ปิดร้านคุย!
ร้านโปสเตอร์หนังดีสุดของไทย

 ไม่ใช่เพียงนักข่าวสาวของ “วอชิงตัน โพสต์” จะบุกไปที่บ้านของเขา นักข่าวหนุ่มของ “เนชั่นกรุ๊ป” ก็ยังแอบไปปิดร้านคุยกับ “เขา”ผู้เป็น “เจ้าของพื้นที่” ร้านโปสเตอร์หนังที่ดีที่สุดของไทย

ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า สันติ ตันติภัณฑรักษ์…เขาแฝงตัวและหลบเร้นชีวิตอย่างเรียบง่าย ด้วยการเปิดร้านซอกหลืบกว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร ในสยามสแควร์ เรียกว่าเดินผ่านร้านเขาแล้วถ้าใคร “กระพริบตา” ก็อาจไม่เห็น แต่เราไม่กระพริบตา เรา “เบิ่งตา” จึงได้เห็นว่าร้านของเขามี “โปสเตอร์” แท้เกี่ยวกับหนังคลาสสิคย้อนกลับไป 60-70 ปี แถมเรายังได้รู้ว่า วอชิงตัน โพสต์ เลือกร้านเขาเป็น 1 ใน 25 สิ่งมหัศจรรย์ของกรุงเทพ !

ล่าสุด เขาโชคดีย้ายอาศรมขึ้นไปอยู่ชั้น 2 ของลิโด้คอนเนค แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะบุกไปหาเขา ปิดร้าน นั่งสนทนากัน…

Antiquated Movie Poster Shop 03

1.ย้อนกลับไป ทำไมนักข่าวอเมริกันถึงมาเจอร้านคุณได้ และเขาตามไปทำอะไรที่บ้านบ้าง

สันติ : พี่เป็นคนรุ่นเก่าที่ไม่มี Facebook ไม่เคยมีเพราะไม่เล่น Facebook วันหนึ่งลูกสาวเรียนจบแล้วจึงได้มาช่วยพ่อทำงานโดยเปิด Facebook ขึ้นครั้งแรกในเดือนกันยายนปี 2518 เมื่อร้านได้เปิดล่วงเลยมาแล้วถึง 21 ปีและ ได้ให้ลูกสาวดูแล Facebook ตั้งแต่เปิดจนถึงปัจจุบันไว้ตอบลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก แล้วเมื่อมี Facebook แล้วสื่อต่างชาติ วอชิงตัน โพสต์ จึงได้มาพบเจอครับ

เขามาสัมภาษณ์โดยตั้งคำถามมาเองให้ตอบโดยเฉพาะ ทำการซักถามประวัติความเป็นมา ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน และได้สัมภาษณ์ลูกสาวในวันนั้นด้วย พี่ได้นำต้นฉบับทั้งหมด ที่สะสมเอาไว้เป็นงานเขียนศิลปะหนังของศิลปินชาวไทยทุกเรื่องโชว์ในรายการทั้งหมดแต่ทางต้นสังกัดเขาขอเอาไปตัดต่อเอง

สุดท้ายที่โชว์ต้นฉบับเขาไม่สนใจเลยครับให้ดูแค่ต้นฉบับเรื่องแรกที่เก็บเอาไว้ชิ้นแรกปี 2527 เท่านั้น แต่สื่อ วอชิงตันโพสต์เค้าสนใจประวัติการทำธุรกิจร้านเพียงอย่างเดียวครับ  บทสัมภาษณ์ได้ถามถึงความตั้งใจในการทำร้านขายโปสเตอร์เป็นมาอย่างไร?

Gone with the wind poster Sansiri Blog

2.ทีนี้มาสู่จุดการทำร้านโปสเตอร์ เริ่มจากอะไรพลิกผันมาทำ “ร้านขายโปสเตอร์หนัง”

สันติ : ช่วงปี 2540 ประเทศไทยเจอสภาวะต้มยำกุ้ง คนจำนวนมากโดนให้ออกจากงานพี่เป็นหนึ่ง ในคนจำนวนนั้น ผมเป็นคนหนึ่งที่ทำงานกินเงินเดือนมา 18 ปีไม่เคยทำธุรกิจใดใดมาก่อน เมื่อต้องออกจากงานกระทันหัน เหมือนหมดหนทางไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราเพียงแค่รู้ว่าเราชอบดูหนังและชอบ

โปสเตอร์หนัง  การที่เรียนจบแค่ชั้นปวช. ไม่สามารถที่จะเลือกอะไรได้มากครับ เลยต้องเอาความชอบเป็นที่ตั้งสำหรับการจะทำธุรกิจเป็นครั้งแรกในชีวิต นี่คือจุดเริ่มต้นปี 2540 ของการทำร้านครับ

3.มีช่วงบูมมากๆ ของคนซื้อ คนเล่นมั้ย หรือยอดขายสม่ำเสมอมาตลอด 23 ปี?

