"ไทยแลนด์แดนเฟรนด์ลี่"
เมื่อรอยยิ้มสยามกลายเป็นทรัพย์สินล้ำค่า

รู้มั้ยว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในประเทศที่น่ารักที่สุดแห่งหนึ่งของโลกน ไม่ได้พูดเล่นๆ นะ เพราะนิตยสารดังอย่าง Condé Nast Traveller เพิ่งประกาศผล The friendliest countries in the world: 2024 Readers’ Choice Awards ออกมาหมาดๆ ลองทายว่าใครได้ที่ 3?

ใช่แล้ว! ประเทศไทยของเรานี่แหละ!

เมื่อโลกหลงรักรอยยิ้มสยาม

คุณเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมฝรั่งถึงชอบมาเที่ยวบ้านเราจัง? ไม่ใช่แค่เพราะทะเลสวย อาหารอร่อย หรือวัดวาอลังการหรอกนะ แต่เป็นเพราะ “คน” ไทยเรานี่แหละ ที่ทำให้พวกเขาหลงรักจนต้องกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ลองนึกภาพดูสิ คุณเป็นฝรั่งคนนึงที่เพิ่งลงจากเครื่องบิน เหนื่อยๆ งัวเงีย แต่พอเจอรอยยิ้มของพี่แท็กซี่ที่สนามบิน เท่านั้นแหละ ความเหนื่อยล้าก็หายวับไปกับตา แถมยังได้เรียนรู้คำว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” แบบฟรีๆ อีกต่างหาก นี่แหละคือมนต์เสน่ห์ของคนไทยที่ทำให้เราติดอันดับ 3 ของโลก

แต่เดี๋ยวก่อน! ก่อนจะภูมิใจจนอกผายไหล่ผึ่ง มาดูกันหน่อยดีกว่าว่าใครบ้างที่อยู่เหนือเรา

ใครเป็นใครในชาร์ตประเทศที่เป็นมิตรที่สุด

• คอสตาริกา – แชมป์เก่าที่ครองแชมป์มาหลายปี ด้วยสโลแกน “Pura Vida” หรือ “ชีวิตที่บริสุทธิ์” ที่ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นวิถีชีวิตจริงๆ ของพวกเขา
• นิวซีแลนด์ – ดินแดนแห่งฮอบบิท ที่ไม่ได้มีดีแค่วิวสวยๆ แต่ยังมีคนที่เป็นมิตรสุดๆ จนทำให้คุณอยากจะอพยพไปอยู่ที่นั่นซะให้รู้แล้วรู้รอด
• ไทย – นั่นไง! บ้านเรานี่แหละ ที่ทำให้โลกต้องยอมรับว่ารอยยิ้มของเราสวยที่สุดในเอเชีย

ส่วนอันดับอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มี เม็กซิโก ญี่ปุ่น แคนาดา และเวียดนาม ที่ติดท็อป 10 เหมือนกัน แต่ไม่มีใครเทียบความเป็นมิตรแบบไทยๆ ของเราได้หรอก (ขอโม้หน่อย)

The-Beach

แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญนัก?

คุณอาจจะคิดว่า “แหม ก็แค่รางวัลนึง จะดีใจอะไรขนาดนั้น” แต่เชื่อสิ มันไม่ใช่แค่รางวัลธรรมดาๆ นะ มันคือการการันตีว่าเรามี “Soft Power” ที่ทรงพลังมาก ลองคิดดูสิ ในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและการแบ่งแยก การที่ประเทศเราได้ชื่อว่าเป็นมิตรที่สุด มันก็เหมือนกับเราได้รับเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกแห่งมิตรภาพยังไงยังงั้น

และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการท่องเที่ยวนะ มันส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจ การลงทุน และแน่นอน… วงการอสังหาฯ ด้วย

เมื่อรอยยิ้มกลายเป็นทองคำ: โอกาสทองของวงการอสังหาฯ

เอาล่ะ ทีนี้มาถึงส่วนที่พวกเราชาวอสังหาฯ ต้องตาโตกันแล้ว เพราะความเป็นมิตรของคนไทยไม่ได้แค่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยว แต่มันทำให้พวกเขาอยากมา “อยู่” ด้วย

