Donald Trump!!

ช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมาคงไม่มีเรื่องไหนที่ดึงความสนใจคนทั่วโลกได้มากกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาและการได้มาซึ่ง “ว่าที่ประธานาธิบดี” ที่มีชื่อว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสร้างความเซอร์ไพรส์และตกใจแตกตื่นให้กับหลายๆ คน จะว่าไปโลกของเราช่างเต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจนะครับ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ผลการโหวตการแยกตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษที่เราเรียกกันติดปากว่า Brexit ออกมาหรือตอนที่ Leicester ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ใครก็ตามที่ลงพนันไว้ทั้งสามเรื่องแล้วถูกทั้งสามเรื่องได้นี่ผมว่ากลายเป็นมหาเศรษฐีทันทีแน่นอน

ที่ผมพูดถึงเรื่องของโดนัลด์ ทรัมป์ครั้งนี้ก็เพราะว่าตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคือตำแหน่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพของโลก ฯลฯ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าการหาเสียงของนายทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเรื่องที่สร้างความแตกแยกทางความคิดอย่างมากอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดในการปิดกั้นทางการค้าและมองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นหลักแบบเห็นแก่ตัวหน่อยๆ หรือแนวทางการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัย การกีดกันคนต่างด้าว การพูดถึงการสร้างกำแพงกั้นไม่ให้เพื่อนบ้านชาวเม็กซิกันข้ามดินแดนมายังสหรัฐฯ ซึ่งมองในมุมของแฟนกีฬาคนหนึ่งกรณีนี้ก็น่าสนใจตรงที่ว่าชัยชนะในครั้งนี้ของทรัมป์จะมีนัยยะอะไรต่อวงการกีฬาโลกบ้างหรือเปล่า

เรื่องแรกเลยที่นักวิเคราะห์ด้านกีฬามองก็คือการพยายามเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคในปี 2024 ของนคร ลอส แอนเจลิสซึ่งต้องแข่งขันกับกรุงปารีสและบูดาเปสต์อาจจะกลายเป็นข้อเสียเปรียบของสหรัฐฯ กับการได้ประธานาธิบดีอย่างนายทรัมป์ เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะการที่จะได้ชัยชนะในการเสนอตัวนั้นจะต้องได้รับการลงคะแนนเสียงจากประเทศสมาชิก IOC ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าหลายประเทศที่จะได้ผลกระทบในทางลบอย่างชัดเจนจากนโยบายของนายทรัมป์คงจะไม่โหวตให้กับ ลอส แอนเจลิสเป็นแน่ และเริ่มมีเสียงออกมาจากสมาชิกบางประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายประเภทเอาประเทศตัวเองเป็นหลักของนายทรัมป์ตอนหาเสียง เพราะนั่นหมายถึงการขาดผู้นำที่แข็งแกร่งที่เต็มใจของโลกเสรีที่จะช่วยพยุงสภาวะสมดุลย์ของระบบระหว่างประเทศ นอกจากนี้แล้วนโยบายของนายทรัมป์ที่ถูกมองว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติและไม่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมในสิทธิของคนแต่ละเชื้อชาติ โดยเฉพาะแนวทางการส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศและการกีดกันชาวมุสลิมเป็นแนวความคิดที่มีน้อยคนนักที่จะเห็นด้วย ดังนั้นคงไม่แปลกถ้าหากประเทศสมาชิกอื่นๆ จะลงคะแนนเสียงให้กับเมืองคู่แข่งอันดับหนึ่งอย่างปารีสครับ

