ที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด ทาวน์โฮม หรือที่อยู่อาศัยรูปแบบอื่นๆ ก็ล้วนต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อน ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบแสงสว่าง ไปจนถึงระบบปรับอากาศ เพื่อความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัย แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้นในปัจจุบันทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีรูปแบบการทำงานที่ตอบสนองต่อผู้ใช้งานมากขึ้น ทำให้ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากอยู่ในบ้าน ส่งผลให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
พลังงานไฟฟ้าที่คนไทยใช้กันอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วมีโอกาสสูงที่จะหมดไปจากโลกได้ในอนาคต การ ประหยัดพลังงาน ไฟฟ้าจึงถือเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน ที่นอกจากจะช่วยลดการใช้พลังงานจากธรรมชาติแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟอีกด้วย
บทความนี้จะช่วยให้คุณได้มีเทคนิคในการตรวจสอบที่อยู่อาศัยของคุณ เพื่อช่วยให้คุณได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟฟ้า และยังช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
5 สิ่งที่ช่วยคุณ ประหยัดพลังงาน ในบ้าน
1. เช็คการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเป็นสิ่งที่ใช้พลังงานมากที่สุดในการทำงาน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนก็จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ เช่น ไดร์เป่าผม เตารีด เครื่องอบผ้า เตาไฟฟ้า หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำไฟฟ้า ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็ต้องมีความระมัดระวังในการใช้งานมากเป็นพิเศษ ทั้งในเรื่องของการเสียบปลั๊กทิ้งไว้หลังจากใช้งานแล้ว ก็อาจจะส่งผลให้เกิดความร้อนสูงจนเครื่องเสียหายหรือเกิดเพลิงไหม้ได้
นอกจากเรื่องของการเสียบปลั๊กทิ้งไว้แล้ว การตรวจเช็คการชำรุดของอุปกรณ์เหล่านี้ก็เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป เมื่อใช้งานบ่อยๆ หรือใช้งานเป็นระยะเวลานานก็ควรได้รับการทำความสะอาดหรือซ่อมแซม
Tip: สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเสียบปลั๊กทำงานตลอดเวลา เช่น ตู้เย็น และ Wifi router จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ควรได้รับการตรวจสอบสภาพการใช้งานที่บ่อยกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตลอดเวลา
โดยการตรวจสอบการชำรุดของปลั๊กไฟ ว่ามีสายไหนแตกหรือเสียหายหรือไม่ ตัวของเครื่องใช้ไฟฟ้ามีรอยไหม้ หรือการเปลี่ยนสีจากการได้รับความร้อนเมื่อเปิดใช้งานเป็นเวลานานหรือไม่ เพื่อป้องกันอันตรายจากการเกิดไฟฟ้ารั่ว
2. สายไฟภายในบ้านมีอายุการใช้งาน
สายไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ตัวบ้าน และส่งกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้าน สายไฟในบ้านเหล่านี้จึงมีการไหลผ่านของกระแสไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาเมื่อเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
การตรวจสอบสายไฟในบ้านตามอายุการใช้งานถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ต่อการควบคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน โดยปกติสายไฟฟ้าจะมีอายุการใช้งานถึง 15-20 ปี ซึ่งนอกจากนี้แล้วสายไฟที่อยู่บริเวณนอกบ้านก็ควรได้รับการตรวจสอบที่บ่อยกว่า เนื่องจากสายไฟนอกบ้านจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ทั้งแสงแดด ฝน พายุ ที่อาจทำให้สายไฟมีอายุการใช้งานที่ลดลงถึง 10 ปี
Tip: สายไฟที่ควรตรวจสอบบ่อยจะอยู่ในบริเวณที่สังเกตได้ยาก เช่น บนฝ้าเพดาน มุมตามกำแพง และสายไฟที่เดินอยู่บริเวณนอกตัวบ้าน เนื่องจากเป็นบริเวณที่สายไฟอาจเสื่อมสภาพได้เร็ว เนื่องจากปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากการใช้งาน เช่น หนูแทะ สภาพอากาศ เป็นต้น
การติดตั้งสายไฟในส่วนที่ลับตาคนอาจจะต้องเดินสายไฟไว้ในท่อ เพื่อป้องกันหนูแทะ หรือการกระแทกจากภัยพิบัติต่างๆ โดยจะเป็นการยืดอายุการใช้งานของสายไฟในบ้านให้นานขึ้นด้วย
3. ตรวจสอบเครื่องปรับอากาศให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องปรับอากาศและพัดลมระบายอากาศ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน เนื่องจากสภาพอากาศในบ้านเราที่มีความร้อนชื้น ทำให้อากาศในบ้านร้อนอบอ้าวได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน โดยตัวของเครื่องปรับอากาศเองก็มีการใช้พลังงานไฟฟ้าตามขนาดการใช้งาน และระยะเวลาการเปิดใช้งาน ยิ่งเปิดนานยิ่งกินไฟมาก อีกทั้งการตั้งอุณหภูมิปรับอากาศก็มีผลต่อค่าการใช้พลังงานอีกด้วย
