ธรรมชาติคือผู้สร้าง คนเปรียบเสมือนผู้ดูแล ส่วนศิลปะนั้น…ก็เป็นดังส่วนผสมที่เบลนด์เป็นแรงบันดาลใจให้กับโลกของเราในปัจจุบัน
ธรรมชาติ คน และศิลปะ 3 สิ่งที่รูปร่างหน้าตาต่างกัน ความหมายก็คนละเรื่อง(เดียว)กัน แต่กลับซ่อนความเชื่อมโยงและความเข้ากันไว้ตลอดเวลา จนไม่น่าเชื่อว่าวันนี้การยึดโยงบนฐานสุดแตกต่างของทั้ง 3 สิ่งได้จุดประกายให้เกิดพื้นที่ชีวิตรูปแบบใหม่ ที่แฝงพลังสร้างสรรค์และความเข้าใจไลฟ์สไตล์คนเมืองไว้เต็มเปี่ยมได้อย่างไม่น่าเชื่อ
พื้นที่ที่ว่าก็ไม่ใช่พื้นที่ไกลตัวที่ไหน แต่เป็นพื้นที่ในงาน Bangkok Design Week 2020 เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563 ที่ไหลเวียนไปด้วยแนวคิดทันสมัยอย่าง “Resilience : New potential for living ปรับตัว > อยู่รอด > เติบโต”
สงสัยใช่ไหมล่ะ ว่าพื้นที่นี้มันคืออะไร? ก็พื้นที่ที่เกิดจากพลังของนักสร้างสรรค์ซึ่ง ‘แสนสิริ’ เองได้มีส่วนร่วมเป็นหนึ่งกำลังปลูกสร้างสิ่งดีๆ ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘SHAPING NEIGHBORHOODS’ เพื่อจะส่งผ่านความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตดีๆ จากสิ่งที่เราลงมือทำไปสู่ชุมชน ไม่ว่าจะเป็น
“EATS MEET WASTE” งานดีไซน์ที่มีความหมายมากกว่าศิลปะ บนขบวนรถเข็นสตรีทฟู้ดในย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ และเกิดมาเพื่อช่วยปรับยกคุณภาพด้านการจัดการเศษขยะจากอาหาร และเติมความเข้าใจเรื่องนี้ให้เต็ม 4 ห้องหัวใจคนเมือง
งานอาร์ต Above the Line ที่รังสรรค์โดย SUNTUR ศิลปินชื่อดังสุดมีสไตล์
“HAVE A REST” ผลงาน installation จุดพักคอยระหว่างรอรถท่ามกลางความพลุกพล่านของย่านของการสัญจร
รู้นะ ว่ามีคนแอบสงสัยว่า 3 งานอาร์ตนี้ จะเป็นอะไรได้มากกว่าสิ่งที่ตาเห็นหรือเปล่า? หรือว่าจะมีความหมายอะไรกับมนุษย์อย่างเรากันแน่?
ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างไร้ชีวิต แต่คือ…การใช้ชีวิต
เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่อย่างเราๆ ไม่ได้เลือกที่อยู่อาศัยเหมือนแต่ก่อนที่มักจะเป็นการอยู่อาศัยแบบแยกกันอยู่ ตัวใครตัวมัน ข้างบ้านฉัน…ไม่ต้องรู้จักกันก็ได้ แต่ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว อาจจะเพราะความเปลี่ยนไปของโลกได้ทำให้วัฒนธรรมนั้นแปรรูป กลายร่างไป เหมือนที่เราเห็นได้ว่าคนหันหน้ามาคุยกันมากขึ้น แล้วก็ใช้ชีวิตร่วมกันมากขึ้นจริงๆ
เคยมีคำกล่าวหนึ่งของคุณอู้ นพปฎล พหลโยธิน Chief Creative Officer ของแสนสิริที่เล่าไว้ว่าเมื่อไหร่ที่คนทั้งโลกพยายามจะวิ่งเข้าหาเมืองมากขึ้น ภายในเมืองก็จะถูกจำกัดด้วยพื้นที่ที่เล็กลงเรื่อยๆ คำถามก็คือ แล้วเราจะทำให้คนแฮปปี้กับพื้นที่ที่จำกัดแบบนี้ยังไงดี?
