Oscar

ใครจะชนะ “ออสการ์” จริงๆ!

คนที่รักรายการทีวี อาจมีบ้างที่ไม่รู้จักรางวัล “Emmy”…
เหมือนผู้ชมชอบในละครเวที อาจมีคนไม่คุ้น “Tony Awards”
แต่ไม่ใช่สำหรับ moviegoer เพราะจะเป็นคนรักหนัง หรือไม่สนใจภาพยนตร์

ผมมั่นใจว่ามากมายหลายคน ล้วนเคยได้ยินชื่อรางวัล “ออสการ์” ซึ่งจะมีการประกาศปีนี้ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ตามเวลาบ้านเรา

Oscar
Viola Davis, Casey Affleck, Mahershala Ali and Emma Stone ในงานประกาศรางวัล Academy Awards ครั้งที่ 89 ภาพจาก Oscar.go.com

เวลาใกล้งานประกาศ “ตุ๊กตาทองของอเมริกัน” มักจะมีผู้อ่าน คนใกล้ตัวถามว่า ออสการ์นี่ถือว่าเป็นรางวัลที่ดีที่สุดของวงการหนังหรือเปล่า? มีประโยคหนึ่งที่นิตยสาร Variety ของอเมริกันเคยลงไว้หลายสิบปีมาแล้ว นั่นคือ “The Golden Globes are fun. The Oscars are business”

ความหมายของมันคือ “รางวัลลูกโลกทองคำ” ที่ประกาศก่อนออสการ์ไม่นาน เป็นรางวัลที่รีแลกซ์กว่า จัดงานแบบสนุกสนานกว่า (คือนั่งล้อมวง กินดื่ม แซวเมาท์ ตะโกนแซวได้) แถมยังมีมากกว่าหนึ่งประเภทรางวัล ไม่ได้รวมกันแบบออสการ์

ส่วนออสการ์ มีรูปแบบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งแบบเผชิญหน้ากับเวที ใส่สูท กำหนดเวลากี่วินาทีในการพูดของผู้ชนะบนเวที คือมีธรรมเนียมปฏิบัติมายาวนาน…

ทำไมต้อง …are business?

ผมไม่ได้ชอบออสการ์มาก แต่ไม่ได้แอนตี้แน่นอน เมื่อดูจาก “ด้านบวก” ที่รางวัลตัวนี้ทำให้สังคม

อย่างง่ายๆ นี่คือรางวัลสำนักเดียวที่สรุปความเป็นไป หมัดไมล์ต่างๆ แต่ละทศวรรษของหนัง มาจนเกือบจะ 100 ปีแล้ว ออสการ์สะท้อนสังคมผ่านรางวัลที่ได้ West Side Story หรือ Kramer vs. Kramer มาถึง Gandhi หรือ Platoon จะ American Beauty หรือ Titanic รวมไปถึง Spotlight หรือ Shape of Water ล้วน represent อารมณ์ความรู้สึกของคน ของสังคม ในเวลานั้นได้ ในระดับหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออเมริกันต้องการให้คนหันกลับไปมอง “บาดแผลใหญ่” ด้วยการให้อภัย และด้วยอารมณ์ขัน Forrest Gump ก็เป็นคำตอบ,

หรือในยามที่สื่อและจริยธรรมของสื่อ ถูกตั้งราคาขายได้ และลดคุณค่าลง ออสการ์ก็เลือกหนัง Spotlight ที่ตรวจสอบสถาบันศาสนา

มีหนังที่สามารถยกมาอ้างอิงได้หลายสิบเรื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ออสการ์ก็เคย “เสียผู้เสียคน” อยู่ “เป็นระยะๆ” เช่นปี 2004 ที่มอบให้หนังเกรดบีอย่าง Clash หรือปี 2009 มอบให้ The Hurt Locker ส่วนปีที่ผ่านมา ชัดเจนมากถึงสิ่งที่เอ่ยถึงเบื้องต้น

The Shape of Water
Doug Jones ในภาพยนตร์เรื่อง The Shape of Water (2017) ภาพจาก IMDb

นั่นคือ Shape of Water รับกระแส เทรนด์ของ เอเลียน (ผู้ลี้ภัย คนต่างด้าว คนนอก ชนชั้นสอง) ซึ่งที่เอ่ยไว้ในวงเล็บนั้น ล้วนเป็นการตอบโต้นโยบายของ โดนัล ทรัมป์ ทั้งสิ้น

แล้วใครจะได้ออสการ์ปีนี้?