อีกมหกรรมกีฬาหนึ่งที่สหรัฐฯ อเมริกาอาจจะชวดการเป็นเจ้าภาพก็คือฟุตบอลโลกปี 2026 เนื่องมาจากการที่ FIFA เริ่มมองถึงการขยายทีมที่เข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายเป็น 48 ทีมมีแม็ตช์แข่งขันมากขึ้น และภาระของประเทศที่เคยเป็นเจ้าภาพในอดีตที่สุดท้ายแล้วไม่สามารถตอบคำถามเรื่องการลงทุนอันมหาศาลกับการรับภาระเป็นเจ้าภาพคนเดียวและเสียเงินลงทุนเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็น (อย่างกรณีบราซิลล่าสุด) ทำให้มีแนวทางออกมาจาก FIFA ที่จะพิจารณาการเป็นเจ้าภาพร่วมเหมือนอย่างที่ฟุตบอล EURO เคยทำมาแล้ว ซึ่งอันที่จริงแล้ว สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกเจ้าภาพร่วมที่ดูเหมาะสมมากที่สุด ณ ตอนนี้

ดังนั้น ถ้าหากสหรัฐฯ สนใจที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วม แต่เพื่อนบ้านที่แค้นเคืองจากนโยบายอันสุดโต่งในเรื่องของการกีดกันชาวเม็กซิกันของนายทรัมป์ อาจส่งผลทำให้รัฐบาลและประชาชนเม็กซิโกไม่ปรารถนาที่จะร่วมลงขันเป็นเจ้าภาพกับสหรัฐฯ ซึ่งก็คงจะทำให้โอกาสที่จะมีฟุตบอลโลกในประเทศเจ้าภาพร่วมอย่างที่ FIFA ต้องการเป็นไปได้ยาก เพราะสิ่งสำคัญก็คือประเทศเจ้าภาพจะต้องได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาลประเทศนั้นๆ แม้จะสามารถล็อบบี้ในระดับรัฐบาลกันได้แต่ด้วยความรู้สึกของประชาชนเม็กซิกันที่ต่อต้านนายทรัมป์ เชื่อว่ารัฐบาลเม็กซิโกคงไม่อยากฝืนใจประชาชนตัวเองเพื่อเอาใจทรัมป์หรอกครับ

อีกเรื่องที่นักวิเคราะห์มองกันไว้ก็คือโอกาสในการขยายธุรกิจ franchise ของทีมกีฬาในสหรัฐฯ สู่ตลาดโลก เพราะนโยบายของนายทรัมป์ที่บอกไว้ตอนหาเสียงว่าจะยุติความสัมพันธ์ทางการค้าหลายดีลกับหลายๆ ประเทศหรือการรีวิวกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ เสียใหม่ จะส่งผลให้มีหลายประเทศที่จะต้องเสียเปรียบทางการค้ากับนโยบายดังกล่าว แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับความพยายามของ franchise กีฬาประจำชาติสหรัฐฯ ต่างๆ ที่พยายามขยายออกไปหาฐานแฟนๆ ใหม่ๆ ในต่างประเทศเพื่อหวังผลในเชิงพาณิชย์

ที่ผ่านมาผู้บริหารของทั้ง NBA, NFL และ MLB (เมเจอร์ลีกเบสบอล) ได้มีความคิดที่จะเอากีฬาทั้งสามอย่างนี้ออกไปหาลูกค้าใหม่ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งเราก็ได้เคยเห็นการแข่งขันกีฬาทั้งสามอย่างนี้ในเมืองใหญ่ๆ อย่างลอนดอน บาร์เซโลน่า ริโอ เดอ จาเนโร เซี่ยงไฮ้ หรือเบอร์ลิน แต่ลองนึกภาพดูสิครับว่าถ้าหากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายทรัมป์ เกิดตั้งกำแพงภาษีใหม่กับสินค้านำเข้าจากจีนให้สูงขึ้นเป็น 45% อย่างที่เค้าหาเสียงเอาไว้ คิดหรือครับว่าทางการของจีนจะเต็มใจให้ franchise กีฬาเหล่านี้เข้าไปเปิดตลาดในจีนได้ง่ายๆ ไม่มีทางหรอกครับ นั่นยังไม่รวมถึงการแก้เผ็ดในด้านอื่นๆ เช่นการทำให้วีซ่าของทีมเข้าประเทศได้ยากขึ้น การยกเลิกมาตรการภาษีสำหรับหน่วยงานของทีมต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศนั้นๆ เพื่อดูแลผลประโยชน์ด้านการค้า ฯลฯ