ในห้องที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ ไม่ควรมีต้นไม้เนื่องจากต้นไม้จะคายน้ำ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เนื่องจากจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นด้วย
Tip: หลายคนคงคุ้นเคยกับการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ช่วยประหยัดพลังงานมากที่สุด แต่เมื่อปรับอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้ใช้พลังงานมากขึ้นถึง 10%
นอกจากนี้ การทำความสะอาดเครื่องทำความเย็น ทั้งแผ่นกรองอากาศ การล้างเครื่องปรับอากาศ ก็ควรได้รับการดูแลทุก 3 เดือน หรือทุกครึ่งปี ตามสภาพการทำงานและความสกปรกของฝุ่นในเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากฝุ่นที่อัดแน่นอยู่ในเครื่องปรับอากาศ จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น
4. ตรวจสอบหลอดไฟและแสงสว่างในบ้าน
หลอดไฟแบบไส้ที่ใช้กันมาตั้งแต่ดั้งเดิม นั้นกินไฟและทำให้เกิดความร้อนสูงเมื่อเปิดใช้งานเป็นระยะเวลานาน การเปลี่ยนจากหลอดไฟแบบไส้มาเป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะช่วยให้ลดการกินไฟได้ถึง 4 เท่า และมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นกว่าถึง 8 เท่า ถึงแม้ว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์จะมีราคาแพงกว่า แต่อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าและพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ก็น้อยลง
แม้ว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเดิมจะช่วยลดการใช้พลังงานลงแล้ว ก็ยังมีอีกตัวเลือกที่น่าสนใจคือ หลอด LED ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเดิมถึง 5 หมื่นชั่วโมง หรือประมาณ 4-5 ปี จึงทำให้หลอด LED เป็นหลอดไฟที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ ตำแหน่งการติดหลอดไฟเพื่อให้แสงในห้องต่างๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน การเลือกตำแหน่งติดไฟในห้องเพื่อให้แสงสว่างส่องได้ทั่วถึง รวมถึงการใช้วัสดุสะท้อนแสงจากหลอดไฟตามจุดต่างๆ ก็จะช่วยลดจำนวนของหลอดไฟที่ต้องติดตั้งลงได้
5. ทำให้บ้านเย็นช่วยลดการใช้พลังงานได้
อากาศร้อนที่เกิดขึ้นในบ้าน มาจากสภาพแวดล้อมภายนอกโดยเฉพาะแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน ยิ่งบ้านปิดสนิทก็ยิ่งทำให้การถ่ายเทอากาศเกิดขึ้นน้อย ส่งผลให้เกิดทั้งควาามร้อนและการสะสมของเชื้อโรคขึ้นในบ้าน
การทำให้บ้านเย็นขึ้นด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ โดยการเปิดหน้าต่างให้ลมประจำถิ่นไหลเข้าสู่ตัวบ้านในตอนกลางวัน ก็มีส่วนช่วยในการระบายอากาศได้แทนการเปิดเครื่องปรับอากาศได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วการป้องกันแสงอาทิตย์ส่องกระทบตัวบ้านโดยตรงสามารถทำได้ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่ เพื่อลดการกระทบของความร้อนโดยตรงกับตัวบ้าน และยังทำให้ตัวบ้านเย็นขึ้นด้วย
Tip: ในส่วนของที่อยู่อาศัยที่ไม่สามารถปลูกต้นไม้เพื่อลดการกระทบของแสงอาทิตย์ได้ ยังมีการติดม่านกันร้อนที่ภายนอกหน้าต่างหรือระเบียง เพื่อสะท้อนหรือลดการส่องโดยตรงของแสงอาทิตย์เข้าสู่ตัวห้องได้ นอกจากนี้แล้ว การติดตั้งหน้าต่างที่มีช่องระบายอากาศพร้อมดักฝุ่นไปในตัว ก็สามารถลดความร้อนในตัวบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
สรุป
การประหยัดพลังงานในบ้านที่ดี เริ่มได้จากการสังเกตุเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้าน ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือควรได้รับการซ่อมแซมแล้วหรือยัง เนื่องจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการชำรุดจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง จึงทำให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายกับค่าไฟมากขึ้น หรือถ้าหากคุณมีความสนใจในเรื่องของพลังงานทดแทนอย่างโซล่าร์เซลล์คุณสามารถคลิกได้ที่นี่เลย
นอกจากนี้การสำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านเป็นประจำ ยังช่วยให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านั้นยาวนานขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ยังมีเคล็ดลับในการตรวจเช็คระบบไฟฟ้าในบ้านที่คุณสามารถทำเองได้อีกด้วย เพื่อเป็นการป้องกันการสิ้นเปลืองพลังงานและตรวจเช็คความปลอดภัยให้กับบ้านของคุณ