ในช่วงปีที่ผ่านมามีรายการเรียลลิตี้หลากหลายรูปแบบผลิตออกมามากมาย แต่รายการประเภทจับคู่เดตได้รับความสนใจและความนิยมเป็นพิเศษจากกระแสรายการ Single’s Inferno ของประเทศเกาหลี ด้วยคอนเซปต์ของรายการที่ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสมุมมองของความรักที่แสนจะครบรสชาติ ไม่ว่าจะหวานชื่น หรือขมปี๋ ที่ได้นำกลุ่มคนอยู่ร่วมกัน เพื่อให้ใช้เวลาและทำภารกิจด้วยกัน จนก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์และความรู้สึกดี ๆ เมื่อรายการจบลงคนที่สามารถหาคู่ได้ ก็สามารถออกไปสานสัมพันธ์กันต่อนอกรายการ ทำให้มีอีกหลายรายการที่มีคอนเซปต์ไม่ซ้ำเกืดขึ้นตามมา แต่ละรายการจะมีลูกเล่น มีความสนุกที่แตกต่างกัน ทำให้เห็นความรักที่มีหลากหลายรูปแบบ ใครมีรายการโปรด แนะนำกันได้ที่ใต้คอมเมนต์นี้เลยนะคะ
วันนี้แสนสิริ รวบรวมรายการเดตที่ไม่ได้จำกัดเรื่องเพศ หน้าตา หรือแม้แต่อาชีพ มาฝากกันค่ะ เพราะในวันนี้ที่ความหลากหลายได้ผลิบานไปทั่วโลก ทำให้เราได้เห็นความรักที่หลากหลายมากขึ้น และรายการหาคู่ในปัจจุบันที่เพิ่มมากขึ้น ก็นำเสนอคอนเซ็ปต์และรูปแบบที่แตกต่างและหลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น The Boyfriend รายการหาคู่สำหรับคู่รักเพศเดียวกันรายการแรกของญี่ปุ่น หรือ ToGetHer รายการหาคู่สำหรับแซฟฟิกรายการแรกของเกาหลีใต้ ซึ่งทั้งสองรายการนั้นก็เผยแพร่ในประเทศของตัวเองที่ไม่ได้มีกฎหมายสนับสนุนคู่รักเพศเดียวกัน มีความเป็นสังคมแบบอนุรักษ์นิยม แต่ก็ทำให้เราเห็นได้ว่ารายการเดตเป็นบทเรียนความหลากหลายในสังคมที่ประสบความเร็จอีกรูปแบบหนึ่งได้อย่างชัดเจนมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จะมีรายการไหนน่าติดตามบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ!
ที่แสนสิริเอง เราเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เพศ (Gender), ศักยภาพ (Ability) หรือ สถานะทางสังคม (Status) เพราะเราทุกคนล้วนมีบางจุดที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตในแบบของตนเอง และสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดนั้นได้ เมื่อเราไม่ถูกตัดสิน แสนสิริจึงอยากชวนให้สังคมหยุดตีกรอบ หยุดตัดสิน Just Don’t Judge แล้วเริ่มต้นด้วย “ความเข้าใจ” เพราะการเคารพในตัวตนของกันและกัน คือรากฐานของสังคมที่เท่าเทียมอย่างแท้จริง
อ่านเรื่องราวของ Live Equally ที่นี่ คลิก! https://siri.ly/vIM1p56
ToGether
เรียลลิตี้หาคู่เดทแซฟฟิกรายการแรกของเกาหลีใต้ ที่มาพร้อมคำนิยาม “เมื่อผู้หญิงตกหลุมรักผู้หญิง เรื่องราวความรักที่แท้จริงจึงเริ่มต้นขึ้น” โดยโฟกัสความรักของหญิงรักหญิง 7 คน บนเกาะเชจู ซึ่งแต่ละคนก็มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างหลากหลาย ผู้เข้าร่วมรายการจะพยายามหา “เธอคนนั้น” คนที่จะดึงดูดความสนใจและทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงที่สุด เราจะได้เห็นเหล่าคู่เดตออกไปทำกิจกรรมด้วยกัน เมื่อเกิดความรู้สึกสนใจใครสักคน พวกเขาจะพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกัน และหากรู้สึกผูกพันธ์ก็จะพยายามสานต่อความสัมพันธ์นี้ต่อไปให้นานที่สุดทั้งสองฝ่าย