สันติ : ลูกค้าที่ร้านหนังคลาสสิคส่วนใหญ่ 60% เป็นคนต่างชาติที่มาซื้อโปสเตอร์หนังฝรั่งเวอร์ชั่นภาษาไทย ช่วงเดือนตุลาถึง กุมภาพันธ์ ลูกค้าต่างชาติจะหนีหนาวมาเที่ยวประเทศไทย หลายคนมาเที่ยวและซื้อโปสเตอร์ที่ร้านเราด้วยครับ โดยลูกค้าเหล่านี้ถ้ามาเมืองไทยเขาจะก็จะแวะมาซื้อโปสเตอร์กลับบ้านไปด้วย แต่พอถึงปี 2020 โรคระบาดโควิด ได้สร้างความหายนะให้กับคนทั่วโลกอย่างมหาศาล โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจกับคนต่างชาติ แต่เราก็ต้องปรับตัวลงมาเพื่อให้อยู่ได้ครับ

4.อยากให้เล่าความแตกต่างระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ เก็บโปสเตอร์เหมือนกัน หรือต่างกัน?

สันติ : คนไทยส่วนมากจะเก็บโปสเตอร์ฝรั่งที่เป็นของนอกเป็นหลักมากกว่า  และคนต่างชาติที่เป็นฝรั่งส่วนมากจะเก็บโปสเตอร์หนังฝรั่งเวอร์ชั่นภาษาไทยมากกว่า …ตรงนี้จะสลับกันอย่างชัดเจน แต่ลูกค้าชาวเอเซีย ฮ่องกง,ญี่ปุ่น,สิงคโปร์, มาเลเซีย และคนไทยบางคน จะเก็บทั้ง 2 อย่าง ที่ร้านมีทั้งหนังจีนรุ่นเก่าภาษาไทย และโปสเตอร์หนังภาษาไทยเป็นจำนวนมาก สำหรับนักเก็บโปสเตอร์ทุกคนที่เข้ามา

Antiquated Movie Poster Shop

5.เท่าที่ขายมา โปสเตอร์หนังอะไร ขายได้ราคาสูงสุด

สันติ : ส่วนมากจะเป็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ เรียกว่า 3 sheet (41”x81”) ของ US. และส่วนตัวของพี่ติ หนังคลาสสิคจะเก็บขนาดนี้เป็นหลัก เพราะขนาด 1sheet เหมือนที่ติดตามโรงหนังทั่วไปเป็นขนาดมาตรฐานนิยม ใครก็หาซื้อได้ง่าย พี่จึงหันมาเก็บขนาดที่หายากและมี ขนาดใหญ่เป็นหลักครับ ลูกค้าฝรั่งหรือ

คนไทยหลายคนไม่เคยคิดว่าทางร้านเรา จะมีหนังที่ลึกและหายากเพราะเราจะสะสมเอาไว้เป็นจำนวนมาก และหลายเรื่องเรายังไม่ได้ขายออกไปเราจึงยังมีของเสมอครับ

6.ถ้าตอบแบบนี้ โปสเตอร์ที่คุณไม่มี แต่แพงสุดในโลก คือหนังเรื่องอะไร?

สันติ : โปสเตอร์หนังที่มีราคาแพงที่สุดคือเรื่อง Metropolis เวอร์ชัน “สากล” – การออกแบบของ Heinz Schulz-Neudamm การเขียนภาษาเยอรมัน  เส้นที่สะอาดและการแรเงาที่ละเอียดอ่อนทำให้สิ่งนี้เป็นเรื่องน่าแปลกใจ  ขายได้ในราคา 690,000 ดอลลาร์ (22ล้านบาท)ในปี 2548  ผู้ซื้อที่มีข่าวลือคือ Leonardo DiCaprio

Metropolis movie poster Sansiri Blog

7.ได้ข่าวว่า โปสเตอร์ Star Wars ยังมีคนนิยมตลอดเวลา ลองเล่าสิว่าเพราะว่าอะไร?

