มนต์ขลังที่เสื่อมคลายของกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว

ในเกมการแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาวที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าที่เมืองพย็องชัง (Pyeongchang) ประเทศเกาหลีใต้ จะมีพิธีมอบเหรียญให้กับนักกีฬาบางกลุ่มที่พลาดไม่ได้รับเหรียญจากการแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาวครั้งก่อนที่เมืองโซชี (Sochi) ประเทศรัสเซีย ไม่ใช่ว่าทาง IOC หรือคณะกรรมการโอลิมปิคสากลผลิตเหรียญให้ไม่พอครั้งที่แล้ว หรือลืมมอบเหรียญไปหรอกครับ แต่นักกีฬากลุ่มนี้คือคนที่ถูกปรับสถานะให้กลายเป็นผู้ได้รับเหรียญแทนนักกีฬาจากรัสเซียซึ่งถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นในการแข่งขัน ซึ่งมีหลายคนเลยทีเดียวที่ถูกตรวจพบในการทดสอบสารกระตุ้นภายหลังจากที่โอลิมปิคจบไปแล้ว เป็นผมก็ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกันนะครับว่าถ้าเราเป็นคนที่อยู่ๆ ได้รับเหรียญย้อนหลังไป 4 ปีจะรู้สึกอย่างไร

 

Lance Armstrong

กรณีการใช้สารกระตุ้นอย่างแพร่หลายในนักกีฬารัสเซียและได้รับการสนับสนุนและปกปิดอย่างเป็นระบบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศที่ผ่านมานับว่าเป็นอีกความอัปยศของวงการกีฬาระดับโลก ซึ่งนับวันๆ รูปแบบการใช้สารกระตุ้นนี้จะแยบยลและมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากมาย มากเสียจนกระทั่งแซงความก้าวหน้าของกระบวนการในการตรวจจับอยู่เสมอๆ เรียกได้ว่าสร้างความปวดหัวให้กับองค์กรกีฬาต่างๆ อย่างมาก อย่างกรณีของ Lance Armstrong นักปั่นจักรยานน่องเหล็กสัญชาติอเมริกันที่คว้าแชมป์ Tour de France มาหลายสมัย และปฏิเสธการใช้สารกระตุ้นมาโดยตลอดแถมยังสร้างประวัติศาสตร์หายจากการเป็นมะเร็งแล้วกลับมาแข่งขันได้เหมือนเดิม ก็เป็นกรณีหนึ่งที่เรียกได้ว่าการตรวจจับสารกระตุ้นนี้ตามหลังนักกีฬาพวกนี้อยู่หลายๆ ปีเลยทีเดียวกว่าจะจับได้

สำหรับกรณีนักกีฬารัสเซียใช้สารกระตุ้นอย่างเป็นระบบในการแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาวครั้งที่แล้วนั้น ภายหลังจากที่ถูกเปิดโปงออกมา ล่าสุดคณะกรรมการโอลิมปิคสากล IOC ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะแบนการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาวในปีหน้าของประเทศรัสเซีย ซึ่งตอนแรกวงการกีฬาก็มีความวิตกกังวลกันพอควรว่าถ้าหากมีการแบนเกิดขึ้นจริงแล้วจะสร้างความเคืองให้กับนายวลาดีเมีย ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียมากแค่ไหน หลายคนกังวลกันว่าจะทำให้นายปูตินประกาศคว่ำบาตรการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิคกันเสียเลย ซึ่งก็คงทำให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาอีก

อย่างไรก็ตามมติของ IOC ออกมาเปิดช่องว่างให้มีทางออกได้แบบไม่บีบคั้นมาก ด้วยการแบนการเข้าร่วมของประเทศรัสเซีย แต่เปิดโอกาสให้นักกีฬาจากรัสเซียสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ภายใต้ยูนิฟอร์มของโอลิมปิค ไม่ใช่ของประเทศรัสเซีย แต่จะไม่มีธงชาติรัสเซียโบกสะบัดในขบวนพาเหรดนักกีฬาในพิธีเปิด และไม่มีการเปิดเพลงชาติรัสเซียเวลารับเหรียญ ซึ่งก็นับว่าเป็นทางออกที่ไม่เลวเลยทีเดียว คล้ายๆ กับตอนแข่งโอลิมปิคฤดูร้อนครั้งก่อนที่ IOC อนุญาติให้นักกีฬาที่อยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยและอาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่ประเทศตนเข้าร่วมการแข่งขันได้ในสถานะพิเศษ

