THE ERAS OF AESTHETIC DESIGN
40 ปีแห่งการดีไซน์
เล่าผ่านยุคสมัยอันรุ่งเรืองทางศิลปะ

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย “ศิลปะ” ก็ยังคงเป็นสิ่งสร้างความจรรโลงใจ เพลิดเพลิน รื่นรมย์ และผ่อนคลายให้กับมนุษย์ จากความวิจิตรงดงามในด้านต่างๆ ทั้ง สถาปัตยกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม จิตรกรรม รวมไปถึงคีตศิลป์ต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลได้รับการรังสรรค์และร้อยเรียงกันด้วย “การดีไซน์” ให้ลงตัว

บทบาทของความผู้ด้านดีไซน์ของ แสนสิริ เองนั้นก็เองก็เริ่มจากความเชื่อ…เชื่อในความเป็นไปได้ใหม่ๆ พร้อมสานต่อยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองทางศิลปะให้คงอยู่ไปจนถึงอนาคต

แต่ก่อนจะเดินไปยังวันข้างหน้าด้วยกัน…เราขอเล่าย้อนไปยังจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจ ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ในยุคที่รุ่มรวยไปด้วยศิลปะอันน่าหลงใหล เหล่าศิลปินชั้นเอกต่างใช้เวลาทั้งชีวิตอุทิศตนเพื่อรังสรรค์ชิ้นงานมาสเตอร์พีซให้คงอยู่อย่างเหนือกาลเวลา ส่งผ่านเป็นมรดกอันล้ำค่าให้กับคนรุ่นหลัง

แสนสิริ จึงนำความวิจิตรของเอกลักษณ์แห่งยุคสมัยต่างๆ มาผสมผสานเล่าผ่านความเป็น Iconic Design ของ “ ” ที่พร้อมเชิญให้ทุกคนไปสัมผัสกับประสบการณ์อันล้ำค่า หรูหรา สง่างามเหนือระดับ ที่เกินกว่าแค่ตาเนื้อมองเห็น พร้อมลิ้มรสเรื่องราวอันน่าค้นหาไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

THE ERAS OF AESTHETIC DESIGN

“Regency” ยุคแห่งความรุ่มรวยของศิลปะ ความหรูหรา สง่างาม ทุกรายละเอียดล้วนละเมียดละไม สอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน จิตรกรรม สถาปัตยกรรม และศิลปะอีกหลายแขนงที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด โดยเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษ ในรัชสมัยของ King George IV

อัตลักษณ์ของ Iconic Design แห่งผู้ดีอังกฤษได้ถูกเลือกมาใช้รังสรรค์โครงการ “ ” เริ่มตั้งแต่ซุ้มทางเข้าโครงการ งานฝีมือเหล็กดัดแบบ Low Carbon แสนประณีต

ส่วน Facade โทนขาวตกแต่งสีดำของตัวบ้าน ความโค้งมนของประตู (Archway) ที่ช่วยเพิ่มความโอ่โถงหรูหรา ไปจนถึงการจัดแต่งสวนที่งดงามราวกับภาพวาดของศิลปินก้องโลก แต่งแต้มความตระการตาด้วยวัสดุเลอค่าอย่าง “หินอ่อน Cipollino Rosso”

อีกหนึ่งศิลปะขั้นสูงอันวิจิตรบรรจง คือ ภาชนะเครื่องเคลือบพอร์ซเลน (Porcelain) แบรนด์ Wedgwood Jasperware ที่มีสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งได้รับความนิยมในเหล่าราชวงศ์อังกฤษจนได้รับพระราชทานอนุญาตให้ใช้ชื่อว่า Queen’s Ware และแรงบันดาลใจจาก Wedgwood Jasperware มาใช้ตกแต่งภายในโครงการ เพิ่มบรรยากาศผ่อนคลายภายในคลับเฮาส์ด้วยโทนสีฟ้า Wedgwood Blue และลวดลายอ่อนช้อยสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ แต่งแต้มความตระการตาด้วยวัสดุเลอค่าอย่างหินอ่อน Cipollino Rosso ทำให้โครงการนี้โดดเด่นที่เพียงแค่มองก็รับรู้ถึงวิจิตรของเส้นสายสไตล์รีเจนซี่