หนังเข้าชิง 8 เรื่อง คือ Black Panther, BlacKkKlansman, Bohemian Rhapsody, The Favorite, Green Book, A Star is Born, Roma และ Vice

เมื่อดูจากสภาพการณ์สังคม ดูจากผู้เข้าชิง และ “อารมณ์ ความรู้สึก” ของสังคมอเมริกันยามนี้แล้ว เราสามารถตัดทิ้งได้ทันทีถึง 6 เรื่อง เหลือแค่ Roma vs. Black Panther โดยมีตาอยู่คือ Green Book

Roma
Marina de Tavira, Marco Graf, Yalitza Aparicio, Daniela Demesa, Diego Cortina Autrey และ Carlos Peralta ในภาพยนตร์เรื่อง Roma (2018) ภาพจาก IMDb

ผมเคยไปสอนประจำที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กับอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ทุกครั้งก็จะบอกกับคนเรียนว่า ออสการ์มักมีบางอย่าง link หรือมี issue กับสังคมตอนนั้น ปีนี้ไม่ใช่ปีเชิดชูวีรกรรมเลสเบี้ยน หนังอย่าง The Favorite ที่หลายสำนักชื่นชม ผมจึงมองข้าม ในแง่รางวัล

และไม่ได้มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับ Freddie Mercury ของวง Queen ผมจึงไม่เห็นโอกาสของ Bohemian Rhapsody แม้แต่เรื่องของท่านรองอย่าง Dick Cheney ในหนัง Vice ก็ไม่ความน่าสนใจเชิงสังคม

Black Panther
Chadwick Boseman ในภาพยนตร์เรื่อง Black Panther (2018) ภาพจาก IMDb

แล้วทำไมจึงเลือกคู่ชิงเป็น Roma vs. Black Panther โดยมี Green Book เป็นท่านรองที่อาจพลิกล็อค!

ข้อแรก, ถ้าสำรวจตรวจตรา เอาแว่นส่องแบบโรงรับจำนำ เราจะพบว่า หนังเข้าชิงปีนี้ เป็นปีของผิวสีโดยแท้

Green Book พูดถึงมิตรของคนดำกับผิวขาว, Vice เล่าเรื่องของนักการเมืองที่ชอบเหยียดผิว, Blackkklansman ก็ดำไม่รู้จะดำอย่างไร, Black Panther ก็ฮีโร่ของคนดำ จนนีกกีฬาหลายคนต้องทำท่า Waganda เวลาเล่นชนะ ยิงประตู ตีเทนนิสได้คะแนน (Waganda แปลว่า We are family)

https://youtu.be/fp_i7cnOgbQ

ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Roma

หนังเหล่านี้ที่ยกตัวอย่างมา รับเทรนด์และกระแสของ “ผิวสี” กับ black power ที่โถมตัวใส่สังคมอเมริกันในช่วง 3-4 ปีมานี้ (คงยังไม่ลืมเรื่อง คนดำประท้วง Oscars So White เมื่อ 3 ปีที่แล้ว) หนัง Roma ที่เต็งจ๋า ตัวละครผิวดำแล้ว พูดแบบติดตลก ยังเป็นหนัง “ขาวดำ” อีกด้วย

สรุป ผิวสี ครองออสการ์สาขาใหญ่สุดคือ “The Best Picture”

ทุกสำนักฟันธงว่า Roma จะได้แน่ๆ ซึ่งผมก็คิดเช่นนั้น หนังคาราวะคุณค่าภาพยนตร์ และรำลึกอดีตสวยงามของตัวผู้กำกับ เต็มไปด้วยชั้นเชิงศิลปะ แต่มันมีมุม “การตลาด”
มาบวก… ออสการ์เก่งมากในการทำการตลาดกับ “ยุคสมัย”