สันติ : Star Wars สร้างครั้งแรกและออกฉายในปี 1977  ภาค2 ปี1980 และภาค3 จบที่ปี 1983 แต่เป็นตอนที่ 4,5,6 ที่ทำและฉายก่อนหลังจากนั้นปี 1999-2005 Star Wars Episode 1,2,3 ซึ่งเป็นตอนแรกสุด ถูกสร้างตามออกมาอีก 3 ภาค และออกฉายปี 1999 แต่ใช้เวลาห่างกันจากภาค3 ถึง 16 ปี

หลังจากนั้นอีก10 ปีต่อมา ในปี 2015-2019 Star Wars อีก 5 ตอน

นอกจากนี้ก็มีเรื่อง -the force awakens(2015), -rogue one (2016), -the last jedi(2017), -han solo(2018) และ -the rise of skywalker(2019) ที่มีดิสนีย์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ต่อจาก จอร์จ ลูกัสได้ถูกนำมาสร้างติดต่อกัน 5 ตอนเป็นบทสรุปของสตาร์วอร์มหากาพย์ที่สร้างกันตั้งแต่ยุคแรก ปี1977 ถึงตอนสุดท้ายปี 2019 รวมแล้ว 42 ปีรวม 11 ตอน Sttar Wars ได้เชื่อมคน 3 ยุคให้มาเจอกันได้ในหนังเรื่องเดียว นี่คือเหตุผลที่สตาร์วอร์ยังคงเป็นที่นิยมของแฟนหนังทั่วโลกตลอดมา และจะจดจำตลอดกาลด้วยครับ

8.ส่วนตัวแล้ว คุณชอบเก็บโปสเตอร์หนังเก่า เรื่องไหน เพราะว่าอะไร

สันติ : โดยส่วนตัวแล้วจะเก็บหนังเก่าคลาสสิคที่มีคนนิยมเล่นกันมากเป็นอันดับแรกเช่น the godfather, star wars, gone with the wind, หนังของ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก, สแตนลีย์ คูบริค หรือหนังดังๆของนักแสดงรุ่นใหญ่ เช่นคลิ้นท์ อีสต์วู้ด, จอห์น เวนย์ สตีฟ แม็คควีน, เก็บหนังที่มีชื่อเสียง เพราะเราเป็นคนสะสมทและเป็นร้านค้าด้วย คือถ้ามีคนสนใจ ที่จะซื้อบางเรื่องเราก็จะขาย แต่บางเรื่อง เราก็ไม่ขายถ้าเราชอบมากครับ หนังที่ดังมีคนรู้จักมันง่ายในการซื้อขาย แลกเปลี่ยนและสะสมครับ

9.คนยุค อายุ 60 กว่ามกับเด็กยุคมหาลัย เก็บหนังแตกต่างกันมั้ย

สันติ : แตกต่างกันครับ  เด็กวัยรุ่นจะเก็บหนังที่ตัวเองได้ดูเป็นหลักส่วนมากจะเป็นหนังใหม่ ส่วนคนที่เก็บหนังเก่าจะมีอายุช่วงระหว่าง 25-45 ปี คนที่มีอายุมากกว่านี้ส่วนมากจะหมดแรงเก็บแล้วครับ อันนี้ในกรณีที่เป็นคนไทยด้วยกันนะครับมจากประสบการณ์ในการขายถ้าเป็นคนรุ่นใหญ่ จะเป็นชาวต่างชาติเป็นหลักครับทที่เก็บหนังเก่า แต่ต้องเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยที่เป็นภาพเขียนเท่านั้นด้วยครับ

Space Jam Movie Poster Sansiri Blog

10.โปสเตอร์จากประเทศไหนมีคุณค่ามากที่สุด เช่นจาก US UK HK Japan เพราะอะไร

สันติ : โดยตามหลักของนักเก็บโปสเตอร์หนังทั่วไปจะต้องเก็บโปสเตอร์ของประเทศที่สร้างเป็นอันดับแรกก่อน เช่นหนังของอเมริกาก็เก็บเวอร์ชั่นของ US. เป็นหลัก หนังของฝรั่งเศสก็เก็บของฝรั่งเศส รวมถึงหนังไทยก็จะเก็บเวอร์ชั่นไทยเป็นหลักก่อนเช่นกันครับ ถ้าเป็นหนังฮอลลีวู้ดคนจะนิยมกันมากเป็นหลัก

เพราะอเมริกาเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดของโลกภาพยนตร์และมีรางวัลออสการ์ เป็นรางวัลที่สูงสุดที่คนทั่วโลกยอมรับครับ

11.เคยมีเรื่องแปลกๆ บ้าบอ เกี่ยวกับคนมาซื้อมั้ย แบบซื้อแหลก หรือ อะไรก็ได้ที่ดูสุดๆ ในการสะสม?

