เวียนมาจบครบรอบปีอีกครั้งสำหรับการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
ในช่วงที่สภาพแวดล้อมทางด้านอากาศและมลภาวะไม่ค่อยเป็นใจสำหรับทั้งนักเตะและคนดู แต่ก็เดินหน้ากันไปครับ
เหมือนเดิมเช่นเคย พอดูรายชื่อนักเตะจากงานแถลงข่าวของทั้งสองทีม ไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น, อดิศร พรหมรักษ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, ชนานันท์ ป้อมบุปผา, นูรุล ศรียานเก็ม, หรือวีรเทพ ป้อมพันธ์ รวมถึงการมีข่าวว่าจะขอยืมตัวชนาธิป สรงกระสินธ์จากสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโรที่ญี่ปุ่น ผมยังนึกในใจว่านี่คือฟุตบอล All star ทีมชาติไทย หรือหรือฟุตบอลระหว่างสถาบันการศึกษา 2 แห่งของไทยกันแน่เนี่ยครับ
เป็นประเด็นความเห็นส่วนตัวของผมที่มองต่างมาโดยตลอด ผมว่าฟุตบอลแม็ตช์นี้ยังไงก็ตามน่าจะเป็นเวทีให้กับนักฟุตบอลที่เป็นตัวแทนของกองเชียร์น้องๆ นิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งสองที่มานั่งตากแดดดมฝุ่นกันครึ่งวัน
นั่นก็คือน้องๆ นักฟุตบอลที่ยังศึกษาอยู่ในสถาบัน ณ ขณะนั้น จะเป็นกลุ่มที่ได้โควต้านักกีฬาเข้าไปเรียนหรือเป็นพวกมีพรสวรรค์แต่ยังไม่ถึงขั้นนักฟุตบอลอาชีพก็ยังได้
ความบันเทิงจะเป็นในอีกรูปแบบหนึ่งไม่เหมือนมาดูนักฟุตบอลระดับอาชีพศิษย์เก่าเล่นปาหี่ให้คนดูกัน เวลาซ้อมด้วยกันก็แทบจะไม่มี แถมยังต้องเกรงใจสโมสรที่เค้าอนุญาตให้มาเล่นอีก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บก่อนเปิดฤดูกาลเสียด้วยซ้ำ นี่ยังไม่นับสโมสรอย่าง คอนซาโดเล ซัปโปโร ที่เค้าคงสงสัยว่าเกมนัดนี้จะสำคัญขนาดต้องขอให้ปล่อยตัวชนาธิปมาเลยเชียวหรือ
ไม่ได้จะมองแบบแง่ลบ แต่ผมไม่คิดว่านักฟุตบอลทุกคนที่ลงเตะจะมุ่งมั่นและเต็มที่เท่ากับน้องๆ นักศึกษาของจริงหรอกครับ ความอินและความฮึกเหิมมันจะมาพร้อมกับการลงสนามเล่นพร้อมกับมีเพื่อนๆ ร่วมคณะ ร่วมสถาบันตัวจริงนั่งเชียร์อยู่บนอัฒจรรย์มากกว่า
ส่วนกองเชียร์น้องๆ ที่ไม่ได้อินกับกีฬาฟุตบอลยิ่งแล้วใหญ่ อดิศร หรือ อดิศักดิ์เป็นใครก็ไม่รู้
จะเชียร์มันส์เท่าเชียร์เพื่อนที่เห็นหน้ากันตามคณะหรือโรงอาหารคงไม่ใช่…จริงไหมครับ