Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลทางเลือกใหม่ ของการแลกเปลี่ยน

หนึ่งในสื่อกลางแลกเปลี่ยนแบบดิจิทัล หรือ Crypto Currency ที่กำลังเป็นที่สนใจกันตอนนี้ คงหนีไม่พ้น สกุลเงิน Bitcoin อย่างแน่นอน หลายคนคงอยากทราบว่ากระแสคลื่นลูกใหม่ที่กำลังค่อยๆ เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์เรานี้ จะมีทิศทางเป็นอย่างไร คุณนิรันดร์ ประวิทย์ธนา CEO จาก Ava Advisory จะมาไขข้อข้องใจในหัวข้อ “The New Wave That Will Change the Way We Live (Crypto Currency)” แต่ก่อนอื่น เราลองย้อนไปดูกันก่อนว่าเจ้า Bitcoin นี้มาได้อย่างไรกัน

คุณนิรันดร์ ประวิทย์ธนา CEO จาก Ava Advisory

Bitcoin สกุลเงินทางเลือกสู่การปลดแอกจากสกุลเงินแบบเดิมๆ

เงินดิจิทัลในรูปแบบ Bitcoin นั้น เริ่มต้นมาจากในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) ที่อเมริกาเกือบจะล้มละลาย รัฐบาลอเมริกาจึงเกิดไอเดีย พิมพ์เงินเองแบบไม่จำกัดเสียเลย เพื่อยื้อไม่ให้อเมริกาต้องล้มละลายจริงๆ ทำให้ผู้คิดค้น Bitcoin อยากจะปลดแอกจากสกุลเงิน เพื่อให้เกิดสกุลเงินทางเลือก ที่ไม่ต้องพึ่งพิงรัฐบาล ไม่เกิดความเสียเปรียบที่คนทั่วไปต้องหลังขดหลังแข็งทำงาน แต่รัฐบาลกลับมีเงินใช้ไม่จำกัด

Bitcoin ตอบโจทย์ 3 คุณสมบัติสำคัญของสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

เช่นเดียวกับคุณสมบัติของทองคำที่ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในยุคแรกเริ่ม Bitcoin ก็มีครบทุกคุณสมบัติสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  1. หายาก เนื่องจาก Bitcoin ถูกสร้างให้มีจำนวนจำกัด เพียง 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น การที่ Bitcoin มีจำนวนจำกัด ไม่ได้เป็นสิ่งรับประกันว่าต่อไปคนจะให้ความไว้วางใจกับ Bitcoin แบบที่เชื่อมั่นในสกุลเงิน แม้ว่าของที่หายาก มักจะได้รับความเชื่อมั่นในแบบเดียวกับทองคำ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างในโลกจะเป็นเช่นนั้น และต่อให้วันใดคนไม่เชื่อมั่นสกุลเงินแล้ว ก็อาจจะหันไปหาทองคำหรือสิ่งอื่นได้เช่นกัน
  2. ปลอมแปลงยาก โกงไม่ได้ เนื่องจาก ฺBitcoin ใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อใช้ป้องกันการโกงในแบบที่ดีกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่นที่เคยมีมา โดยการมีระบบที่ให้คนทั้งโลก หรือให้มหาชนเป็นพยานการชำระเงิน โดยพยานนี้ก็เรียกว่า Miner หรือ สายขุดนั่นเอง ทำให้ Bitcoin ไม่เคยโดนแฮคจริงๆ
  3. สามารถแบ่งเป็นชิ้นย่อยๆ ได้ โดย 1 Bitcoin สามารถแบ่งย่อยๆ ได้เป็น Micro Bitcoin

Bitcoin มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟองสบู่แตกแน่นอน แต่ไม่ใช่ว่าจะไร้ค่า เนื่องจากนี่เป็นกระบวนการที่ดีที่จะกำจัด “คนโลภ” และสินทรัพย์ไร้ค่าทิ้งไปจากตลาด เพียงแต่อาจต้องใช้เวลานานในการปรับตัวกลับมาเท่านั้น

การลงทุนกับ สกุลเงิน Bitcoin หรือ Crypto Currency

แม้ว่าจะเคยมีนักลงทุนเคยวิจารณ์ว่า Crypto Currency ไม่สามารถสร้าง Productivity ในระบบเศรษฐกิจได้เลย หรือเราจะไม่ได้อะไรเลย ต่างจากการเอาเงินไปฝากธนาคาร ที่ยังได้ดอกเบี้ยกลับมาบ้าง แต่ความจริงนั้น Crypto Currency มันสามารถแก้ปัญหาที่ในอดีตทำไม่ได้ อย่างธุรกิจพ่อค้าคนกลางเอง ก็จะถูกโยกผลประโยชน์ไปให้คนอื่นแทนแล้ว เนื่องจากการมี Bitcoin ทำให้เราโอนเงินข้ามประเทศได้ง่ายๆ ซึ่งแปลว่าธนาคารเสียประโยชน์ทันที หรือแม้แต่การเทรดหุ้นเอง เราก็สามารถเทรดเองได้ โดยไม่ต้องมี Broker

ดังนั้นด้วยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ ผลประโยชน์จะถูกโยกจากพ่อค้าคนกลางไป คนที่จะได้ประโยชน์จะกลายเป็นผู้ที่เป็นพยานให้ระบบ หรือ “สายขุด” ที่ต้องนั่งรันเซิร์ฟเวอร์ ใช้ไฟในระบบ เพื่อเป็นพยานให้ระบบ

แต่ทั้งนี้ ในอนาคตพยานระบบก็จะไม่ใช้สายขุดอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีอย่างระบบ Prove of Space แค่เอาเงินไปวางเป็นเงินประกันให้ระบบแทนที่จะ “ขุด” เงินก็จะไหลมาให้เราในฐานะพยานระบบแล้ว ดังนั้นการลงทุนกับ Bitcoin หรือ Crypto Currency จึงมี Productivity ในแง่ที่ได้ผลตอบแทนมากโดยกำจัดคนกลางหรือคนโลภทิ้งไปได้ด้วย

อีกด้านของ Bitcoin ที่ไม่ได้ดีไปซะทุกอย่าง

ในอดีตประเทศไทยเคยฟื้นทางเศรษฐกิจได้จากช่วงเงินบาทลอยตัว ส่งผลให้ส่งออกได้ดีขึ้น แต่ถ้าทั้งโลกหันมาใช้ Bitcoin เราจะลอยตัวเงินไม่ได้ ส่งผลให้ประเทศอ่อนแอ และจะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ต่อไปอาจมีตัวอื่นเด่นขึ้นมาแทน Bitcoin ก็เป็นได้ เพราะแท้จริงแล้วตอนนี้ Bitcoin ก็มีปัญหาเช่นกัน เช่น ค่าโอนสูงมาก เป็นต้น

นอกจากนี้ ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เชื่อมั่นหรือไว้วางใจ Bitcoin เพียงแต่อยากได้กำไรเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้อาจมองว่าเป็นคนโลภที่มาเก็งกำไร และทำให้เกิดฟองสบู่นั่นเอง สิ่งจำเป็นก็คือ ใครที่อยากลงทุนกับ สกุลเงิน Bitcoin หรือ Crypto Currency จำเป็นต้องเรียนรู้ และต้องมองให้เห็นข้อดีข้อเสีย ที่แม้พวกมันจะช่วยแก้ปัญหาบางอย่างได้ แต่ก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างตามมาเช่นกัน

 

สามารถชมวิดีโอย้อนหลังได้ที่ คลิก