สันติ : มีอยู่คนหนึ่งครับซื้อตั้งแต่เราเปิดร้านจนถึงปัจจุบัน อะไรก็ได้ที่เป็น Star Wars ลูกค้าคนนี้มีทุกอย่างของสตาร์วอร์ทุกแบบทุกเวอร์ชั่นที่เราหาได้ ตั้งแต่ปี 1977 จนถึงปีสุดท้าย 2019 ที่สำคัญเขาคนนี้มี Star Wars 1977 24sheet(9×20 feet) Original US.คิดว่าน่าจะเป็นชุดเดียวในเอเชีย หรือในโลกของคนที่เก็บสตาร์วอร์ที่จะมีได้มและสิ่งสำคัญ เขาเป็นคนไทย

12.มีคำแนะนำสัก 2-3 ข้อ สำหรับนักสะสมโปสเตอร์มั้ยครับ

สันติ : ถ้าคุณเป็นนักดูหนังมาตั้งแต่เด็กความประทับใจในวัยเด็กมันมีค่ามาก เมื่อคุณประทับใจหนังเรื่องไหน?เราอยากให้คุณเก็บโปสเตอร์หนังเรื่องนั้นไว้เมื่อเวลาผ่านไปอีก 20 ปีข้างหน้า หรือมากกว่าเมื่อคุณได้มองเห็นโปสเตอร์ใบนั้น คุณจะยิ้มและมีความสุขและคิดถึงช่วงความสุขของวัยนั้น มันมีค่ามาก… แต่ถ้าคุณไม่ได้เก็บไว้ตั้งแต่เริ่มต้น คุณก็จะต้องมาให้ร้านของเราหาให้ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้น ราคามันอาจจะแพงหรืออาจจะหาไม่ได้อีกแล้วก็เป็นไปได้ครับ

วันเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความรู้สึกประทับใจในวัยเด็กได้ จงเก็บความประทับใจนั้นไว้ตั้งแต่เริ่มต้น และสิ่งนั้นก็จะอยู่คู่กับตัวคุณตลอดไป

Related Articles

Minority ใน “วัฒนธรรมป๊อป”

ถ้าวัดกันอย่างหยาบๆ คำว่า Fanatic ถูกใช้ในวงการหนังแบบ “ติดปาก” กับหนัง Star Wars เป็นเรื่องแรกๆ ความหมายของมันคือ ลัทธิหรือสาวก แต่ไม่ใช่สาวกแฟนคลับในแบบ Harry Potter เหตุผลประการหนึ่งเพราะว่า ด้วยเนื้อหาของผลงาน จอร์จ ลูคัส นั้น มีความสลับซับซ้อนในตัวละครมากมาย

Tenet-Sansiri Blog 05

ถ้า Tenet ไม่ได้เงิน นี่คือ 5 เหตุผลสำคัญ!

มีเด็กนักเรียนนักศึกษากลุ่มหนึ่ง นั่งคุยกันว่า พวกเขาอยากนัดกันไปดูหนัง Tenet ของ “เสด็จพ่อโนแลน” ด้วยกิตติศักดิ์ร่ำลือ ถึงความลึก ล้ำ และเท่ ของผู้กำกับคนนี้ หลายพูดกันว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน คือคนทำหนังที่ “แนว” สุดแล้วในตอนนี้ แต่จะว่าไปไม่น่าใช่ เพราะหนังแนวๆ นี้ที่แจ้งเกิดให้กับเขา

ออสการ์ So White!

ถ้าจะมีอะไรสักอย่าง สะท้อนความเป็น “เสรีนิยม” ของรางวัล “ออสการ์” ได้อย่างเช้าใจง่ายๆ หนังที่ชนะเลิศสำนักนี้ ในช่วง 4 ปีหลังสุด สามารถอธิบายประโยคข้างต้นได้ ไม่มากก็น้อย… เสรีนิยมมักไม่ปิดกั้นสีผิว เราจึงเห็นการต่อสู้เพื่อเหยื่อผิวสี (ขาวบ้าง ดำบ้าง) ใน Spotlight เห็นการเห็นอกเห็นใจคนนอกผิวดำใน Moonlight