกต้นไม้กี่ต้น

NEW WAVE of ECO

ตัดหลอดสกินแคร์ก่อนทิ้ง

 ช่วยลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมสกินแคร์ทั่วโลกผลิตบรรจุภัณฑ์มากกว่า 120 พันล้านชิ้นต่อปี และประมาณ 70% ของขยะในอุตสาหกรรมนี้คือบรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งในหลอดสกินแคร์หรือยาสีฟันหากไม่ตัดและใช้ให้หมด บางทีจะยังเหลือผลิตภัณฑ์อยู่ 10 – 30% นอกจากที่เราจะทิ้งขยะที่ยังใช้ได้ ยังทำให้บรรจุภัณฑ์ไม่สามารถรีไซเคิลได้อีกด้วย การตัดหลอดและใช้ให้หมดก่อนทิ้ง จึงช่วยลดจำนวนชิ้นที่ถูกทิ้งอย่างไม่จำเป็นและขยับสู่ Zero Waste ได้มากยิ่งขึ้น

เพิ่มโอกาสในการรีไซเคิล ทั่วโลกมีเพียงราว 9–14% ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ถูกรีไซเคิล บรรจุภัณฑ์ที่มีคราบครีมจะถูกคัดแยกเป็นขยะฝังกลบ แทนที่จะนำไปรีไซเคิล การที่เราทำให้หลอดสะอาด จะช่วยให้หลอดมีคุณภาพ ผ่านเกณฑ์นำไปรีไซเคิลได้จริง ลดขยะฝังกลบและการใช้วัสดุใหม่

 ช่วยประหยัดทรัพยากรและลดคาร์บอนพลาสติกที่ใช้ทรัพยากรทั้งน้ำมัน น้ำ และไฟฟ้าในการผลิต การใช้ให้หมด จึงเป็นการใช้ทรัพยากรเหล่านี้อย่างคุ้มค่า และสร้างมูลค่าได้มากกว่าการทำลายเพื่อผลิตใหม่ เพราะการลดการปล่อยคาร์บอนและลดปริมาณการผลิตวัสดุใหม่ คือ การลดภาระสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่ได้ผลดีมาก

 อีกทางเลือกคือระบบ Refillable หรือ การรีฟิลล์ ระบบ Refillable จะสามารถลดขยะได้ถึง 75%–95% ของขยะและลดภาวะโลกร้อนจากการผลิต

NEW WAVE of ECO

กล่องที่พัสดุที่มีเต็มบ้าน สามารถยั่งยืนได้ด้วยการใช้ซ้ำ

 ลดปริมาณขยะกล่องกระดาษทั่วโลก ในปี 2024 กระดาษและกล่องกระดาษคิดเป็น 17% ของมวลขยะทั่วโลก รองจากขยะอาหารและขยะอินทรีย์ และเกือบ 42% ของขยะแข็งทั้งหมด มาจากกระดาษและกล่อง ในสหภาพยุโรป ปี 2022 มีการสร้างขยะกล่องและกระดาษรวม 34 ล้านตัน จากขยะบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด  

 ช่วยสนับสนุนวงจรเศรษฐกิจหมุนเวียน เพราะกล่องกระดาษลูกฟูกทั่วไปมีเนื้อกระดาษรีไซเคิล สูงถึง 89% แต่รีไซเคิลอย่างเดียวไม่พอ การใช้ซ้ำก่อนรีไซเคิลช่วยยืดอายุการใช้งาน และลดการใช้พลังงานและน้ำในการผลิตใหม่ได้ดี

 ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การรีไซเคิลกระดาษจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าการผลิตวัตถุดิบใหม่ถึง 70% การใช้ซ้ำลดความจำเป็นในการรีไซเคิลหรือผลิตใหม่ กล่องลูกฟูกที่ใช้หลายรอบช่วยประหยัดทรัพยากรระดับอุตสาหกรรมได้ถึง 390 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง, พลังงาน 46 แกลลอนน้ำมัน, 700 แกลลอนน้ำ ต่อการใช้ซ้ำ 1 ตันของกล่อง การใช้ซ้ำจากพัสดุของออนไลน์ที่สั่งมาทุกวัน จึงมีประโยชน์มากกว่าที่ทุกคนคิด

CONTRIBUTOR

Related Articles

รวม 10 “E-BOOK” ไม่ควรพลาด อ่านสนุก แถมลดหย่อนภาษีได้

เริ่มต้นปีมานี้มีใครเริ่มอ่านหนังสือในกองดองกันไปแล้วบ้างไหมคะ หรือมีใครกำลังมองหาหนังสือเล่มใหม่มาเติมในกองกันบ้าง รู้กันไหมคะว่าซื้อหนังสือก็ลดหย่อนภาษีได้! กับโครงการ Easy E-Receipt 2.0 มาตรการจากภาครัฐที่ส่งเสริมให้ประชาชนนำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) มาใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และหนังสือ ทั้งหนังสือปกแข็ง หนังสือปกอ่อน และ E-Book ก็เข้ารอบเป็นสินค้าที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย! แสนสิริรวมมาให้แล้วกับลิสต์ 10 E-Book ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดในหลายๆ

ทดลองขายโครงการ แบบสุดจะจิ้ง ฉบับ ศัพท์ยอดฮิตของ Gen Z

ถ้า Gen Z มาขายโครงการจะเป็นยังไง? ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกิดศัพท์ใหม่ๆ ขึ้นมามากมายจากการดิ้นได้ของความเป็นภาษาไทย และยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตามแบบฉบับของ Generation Z เป็นต้นไป ทุกคนพอจะจำกันได้ไหมคะว่ามีคำศัพท์ไหนที่เกิดขึ้นมาแล้วสุดจะจึ้งใจของทุกคนบ้าง แล้วมีคำศัพท์ไหนบ้างที่พอได้ยินแล้วรู้สึกว่า นอยด์มาก ตามเทรนด์ไม่ทันแล้ว! แต่ทุกคนเคยลองคิดกันไหมคะว่าจะเป็นยังไงถ้าเราลองเอาคำศัพท์เหล่านี้มาใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึงมาก่อนอย่าง “การขายโครงการ” ให้แบบสุดจะจึ้ง ตามแบบฉบับศัพท์ยอดฮิตของ Generation

PM 2.5

รวม ‘จุดเกิดฝุ่น* สู่การเป็นนักสะสม PM 2.5 แบบไม่รู้ตัว

 ตอนนี้ถ้าเดินออกจากบ้านเราก็สัมผัสได้แล้วว่าค่าฝุ่นมลพิษ PM 2.5 กลับมามีค่าเกินมาตรฐานอีกครั้งแม้จะผ่านช่วงฤดูหนาวมาหลายเดือน แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ บวกกับสภาพอากาศที่กำลังจะเข้าฤดูร้อนและลมนิ่ง ทำให้ฝุ่นเกิดการสะสมจนอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยกรมควบคุมมลพิษก็ได้ให้ข้อมูลว่าปี 2567 ที่ผ่านมาปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝุ่นเป็นอันดับต้นๆ นั้นก็หนีไม่พ้น ยานพาหนะ ที่มาจากเพิ่มขึ้นของการจราจรและขนส่งเป็นหลักนั่นเองค่ะ แต่ทุกคนรู้ไหมว่า “จุดเกิดฝุ่น” จริงๆ แล้วสามารถเกิดได้ง่ายกว่าที่คิดและยังอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย วันนี้แสนสิริรวบรวมจุดเกิดฝุ่นในแบบต่างๆ ที่นำไปสู่การเป็นนักสะสม PM