ลองนึกภาพดูนะ คุณเป็นชาวต่างชาติที่เพิ่งเกษียณ กำลังมองหาที่ที่จะใช้ชีวิตบั้นปลาย คุณจะเลือกไปอยู่ที่ไหน? ประเทศที่คนหน้าบึ้งตลอดเวลา หรือประเทศที่คุณเดินไปไหนก็เจอแต่รอยยิ้ม? คำตอบมันชัดมากใช่มั้ยล่ะ นี่แหละคือโอกาสทองของวงการอสังหาฯ ไทย ที่จะต้อนรับเหล่าฝรั่งเกษียณ ที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สองในดินแดนแห่งรอยยิ้ม แต่ไม่ใช่แค่คนเกษียณนะ ยังมีพวก Digital Nomad ที่ทำงานที่ไหนก็ได้ในโลก พวกเขากำลังมองหาที่ที่มี Wi-Fi เร็ว อาหารอร่อย และคนเป็นมิตร ซึ่งไทยเราตอบโจทย์หมดเลย

แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้?

เอาล่ะ ทีนี้เรามาถึงจุดที่ต้องเอาความคิดสร้างสรรค์มาใช้กันแล้ว! ถ้าเรามีทรัพย์สินล้ำค่าอย่าง “ความเป็นมิตร” อยู่ในมือ เราจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดยังไงดี? นี่คือไอเดียบางส่วนที่อาจจะจุดประกายความคิดให้คุณ

• สร้างโครงการที่ตอบโจทย์ชาวต่างชาติ: ไม่ใช่แค่ห้องสวยๆ แต่ต้องมีบริการที่เข้าใจวัฒนธรรมของพวกเขาด้วย เช่น มีพื้นที่ส่วนกลางให้สังสรรค์ หรือมีบริการล่ามภาษาอังกฤษ
• เน้นจุดขายเรื่องความเป็นมิตร: อย่าลืมว่านี่คือจุดแข็งของเรา! ใส่ความเป็นไทยเข้าไปในการบริการ ตั้งแต่การต้อนรับแบบไทยๆ ไปจนถึงการจัดกิจกรรมให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสวัฒนธรรมไทย
• สร้างชุมชนนานาชาติ: ทำให้โครงการของคุณไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นชุมชนที่ชาวต่างชาติรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง จัดกิจกรรมให้พวกเขาได้มาเจอกัน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
• ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้เป็นสากล: ตั้งแต่ป้ายบอกทางภาษาอังกฤษ ไปจนถึงการมีร้านอาหารนานาชาติในโครงการ
• ร่วมมือกับการท่องเที่ยว: จับมือกับ ททท. หรือบริษัททัวร์ เพื่อโปรโมทโครงการของคุณให้เป็นส่วนหนึ่งของ “ประสบการณ์ความเป็นมิตรของไทย”
และอีกมากมายหลายสิ่งที่สามารถทำได้…

Lake 26 community

เมื่อรอยยิ้มกลายเป็นทรัพย์สินล้ำค่า

การที่ไทยติดอันดับ 3 ประเทศที่เป็นมิตรที่สุดในโลกไม่ใช่แค่เรื่องน่ายินดี แต่มันคือโอกาสทองที่เราต้องคว้าไว้ให้มั่น! ความเป็นมิตรของคนไทยไม่ใช่แค่ “Soft Power” แต่มันคือ “ทรัพย์สินล้ำค่า” ที่สามารถแปลงเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จริงๆ โดยเฉพาะในวงการอสังหาริมทรัพย์