นอกเหนือจากความตื่นเต้นของการพบปะครั้งแรกและความสัมพันธ์ที่เบ่งบานแล้ว ในรายการ ToGetHer ยังมีหลายตอนที่ทำให้เรารู้สึกซึ้งและความตึงเครียดไปพร้อมกันด้วย เป็นอีกรายการเดตที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดเข้มข้นและเต็มไปด้วยอารมณ์ ให้กับผู้ชมที่ากกว่ารายการเรียลลิตี้โชว์หาคู่รายการอื่นเช่นกันค่ะ
หลังจากออกฉายก็ได้รับความสนใจอยากล้นหลามในประเทศเกาหลีใต้ พบว่ามีทั้งคนเกาหลีที่บอกว่า “ในเกาหลีมี (LGBTQ) มากกว่าที่คนคิดไว้ หวังว่าเกาหลีจะเปิดกว้างมากขึ้น” / “ทุกคนกล้าหาญมาก นับถือ” / “ฉันหวังว่ารายการนี้จะช่วยทำลายอคติทางเพศในเกาหลี” ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผู้คนในวงกว้างของสังคมเกาหลีได้เห็นว่า ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงในสังคมมีอยู่จริง และไม่ใช่แค่ผู้เข้าร่วมรายการนี้เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก pinkvilla และ mirror thailand
The Boyfriend
เรียลลิตี้หาคู่สำหรับคู่รักเพศเดียวกันรายการแรกของญี่ปุ่น ผลงานของ ได โอตะ โปรดิวเซอร์รายการยอดนิยมอย่าง Terrace House กับการติดตามชีวิตของผู้ชาย 8 คนที่ต้องมาอยู่ร่วมกันในบ้าน “กรีนรูม” บ้านริมชายหาดนอกโตเกียวเป็นเวลาหนึ่งเดือน และผลัดกันทำงานในรถขายกาแฟสีเขียวเปปเปอร์มินต์ โจทย์หลักของรายการคือทั้ง 8 คนจะได้รับค่าใช้จ่ายร่วมกันเพียง 200,000 เยนภายในหนึ่งเดือน และเรียนรู้นิสัยใจคอกันผ่านการทำกิจการ โดยเป้าหมายคือการได้พบกับคู่รักในอนาคตหรืออาจจะจบลงแค่ความเป็นเพื่อนก็ได้
หลังออกฉาย The Boyfriend ติดอันดับ Top 10 ในลิสต์ซีรีส์ของ Netflix ที่มีคนรับชมมากที่สุดทั้งระดับโกลบอลและในประเทศญี่ปุ่นติดต่อกันถึง 6 สัปดาห์ เพราะความพิเศษของ The Boyfriend ที่แม้จะเป็นรายการเรียลิตี้ แต่ในรายการไม่ได้มีการแข่งขัน การแบ่งฝ่าย หรือคัดคนออก จะเน้นเรื่องการสร้างมิตรภาพเพื่อให้ได้พบกับเพื่อนหรือคู่รักเท่านั้น รายการทำให้เรื่องรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด จึงทำให้ได้อารมณ์เหมือนความรักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติให้คนดูได้ร่วมลุ้นไปกับผู้ร่วมรายการ
ขอบคุณข้อมูลจาก the standard
Possessed Love
รายการหาคู่ที่ผู้เข้าร่วมรายการทั้ง 8 คน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีพลังพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ร่างทรง หมอดูไพ่ทาไรต์ หรือจะเป็นผู้มีความสามารถด้านการดูโชคชะตาจากซาจู ที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกันเป็นเวลา 1 อาทิตย์ โดยผู้เข้าร่วมทุกคนต่างก็ใช้พลังของตนเองในการเสาะหาคู่ที่เป็นดั่งโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตมาให้ และผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องเลือกคนที่ตนถูกชะตาจากการดูแผ่นป้ายชะตาเท่านั้น
ความสนุกของรายการคือไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเลือกคู่รักเท่านั้น ยังมีการท้าทายและกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้เข้าแข่งขันต้องทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์ในสถานการณ์ต่างๆ การทำพิธีกรรม หรือแม้กระทั่งการทำสมาธิเพื่อค้นหาคำตอบจากจิตวิญญาณ ทำให้เราเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าระหว่าง ‘คำสั่งที่โชคชะตาฟ้าลิขิตมาให้’ หรือ ‘การทำตามเสียงหัวใจ’ ผู้เข้าร่วมรายการจะเลือกเส้นทางไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก hallyukstar
His Man
รายการเรียลลิตี้หาคู่ที่มีผู้ร่วมรายการเป็นเพศเดียวกันรายการแรกของเกาหลีใต้ ที่ให้นิยามรายการว่าเป็น “พื้นที่สำหรับคนรักเพศเดียวกัน” โดยนำผู้ร่วมรายการผู้ชายทั้งหมด 8 คน มาอยู่ในที่เดียวกัน พร้อมทั้งมีการวางภารกิจให้ทุกคนมีโอกาสศึกษาดูใจ และทุกเย็นจะต้องเข้าไปในตู้โทรศัพท์ โทรบอกความในใจกับคนที่รู้สึกดีด้วย ภายในเวลา 30 วินาที ก่อนท้ายที่สุดผู้ร่วมรายการทุกคนจะต้องเลือกผู้ชาย 1 ใน 7 คนไปเดตด้วยหลังจบรายการ
ความสนุกของรายการนอกจาก ความเศร้า ความสุขแบบครบรสแล้ว ยังทำให้เราได้เห็นมุมมองเรื่องความรัก ของผู้เข้าร่วมรายการที่กล้าจะทำตามหัวใจตัวเองเพื่อตามหาความรัก โดยไม่ต้องมีข้อจำกัดเรื่องเพศ จากคนที่ไม่รู้จักกัน ได้มาสร้างความทรงจำที่ดีในรายการ เกิดเป็นความสัมพันธ์คู่เพื่อน พี่น้อง และคนรัก กันท้ายที่สุด เป็นอีกรายการที่ดูแล้วรับรู้ถึงความห่วงใยและความรักที่ส่งผ่านรายการได้เลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก true id และ mango zero
Love Is Blind
รายการจับคู่เดตที่ได้รับความนิยมในหลากประเทศ จากความแปลกใหม่ เพราะทางรายการจะทำการนำผู้ร่วมรายการมาอยู่ในห้องรังผึ้งของตัวเอง โดยผู้ร่วมรายการทั้งสองฝั่งจะไม่เห็นหน้ากันเลย ทำได้แค่ออกเดตผ่านการพูดคุยผ่านกำแพงเป็นเวลา 10 วัน หลังจากนั้นถึงจะทำการเลือกคนที่ตรงใจมากที่สุด เพื่อออกมาเดตกันจริง ๆ โดยเรียนรู้ชีวิตจริง ความเป็นอยู่ ครอบครัว เพื่อนฝูงของอีกฝ่าย ความพิเศษของรายการนี้คือจะมีการติดตามชีวิตของผู้ร่วมรายการไปเรื่อย ๆ จนถึงทั้งคู่ไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ของอีกฝ่าย ไปจนถึงวันจัดงานแต่งงานกันเลยทีเดียว
ถือเป็นรายการที่มีรูปแบบไม่เหมือนที่ไหน เพราะผู้เข้าร่วมจะไม่เห็นหรือรู้อะไรเกี่ยวกับคู่เดตของตัวเองเลย ทำให้เราสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของความรักได้ ทั้งในเรื่องเพศ ฐานะการงาน หรือรูปร่างหน้าตาด้วยก็ตาม ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ เพราะมีคู่รักจากหลากหลายซีซั่นที่สามารถสานสัมพันธ์ต่อได้จริงๆ หลังจบหลายการ และมีอีกหลายคนที่ได้ค้นหาตัวเองจนเจอ และได้ come out หลังจบรายการว่าตัวเองเป็นเกย์หรือ
Queer เช่นกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก wongnai