เรื่องสุดท้ายที่แฟนๆ บอลอาจจะต้องจับตาดูก็คือกรณีของการที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ กล้าที่จะเดินหน้าเปิดคดีและจับกุมตัวผู้บริหารของ FIFA ในปีที่ผ่านมาไปตั้งหลายคนในกรณีทุจริตในหน้าที่ ซึ่งถ้าหากเกิดการเปลี่ยนชุดคณะผู้บริหารประเทศ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าความพยายามในการดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้จะได้รับความสำคัญและเดินหน้าต่อไปหรือไม่ ซึ่งกรณี FIFA นี้น่าจะเป็นกรณีเดียวที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์จะสามารถสร้างคะแนนบวกให้ตัวเองในแวดวงสังคมกีฬาโลก เพราะเรื่องอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้นดูเหมือนจะไม่เอื้อกับคะแนนนิยมของสหรัฐฯ เสียเลย

CEO OF SANSIRI PLC

Related Articles

The-Beach

The Beach บทเรียนที่สำคัญที่ต้องไม่ซ้ำรอย

อ่านข่าวช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ก็น่ายินดีที่ประเทศไทยเรามีนโยบายการสนับสนุนส่งเสริมการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร โดยเป็นโอกาสหนึ่งในการดึงเงินลงทุนและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนด้านการท่องเที่ยวได้หลายพันล้านบาท อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้แรงงานในวงการภาพยนตร์ไทยมีโอกาสได้รับการว่าจ้างจากผู้สร้างภาพยนตร์เหล่านี้ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องนี้ถูกพูดถึงขึ้นมาก็อดนึกไปถึงกรณีของภาพยนตร์เรื่อง The Beach ที่มีการยกกองมาถ่ายทำที่หาดมาหยา บนเกาะพีพีเล จังหวัดกระบี่ เมื่อปี 2541 ไม่ได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว กับสภาพแวดล้อมของหาดมาหยา และผลกระทบที่เกิดกับระบบนิเวศในบริเวณนั้น เป็นบทเรียนสำคัญเรื่องหนึ่งของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตื้นที่เปราะบาง การขุดขยายหาดให้กว้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับบทของภาพยนตร์

ai-Artificial intelligence

AI ปัญญาประดิษฐ์ นวัตกรรมเปลี่ยนโลก

เทคโนโลยีตัวหนึ่งที่ถูกพูดถึงกันมากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา คือ ตัวปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า ChatGPT (Chat + GPT ตัวย่อของคำว่า “generative pre-trainedtransformer” ซึ่งเป็นโมเดลประมวลผลทางภาษาประเภทหนึ่ง) ที่ถูกปล่อยออกให้คนทั่วไปได้ลองใช้ในโลกออนไลน์ อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ผมว่าเราทุกคนต้องทำความเข้าใจให้ดีๆ เพราะผมมองว่าเจ้าปัญญาประดิษฐ์มีโอกาสที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง องค์ประกอบหลายๆ อย่างทางเศรษฐกิจอย่างพลิกฝ่ามือได้เลยทีเดียว มองย้อนกลับไปในอดีต

ทรงอย่างแบด

ปรากฏการณ์ “ทรงอย่างแบด” : ความซับซ้อนของพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

ปรากฏการณ์ “ทรงอย่างแบด” เป็นเรื่องที่ผมทึ่งกับวิถีสังคมของเด็กรุ่น Gen Millennials และ Alpha ที่ส่งอิทธิพลต่อมาถึงคนรุ่น Boomer และ X Y ได้อย่างน่าสนใจ ถ้าเราไม่ได้คุยกับเด็กรุ่นใหม่ หรือเอาตัวเข้าไปอยู่ในสื่อโซเชียลที่เด็กยุคใหม่คุยกัน ก็คงจะงงกันว่าประโยคนี้คืออะไร แล้วคำขวัญของผู้ว่าฯ มาจากไหน ถือเป็นตัวอย่างของช่องว่างทางความคิด สังคม