ปีนี้คนตื่นเต้นกับ Netflix มาก Roma คือหนัง Netflix ถ้าสมมติปีนี้ ออสการ์ต้องการ “เชนเกียร์” อีกครั้ง 25 กุมภาฯ นี้ ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการเลือก Roma แล้ว (แม้ว่าหลายคนจะบ่นว่า ดูแล้วหลับค่ะ ก็ตาม)

ในการประชุมคณะกรรมการและนักวิจารณ์หนังที่ลงคะแนนล่าสุด ผมพบว่าทุกคนไม่คิดว่า จะมีการพลิกล็อค แต่ผมเห็นแย้งเบาๆ

ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Black Panther

เสือดำ (คนละตัวกับที่ถูกยิง) อย่าง Black Panther อาจสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการเป็นหนัง superhero เรื่องแรกที่ได้ออสการ์ ! อะไรที่มันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยมี ไม่เคยเป็น …เมื่อสุกงอมได้ที่ ออสการ์นี่ชอบนัก

เช่นผู้กำกับหญิงไม่เคยได้ออสการ์ The Hurt Locker ก็ฟาดไป หนังเอเชี้ยเอเชียไม่เคยได้ The Last Emperor ก็ได้ไป (แม้มันจะถูกสร้างโดยยุโรป)

ในมุมหนึ่ง กรรมการออสการ์ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นคน “ผิวขาว สูงวัย” ที่รักการเป็น liberal อาจเลือกเสือดำเข้ามาเพื่อ ไถ่โทษตัวเองที่เคยดูแคลนผิวสีในอดีต แต่นี่คือหนังที่ผิวสีทั่วโลก โหวตเป็นหนังโปรด ยิ่งนักกีฬาทุกแวดวงทำท่า Waganda มันก็อาจชนะได้

ท่านรองที่อาจพลิกล็อค!

อย่างสุดท้ายที่อยากพูดถึง คือ Green Book

Green Book
Mahershala Ali และ Viggo Mortensen ในภาพยนตร์เรื่อง Green Book ภาพจาก The Guardian โดย Allstar/Dreamworks

ถ้าคุณดูหนังมาไม่มาก หรืออ่อนไหวง่าย คุณจะตกหลุมรักหนังแบบนี้ได้ง่าย ผมก็เคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว 555

Green Book คือหนังสูตรสำเร็จเหมือนต้มบะหมี่ถ้วย มุขง่ายๆ คือ ตัวละครสองคนคู่กัน ดำกับขาว ที่ต้องเดินทางด้วยกัน และทะเลาะขัดแย้งไม่ลงรอย ก่อนจะเรียนรู้กันและกัน ผ่องถ่ายอดีตต่อกันจนรักกันแบบมิตรภาพประทับใจ หนังแบบนี้ ดูหนังมามากหน่อย จะเดาเรื่องได้หมดตั้งแต่นาทีแรก

ฝรั่งเขาเรียกว่าเป็นหนัง Predictable หรือ Road Movie Odd Couple เน้นสร้างและจบด้วยมุมมิตรภาพประทับใจ

ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Green Book

Green Book อาจได้ออสการ์แบบตาอยู่ ถ้ากรรมการดูหนังไม่ครบ (ซึ่งก็ดูไม่ครบมานานแล้ว สื่อก็เอามาเขียนแซวบ่อย ยิ่งกรรมการ 8,000 กว่าคน) และถ้าดูไม่ครบ เกิดอ่อนไหวขึ้นมา “สมุดปกเขียว” ก็อาจมีเซอร์ไพรส์

แต่ไม่ว่า จะมีหรือไม่มี
ผิวสีที่แทรกซึมอยู่ทุกสาขา
และลามเลียครอบคลุมอยู่ในพล็อตหนัง นักแสดงหนัง
และตระกูลสไตล์สีของหนัง
ใครจะจะชนะออสการ์ปีนี้
ถ้าไม่ใช่ black power

………………………

หมายเหตุ : สื่อต่างชาติเรียกออสการ์ปีนี้ว่าเป็น Diversity Oscars เพราะผู้เข้าชิงหลายสาขา รวมความหลากหลายของเชื้อชาติ ผิวสี ชาติพันธุ์ ของนักแสดง ผู้กำกับ หนัง – มากที่สุดครั้งหนึ่ง