คำตอบที่ออกมาวันนี้ ก็ไม่ใช่อะไร THE LINE Phahon-Pradipat นี่ล่ะ คำตอบที่ถูกออกแบบมาให้อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว พร้อมกับมีพื้นที่ส่วนกลางให้คนได้มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างแท้จริงไม่ใช่ผิวเผิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เราเริ่มคุ้นเคยกันดีอย่าง co-working space
“คน เป็นหัวใจสำคัญ เราไม่ได้มองว่าคอนโดเป็นผลิตภัณฑ์เท่านั้น เราพยายามใส่ใจ community การเข้าใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องการกำจัดขยะโดยรอบที่ไม่ใช่แค่ในรั้วของเรา”
– คุณนพปฎล พหลโยธิน
Chief Creative Officer, บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) –
แต่แน่นอน ไม่ใช่แค่นั้น แสนสิริยังหยิบเอาศิลปะเข้ามาผสมผสานกับธรรมชาติของการเป็นอสังหาฯ ได้อย่างกลมกล่อม เพื่อที่จะสะท้อนความยั่งยืนออกไปทุกทิศทาง พร้อมกับเปลี่ยนให้บรรยากาศเดิมๆ ในย่านที่เราเอื้อมมือเข้าไป เป็นบรรยากาศของความผ่อนคลายสุดชิลล์
แถมยังชวนให้อินและดื่มด่ำจนลืมตัวไปกับงานอาร์ตที่แฝงอยู่มากขึ้นด้วย เหมือนกับที่งานนี้ เราได้ตื่นตาตื่นใจ ยกมือกุมอก ทันทีที่เห็นผลงานสุดครีเอทีฟของ SUNTUR ที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกที่ THE LINE อยากจะส่งมอบไปยังลูกบ้านทุกๆ คน
ไม่ใช่แค่งานอาร์ต แต่เป็นการส่งสาร Above the Line
เรียบแต่ดูดี มีเสน่ห์ท่ามกลางธรรมชาติ…แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคำนิยามผลงานของศิลปินนักวาดภาพประกอบชื่อดังอย่าง SUNTUR (ซันเต๋อ) เลยก็ว่าได้ ไม่เว้นแม้แต่ “Above the Line” งานอาร์ตตลอดแนวกำแพงสูงใหญ่ที่ SUNTUR รังสรรค์ไว้เหนือเมืองกว้าง ณ ย่านประดิพัทธ์
“มันคือเซ็ตภาพ Above the Line ที่บอกเล่าว่าไม่ว่าคุณจะอยู่สูงแค่ไหน ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงธรรมชาติ”
– SUNTUR –
ภาพของผู้คนและธรรมชาติที่ผ่านการตัดทอนให้เรียบง่าย ถูกถ่ายทอดออกมาบนเซ็ตผลงานศิลปะทั้ง 3 ชิ้น ที่ SUNTUR มอบไว้ให้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวจากมุมสูงของคอนโด THE LINE Phahon-Pradipat โดยมี “ธรรมชาติ” เป็นหัวใจหลัก ราวกับผลงานนี้กำลังส่งเสียงบอกว่า ไม่ว่าเราจะอยู่สูงแค่ไหน ก็อยู่กับธรรมชาติได้
ยิ่งไปกว่านั้น ศิลปินสุดแนวคนนี้ยังตั้งใจที่จะให้ทุกคนที่เห็นผลงานชิ้นนี้ ได้สัมผัสถึงความสวยงามของธรรมชาติแม้กระทั่งในภาพวาด พร้อมกับตั้งใจที่จะส่งต่อความยั่งยืนผ่านงานศิลปะไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ไม่ใช่รั้วบ้าน แต่เป็นการจัดรูปแบบพื้นที่ เพื่อความยั่งยืนไร้ขอบเขต
ย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ เป็นหนึ่งในพื้นที่ลงหลักปักฐานของโครงการ THE LINE Phahon-Pradipat และเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า ที่อยู่อาศัย และผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายเชื้อชาติ รวมถึงหลากหลายความถนัด
“ความตั้งใจของพวกเราคืออยากใช้ศักยภาพ ความหลากหลาย มาเปลี่ยนบริบทสภาพแวดล้อมในย่านเราให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการ Shaping Neighborhood”
– คุณปิยา ลิ้มปิติ ตัวแทน Tinkering Pot
กลุ่มนักออกแบบย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ –
นี่คือ 1 เสียงแห่งความมุ่งมั่นจาก Tinkering Pot กลุ่มนักออกแบบย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ ที่เปลี่ยนแนวคิดเดิมมาเป็นการเดินเท้าก้าวสู่การพัฒนา ปรับปรุง และจัดรูปจัดทรงพื้นที่ย่านนี้ให้คงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ยาวนานไปจนถึงอนาคต…ยาวนานชนิดที่ไร้ขอบเขตของเวลา เพื่อทุกๆ ชีวิตในย่านแห่งนี้ โดยผ่านการสนับสนุนและร่วมมือจากองค์กรมากมาย รวมถึงแสนสิริด้วยเช่นกัน
นี่คือการล้อมรั้วให้คนในย่านนี้ใช้ชีวิตอย่างจำกัด ไม่สะดวกสบาย ไม่เป็นตัวของตัวเองหรือเปล่า? บางคนอาจกำลังสงสัยอะไรแบบนี้ บอกได้เลยว่า “เปล่า” เพราะการลุกขึ้นมาร่วมมือพัฒนาพื้นที่ย่านนี้ เป็นการจัดการกับพื้นที่ชีวิตในเมืองอย่างสร้างสรรค์ ในแบบที่ช่วยให้คนที่อยู่ในพื้นที่ ได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพมากกว่าที่เคย