อย่างไรก็ตามนักกีฬาที่ได้รับการอนุญาติให้เข้าร่วมนี้จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สารกระตุ้นจากครั้งที่แล้ว และจะมีการถูกตรวจอย่างถี่ถ้วนกว่านักกีฬาอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์พลาดซ้ำสองอีก อีกทั้งถ้าหากนักกีฬาจากรัสเซียรายไหนเกิดคว้าเหรียญได้ขึ้นมา จะไม่นับว่าเป็นเหรียญของประเทศรัสเซีย และไม่รวมอยู่ในสถิติเหรียญที่จะถูกบันทึกให้กับรัสเซียแต่อย่างใด ซึ่งนักกีฬาเหล่านี้ยังไม่ได้ให้คำตอบว่าจะเข้าร่วมหรือไม่อย่างไร ณ ตอนนี้ เพราะนายปูตินได้ออกปากมาแล้วว่าเป็นความน่าอับอายที่นักกีฬารัสเซียจะเข้าร่วมในสถานะพิเศษเช่นนี้ และเรียกได้ว่าไม่มีเกียรติเสียเลย รวมทั้งบรรดานักการเมืองหัวโบราณหลายคนออกมาเรียกร้องให้นักกีฬารัสเซียทุกคนแสดงความรักชาติด้วยการคว่ำบาตรและไม่ลงแข่งขันกันเสียทั้งหมด ดังนั้นเมื่อนายใหญ่และลูกสมุนออกปากมาอย่างนี้ผมว่าบรรดานักกีฬาก็คงยังรีรอที่จะให้คำตอบล่ะครับ คงรอให้นายใหญ่แสดงท่าทีสนับสนุนที่ชัดเจนออกมาก่อนค่อยแสดงตัวจะปลอดภัยกว่า

Credit : http://nowjakarta.co.id

แต่สำหรับโค้ชมือสะอาดหลายคนที่ต้องการพิสูจน์ว่าศักยภาพของนักกีฬารัสเซียและวงการกีฬาของพวกเค้าไม่ได้ต้องพึ่งพาสารกระตุ้นในการคว้าชัยชนะก็ออกมาเรียกร้องให้นักกีฬาพิจารณาเข้าร่วมแข่งขันและเอาชนะอย่างขาวสะอาดให้ได้เพื่อล้มล้างภาพที่ไม่ดีและแสดงให้โลกเห็นว่านักกีฬาที่ขาวสะอาดของรัสเซียก็สามารถเอาชนะชาติอื่นได้ไม่ยาก

สำหรับเจ้าภาพอย่างเกาหลีใต้เองนั้น ก็เรียกได้ว่าการแบนประเทศรัสเซียมิให้เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้บรรยากาศของการแข่งขันอึมครึมขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความตึงเครียดจากสถานการณ์อาวุธนิวเคลียร์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้กับประเทศอื่นๆ อีกทั้งนักกีฬาจากเกาหลีเหนือที่ได้เข้ารอบการแข่งขัน Figure Skate ก็อาจจะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันเนื่องจากเกาหลีเหนือไม่ได้ส่งชื่อนักกีฬาให้กับ IOC ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งตอนแรกทุกฝ่ายก็หวังว่าหากมีนักกีฬาจากเกาหลีเหนือเข้าแข่งด้วยก็จะมีโอกาสใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการลดความตึงเครียดจากสถานการณ์การเมืองได้

Credit : http://nowjakarta.co.id

นอกจากเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศแล้ว ในด้านของการตลาดเองโอลิมปิคครั้งนี้ก็ยังไม่ค่อยฮ็อตฮิตเสียเท่าไหร่ ยอดขายบัตรเข้าชมยังเรียกได้ว่าห่างไกลจากเป้าที่ตั้งเอาไว้ ในยุคหลังๆ กีฬาที่เคยได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่าง Figure Skate เริ่มตกต่ำ ความนิยมทั้งในญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรปหดหายไป ครั้นจะมีกีฬาใหม่ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมมากมายอย่างฮ็อกกี้น้ำแข็งเข้ามาช่วยประคอง ก็ดันมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นอีกจากการที่ National Hockey League หรือ NHL ของสหรัฐอเมริกา ลีกฮ็อกกี้น้ำแข็งที่ใหญ่ มีผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์หลายคนจากหลายประเทศเล่นอยู่ และมีผู้ติดตามมากที่สุด ล่าสุดได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะไม่หยุดการแข่งขันของลีกระหว่างที่มีโอลิมปิคและไม่สนับสนุนให้ทุกทีมส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันด้วยเนื่องจากกลัวปัญหาการยืดเยื้อของตารางแข่งและโอกาสบาดเจ็บจากการรับใช้ชาติจากโอลิมปิคครั้งนี้

ก็เรียกได้ว่านับวันโอลิมปิคฤดูหนาวจะคลายความขลังลงไปเรื่อยๆ จากทั้งความอ่อนแอในเชิงพาณิชย์ที่ไม่สามารถต่อรองกับลีกกีฬาอาชีพอย่าง NHL ได้ รวมถึงความล้าหลังและเชื่องช้าในการตอบสนองกับปัญหาสารกระตุ้นที่กล่าวมา ยิ่งดูแล้วก็ยิ่งน่าสนใจครับว่าใครกันที่จะอยากเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในอนาคตเพราะดูแล้วน้ำหนักของการต้องลงทุนมากมายมันดูเหมือนไม่สอดคล้องกับความวุ่นวายและโอกาสล้มเหลวในหลายๆ ด้านเยอะแยะไปหมดครับ 

 

บทความนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามกีฬา ฉบับวันที่  8 ธันวาคม 2560

ติดตามมุมมองสบายๆ ของเศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับกีฬาและสังคมได้ที่ คลิก