THE ERAS OF AESTHETIC DESIGN

ความรุ่งเรืองจากยุค “Renaissance Revival” คือการกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งของสถาปัตยกรรม สังคม และศิลปวัฒนธรรมในช่วงศตวรรษที่ 18 – ศตวรรษที่ 19 ในมหานครนิวยอร์ก จากส่วนผสมของอัตลักษณ์การออกแบบที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีดั้งเดิมและสถาปัตยกรรม Renaissance แบบฝรั่งเศส

ด้วยเอกลักษณ์อันงดงาม ทั้งรูปทรงจั่ว ซุ้มโค้ง เสาตื้น และหน้าต่างแบบ Repeated Pattern ตัวอาคารนิยมสร้างด้วยหิน Limestone ที่ให้อารมณ์เคร่งขรึมน่าค้นหาและเป็นวัสดุที่มีมูลค่ามาทุกยุคสมัย และสถาปัตยกรรมในรูปแบบนี้ถูกรังสรรค์ไว้มากมายในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งยังคงสง่างามและตราตรึงใจอยู่เสมอ

ความทรงคุณค่าทั้งหมดในยุคนี้ถูกส่งต่อมายังโครงการ “ ”

ผลลัพธ์จากความหลงใหลในเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยุค เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าสไตล์ Grill Works สวนของโครงการที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาตินานาพรรณ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ Central Park และประติมากรรมน้ำพุที่วิจิตรงดงามตามแบบฉบับ Besthasda Foutain บริเวณคลับเฮ้าส์ คือ สัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้พักอาศัยรู้สึกราวกับเดินพักผ่อนหย่อนใจในมหานครนิวยอร์ก

แนวคิดของผังเมืองย่านแมนฮัตตันถูกนำมาใช้กับการวางตำแหน่งบ้านแต่ละหลัง เพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่สวนอันร่มรื่นได้อย่างสะดวกสบาย เพิ่มเติมเอกลักษณ์แบบฉบับนิวยอร์กด้วย The Sky Palor ห้องกระจกที่มีทัศนียภาพงดงาม 180 องศา บรรดารายละเอียดน้อยใหญ่ในทุกมุมมองและทุกสัมผัสของโครงการนี้ ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความงดงามของ Renaissance Revival ที่สอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิตชนชั้นสูงของมหานครนิวยอร์กอย่างลึกซึ้ง

THE ERAS OF AESTHETIC DESIGN

ยุค – หรือที่ขนานนามว่า สถาปัตยกรรมแบบวิจิตรศิลป์ อันมีต้นกำเนิดมาจากสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งกรุงปารีส (École des Beaux-Arts) โดดเด่นด้วยการดึงอัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรมกรีก – โรมันโบราณ โดยใช้หลักแนวคิดจากสถาปัตยกรรมสมัย Renaissance และ Baroque ผสมผสานกับความเป็นอยู่ในยุคนั้น หลอมรวมจนกลายเป็นความหรูหราที่ทรงพลัง ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วยุโรปและอเมริกาในช่วงราวศตวรรษที่ 19 ถึง ศตวรรษที่ 20

ความเหนือกาลเวลาของ Beaux – Arts ถูกถ่ายทอดภายใต้ปรัชญา The Best Comes as Standard ของ “98 Wireless” เพื่อให้ผู้ครอบครองได้สัมผัสถึงมาตรฐานที่ดีที่สุดของความงดงามในทุกองค์ประกอบอย่างแท้จริง