ตัวอย่างเช่น “7 Minutes Seat” ที่พักคอยแนวยาวริมฟุตบาท ที่พัฒนามาจาก workshop สุดเจ๋งอย่าง “Have a Rest” เพื่อตอบโจทย์คนเมืองย่านนี้แบบโดนใจเต็มๆ เพราะต่อให้ต้องยืนรอรถเมล์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือแท็กซี่ ในช่วงเวลาสั้นราว 7 นาทีนี้ ก็จะมีจุดให้พักนั่งพิง ปลดล็อกความเหนื่อยล้าระหว่างการเดินทางไปได้มากทีเดียว ที่สำคัญ ยังไม่ต้องไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางคนที่เดินสวนไปมา หรือพลัดตกลงถนนขวางรถให้หวาดเสียวกันเลย
อีกสิ่งที่ไม่เหลียวมองเห็นจะไม่ได้ ก็ต้องยกให้ผลงานจากการจับมือกันกับร้านค้ารถเข็นเพื่อที่จะลดและกำจัดขยะกองโตในแต่ละวัน เพราะทุกวันนี้นั้น ร้านค้ารถเข็นหรือร้านค้า street food เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งของขึ้นชื่อของไทย เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีขยะจากการค้าขายเกิดขึ้นมามหาศาล
และสิ่งที่กลุ่ม Tinkering Pot ได้เข้าไปลงมือปรับใหม่ ก็คือการหาทางออกที่มีประสิทธิภาพให้ทั้งร้านค้าและเมืองแห่งนี้อย่างไม่มีใครต้องช้ำใจ ไม่ว่าจะการแนะนำร้านค้าให้ส่งสารบอกเหล่าผู้ซื้อ ให้นำภาชนะมาใส่อาหารกลับไปฟินต่อที่บ้านแทนการใช้กล่องโฟม หรือการส่งต่อความรู้ให้ร้านค้าเหล่านั้นเข้าใจว่าการคัดแยกขยะเรียกได้ว่าเป็นอาวุธสำคัญในการออกสู้รบ สู่การมีชีวิตที่มีคุณภาพและอยู่อย่างยั่งยืนเลยก็ว่าได้
“ในระยะยาวเรามีเป้าหมายอยากให้เกิดความยั่งยืนในการรวมตัวกัน เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะการสนับสนุนความยั่งยืนในต้นทุนความคิดสร้างสรรค์”
– คุณนัฐพงษ์ พัฒนโกศัย ตัวแทน Tinkering Pot
กลุ่มนักออกแบบย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ –
ซึ่งโปรเจกต์ครั้งนี้ของ Tinkering Pot และแสนสิริ ได้เปิดโอกาสให้น้องๆ นิสิต นักศึกษาได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อการสร้างสรรค์ชุมชมที่ยั่งยืน ผ่านการทำ Workshop อย่างเข้มข้นตั้งแต่กระบวนการแรกๆ เพื่อส่งต่อแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคม จนออกมาเป็นผลงานทั้งสองชิ้นอย่าง 7 Minutes Seat และ Eats Meet Waste
“ผมเกิดปัญหาในใจว่าเรามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนเพื่อความยั่งยืนได้ไหม พอเห็นทางเเสนสิริได้จัด workshop จึงลงสมัครเข้าร่วมโครงการทันทีเพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาเเบบจริงๆ ถึงเเก่นของปัญหา เเละได้ฝึกระบบกระบวนการคิดใหม่ ที่สำคัญได้เรียนรู้วิธีการทำงานเเบบมืออาชีพ และเป็นทีมด้วยครับ”
– เมกวิน เมธีวรรณกุล
นักศึกษาจากวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้เข้าร่วมเวิร์คช็อป Eats Meet Waste –
“พื้นที่บริเวณย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ เป็นบริเวณที่รู้จักและน่าสนใจจึงอยากใช้สกิลที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ในการทำงานจริงๆ ได้ลงสนามจริงๆ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นจริงค่ะ”
– ภัทริกา นพฤทธิ์
นักศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมและการผังเมือง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้เข้าร่วมเวิร์คช็อป Have a Rest
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะ Tinkering Pot แสนสิริ น้องๆ นักศึกษา หรือหลายๆ คนที่ลุกขึ้นมาร่วมมือปรับพื้นที่ชีวิตในครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีใครอยากได้เวทีในการแสดงศักยภาพ หรืออยากได้รั้วบ้านมาตีกรอบชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ แต่อยากจะให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนแท้จริง พร้อมกับเปลี่ยนย่านเศรษฐกิจธรรมดาให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ น่าอยู่ และคงอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ
มาสัมผัสความกลมกล่อมของธรรมชาติ คน และศิลปะ ที่ผนวกกันเพื่อส่งต่อความยั่งยืนอย่างไม่หยุดยั้ง ไปพร้อมกันได้ในวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 14.00 -21.00 น. ที่โครงการ THE LINE Phahon-Pradipat
…ที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ซึ่งกำลังส่งสารเรียกหาทุกคน ให้เข้ามาสัมผัสและซึมซับการหลอมรวมความแตกต่างของธรรมชาติ ศิลปะ และผู้คน แล้วออกเดินหน้าสู่ความยั่งยืนไปด้วยกัน…