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเปลี่ยนมุมมอง จากการมองว่า ความเป็นมิตรเป็นแค่นิสัยดีๆ ของคนไทย มาเป็นการมองว่ามันคือ “จุดขาย” ที่ทรงพลังที่สุดของเรา เพราะในโลกที่วุ่นวายแบบนี้ ใครๆ ก็อยากอยู่ในที่ที่คนยิ้มให้กันตลอดเวลา และนั่นคือสิ่งที่ไทยเรามีมากที่สุดในโลก ซึ่งถ้ากำลังคิดจะลงทุนในอสังหาฯ อย่าลืมว่า คุณไม่ได้กำลังขายแค่บ้านหรือคอนโด แต่กำลังขาย “ประสบการณ์แห่งความเป็นมิตร” ที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลก และนี่แหละคือความได้เปรียบที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ของเรา เพราะความเป็นมิตรแบบไทยๆ นั้น ไม่สามารถสร้างขึ้นมาในชั่วข้ามคืน แต่เป็นสิ่งที่หล่อหลอมมาจากวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของคนไทยมาอย่างยาวนาน

สุดท้ายนี้ ขอให้เราภูมิใจในความเป็นไทย และใช้จุดแข็งนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะรอยยิ้มของเรานั้น ไม่ใช่แค่สิ่งที่ทำให้โลกหลงรัก แต่มันคือขุมทรัพย์ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต

ยิ้มให้กว้าง และเตรียมต้อนรับโอกาสทองที่กำลังจะมาถึง

เพราะนี่คือยุคทองของอสังหาฯ ไทย ที่มีรอยยิ้มเป็นทุนสำคัญ

Related Articles

Moo Deng, หมูเด้ง

ปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” พลังสื่อในยุคดิจิตอล สู่การครองใจคนทั่วโลก

cr. pic : Facebook ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง นาทีนี้คงไม่มีใคร ไม่รู้จัก “หมูเด้ง” ฮิปโปโปเตมัสแคระ ที่เป็นกระแสในโลกโซเชียลและดังไกลไปทั่วโลก เรียกได้ว่า หมูเด้งเป็นซุปตาร์เมืองไทยที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ทำให้คนทั่วโลกอยากเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย แล้วทุกคนสงสัยไหมคะว่าทำไม หมูเด้ง ถึงมีคนรักและเป็นกระแสนิยมมากมายขนาดนี้  วันนี้ Sansiri Blog จะมาเล่าถึง

Vegetarian Festival

เทศกาล “กินถือศีล กินผัก” พลังศรัทธาที่สะท้อนผ่านวัฒนธรรม ความเชื่อ สู่การมีสุขภาพแข็งแรง

ไหนใครสายเฮลตี้ รักสุขภาพ กินเจกันบ้างคะ ช่วยกระซิบบอกเราหน่อย และไหนใครกินเจ กินกันครบ 9 วันรึเปล่าน้า ทุกคนรู้ไหมคะว่าการกินเจ ถือเป็นการชำระกายใจให้บริสุทธิ์ งดรับประทานเนื้อสัตว์ชั่วคราว นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่คนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญอีกด้วย ซึ่งเทศกาลกินเจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีนของทุกปี โดยปีนี้เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 3 ถึง

moon-festival

ตำนานวันไหว้พระจันทร์ ความเชื่อ สู่การผสมผสานวัฒนธรรมไทย – จีน

ทุกคนรู้หรือไม่ว่าเทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลที่สำคัญอีกเทศกาลหนึ่งของคนจีนรองจากเทศกาลตรุษจีนเลยก็ว่าได้ แล้วทุกคนเคยสงสัยไหมค่ะว่าทำไมคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนถึงต้องไหว้พระจันทร์  วันนี้ Sansiri Blog จะมาเล่าถึงเหตุผลทำไมคนจีนถึงนิยมไหว้พระจันทร์  ตำนาน “ฉางเอ๋อ” ต้นกำเนิดวันไหว้พระจันทร์ ขนมไหว้พระจันทร์และความหมายของไส้ขนมไหว้พระจันทร์ วิธีการไหว้พระจันทร์ และการไหว้พระจันทร์กับการผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้ทุกคนฟังกันค่ะ  ทำไมคนจีนถึงต้องไหว้พระจันทร์  เทศกาลไหว้พระจันทร์จะมีขึ้นในช่วง 15 ค่ำเดือน 8 ของทุกปี ซึ่งแต่ละปีจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม วันจะไม่ตรงกัน