ทั้งตัวอาคารและการตกแต่งภายในเต็มไปด้วยรายละเอียดที่วิจิตรงดงามในทุกตารางนิ้ว งานฝีมืออันเป็นเลิศถูกรังสรรค์เพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะอย่าง ผลงานหล่อปูนสุดประณีตบริเวณเพดาน คิ้วบัว และหัวเสา คราฟท์โดยทีมช่างฝีมือชั้นสูงจากนิวยอร์ก ‘Hyde Park Mouldings’ และเพื่อถ่ายทอดสุนทรียสัมผัสของศิลปะนี้ได้อย่างถ่องแท้

คัดสรรวัสดุที่ดีที่สุดในโลกอย่างหินอ่อน Statuario จากอิตาลี นำมาเรียงร้อยต่อลาย Bookmatch อย่างลงตัว เพื่อประดับประดาแต่ละยูนิตให้มีความโดดเด่นสวยงาม อีกทั้งบรรดาสิ่งเล็กน้อยยังสามารถสะท้อนรสนิยมได้อย่างละเอียดอ่อน เช่น ลูกบิดและกลอนจาก Baldwin ที่ถูกเลือกใช้สำหรับทำเนียบขาว ไปจนถึงประตูไม้จริงลาย Mahogany Crotch และพื้นไม้โอ๊คลาย Herringbone นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

ทุกองค์ประกอบที่ควบรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็น 98 Wireless โครงการ Super Luxuxy ที่ทรงคุณค่า หรูหรา และงดงาม ตั้งตระหง่านท้าทายกาลเวลาบนถนนวิทยุที่ศิวิไลซ์ เพรียบพร้อมเฉกเช่นเดียวกับ Fifth Avenue อันเป็นศูนย์กลางธุรกิจและย่านมหาเศรษฐีที่โด่งดังในแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก

THE ERAS OF AESTHETIC DESIGN

ร่องรอยจากอดีตส่งผ่านถึงอนาคต สู่การสร้างสรรค์ความงามจากสัจจะวัสดุ เปิดเปลือยความงามจากภายใน อวดผิวสัมผัสของเนื้อวัสดุ พร้อมบอกเล่าใหม่ผ่านดีไซน์แยบคายสไตล์ “Industrial Heritage”

อัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรม Industrial Heritage จะมีความโดดเด่นเมื่ออยู่ในบริบทที่ลงตัว ซึ่ง ย่านทองหล่อ คือพื้นที่ที่ผสานความเป็น Industrial และ Heritage ไว้อย่างกลมกลืน ด้วยการคลุกเคล้าความเป็นย่านที่อยู่อาศัยของตระกูลเก่าแก่และร้านรวงดั้งเดิม หลอมรวมเข้ากับบรรยากาศของแหล่งแฮงก์เอาท์ที่ล้ำสมัย จึงถูกเลือกเป็นพื้นที่ตั้งของโครงการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบสไตล์ Industrial Heritage

โดดเด่นด้วยโครงสร้างของอาคารรูปทรง Monolith และสระว่ายน้ำที่มีเอกลักษณ์ราวประติมากรรมที่ตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ด้วยแรงบันดาลใจจากวงปีของต้นไม้ใหญ่ที่ดึงดูดสายตาและชวนให้ค้นหาอย่างไม่รู้เบื่อราวกับได้จ้องมองงานศิลปะชั้นเยี่ยม ทั้งแชนเดอเลียจาก Lasvit ที่รังสรรค์มาเป็นพิเศษ และ Murano Lamp หนึ่งในหกคู่ของโลก รวมทั้งภาพผลงานศิลปะอันประเมินค่ามิได้อีกมากมายที่ทำให้ The Monument Thonglor ไม่ได้ถูกจำกัดแค่นิยามของที่พักอาศัย แต่เป็นเสมือนมรดกแห่งวงศ์ตระกูลที่จะส่งมอบต่อไปนับทศวรรษ

 โดดเด่นด้วย Facade สีคอปเปอร์จากอลูมิเนียมและ Glass Wall ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จากความคอนทราสต์ แต่ก็ยังงดงาม กลมกลืนอย่างเหนือคาดไปกับกำแพงหิน
ความชัดเจนในสไตล์ Industrial Heritage ยิ่งดูมีชีวิตชีวาเมื่อถูกถ่ายทอดจากฝีมือของดีไซเนอร์อัจฉริยะ Philippe Starck ที่สร้างผลงานให้โลกได้ชื่นชมมาแล้วมากมาย มาร่วมออกแบบโครงการทั้งฟังก์ชัน การคัดสรรวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ ควบคุมทุกขั้นตอนแม้ในรายละเอียด เพื่อดึงเสน่ห์ของ Industrial Heritage ออกมาให้ได้มากที่สุด เช่น การใช้วัสดุแบบ Raw Beauty ที่ตอกย้ำความเป็น Timeless Design ทั้งยังใส่ลูกเล่นอย่างมีชั้นเชิง สอดแทรกไว้ด้วยชิ้นงานโปรดักส์อันโด่งดัง และส่งต่อความครีเอทีฟผ่านเฟอร์นิเจอร์โอเวอร์สเกลที่ทำให้ Khun By Yoo เปรียบเสมือนงานศิลปะที่จะทวีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต

ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งของผลงานที่นับว่าเป็นมรดกอันแสนล้ำค่าจากอดีต ที่ส่งต่อมายังปัจจุบันผ่านการออกแบบด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ลงลึกทุกขั้นตอนเพื่อประกอบสร้างขึ้นมาเป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามและทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา

CONTRIBUTOR

Related Articles

versailles Olympics Paris 2024

พระราชวังแวร์ซายจากตำนานราชวงศ์สู่สนามแข่งระดับโลก

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ถือเป็นไอคอนนิคของประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในลิสต์ที่ทุกคนพูดถึงคงหนีไม่พ้นพระราชวังแวร์ซาย และทุกคนรู้ไหมว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ใช้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ด้วยนะ ซึ่งสนามกีฬาแห่งนี้เป็นสนามกีฬาแข่งม้าที่สวยงามไม่แพ้กับสนามกีฬา Eiffel Tower Stadium หรือ Place de la Concorde ที่สร้างขึ้นมาเพื่อ ใช้ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดเลยนะ วันนี้ Sansiri Blog

Olympics

OLYMPIC GAMES Paris 2024 เล่าเรื่องราวของการดีไซน์ในเมืองศิลปะ ผ่านการจัดงานแข่งกีฬาระดับโลก

Paris2024 ที่นี่ “ปารีส” มหานครแห่งศิลปะ สถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ครั้งที่ 33 หรือ “Paris 2024”  การกลับมาในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิกอีกครั้ง หลังผ่านไป 100 ปี งานนี้ทางฝรั่งเศสนั้นเรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวจริงๆ ทำให้มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างผ่านการออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน“เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ” คำขวัญประจำชาติของฝรั่งเศสได้ถูกนำมาเรียงร้อยไปในการออกแบบและจัดงานอย่างกลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็น

BELLOW! อย่าง สีเหลือง ... อยู่ตรงไหนในบ้านได้บ้าง

BELLOW! อย่าง สีเหลือง … อยู่ตรงไหนในบ้านได้บ้าง

อย่าง “สีเหลือง” เบลโล่วว!  พร้อมแจกความสดใสไปทั่วเมืองกับเหล่าวายร้ายจอมป่วน “MINION” ที่กลับมาสร้างสีสันความสนุกอีกครั้ง ทำให้ปิ๊ง! ไอเดียและได้แงบันดาลใจจากสีเหลือ เหล่านี้ ถ้านำมาแต่งบ้าน จะนำไปแมตช์ตรงไหนให้ดูสนุกและสดใสได้บ้างนะ มาดูกันเลย สีเหลืองเป็นสีสันแห่งความสุข ความสดใส สร้างความคิดสร้างสรรค์ และเติมแรงบันดาลใจ หากเลือกโทนสีที่ใช่และเลือกใช้ให้ลงตัว เช่น การไล่เฉดสีเข้ม-อ่อน และจัดสรรสัดส่วนให้พอเหมาะ