จากต้นตอสู่การรับมือ
รวมทุกมิติชวนรู้
ไฟป่าภาคเหนือ
ในฤดูร้อม

รวมทุกมิติชวนรู้ ทำไมเหตุการณ์ไฟป่าในภาคเหนือต้องมาพร้อมฤดูร้อน?

ในโอกาสวันคุ้มครองโลก (Earth Day) 22 เมษายนนี้ แสนสิริขอเป็นส่วนสำคัญเพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนและหน่วยงานต่างๆ เกิดความเข้าใจ เรียนรู้ ปรับปรุง และร่วมฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ตามจุดประสงค์ของเกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) ที่ได้ก่อตั้งวัน Earth Day ขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เพื่อระลึกถึงจุดกำเนิดของการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมสมัยใหม่ ให้หลายๆ คน บริษัท และประเทศต่างๆ ได้ขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลงนโยบายให้รับกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น

และจากข่าวความเสียหายของเหตุการณ์ไฟป่าในภาคเหนือที่เราได้ยินกันบ่อยครั้งเมื่อต้นปี ยิ่งทำให้เราทุกคนต้องหันมาใส่ใจและเรียนรู้ปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เริ่มจากภาคเหนือของประเทศไทยที่ว่าทำไมไฟป่ามักเกิดขึ้นในภาคเหนือ…และมาพร้อมฤดูร้อน

วันนี้แสนสิริขอพาคุณทำความเข้าใจทุกมิติปัญหาไฟลามป่าในภาคเหนือ ตั้งแต่ต้นตอ องค์ประกอบของไฟ ไปจนถึงการเตรียมพร้อมรับมือไฟป่าในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นซ้ำๆ ได้อีก จากการตรวจจับของดาวเทียมพบว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจุดความร้อนสะสมมากกว่า 38,151 จุดแล้ว พบหนักที่สุดในจังหวัด ตาก ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน และเชียงใหม่ ทำให้หลายส่วนเฝ้าระวัง จับตาดูวิกฤตไฟป่าภาคเหนือที่มีโอกาสเกิดซ้ำ และนั่นย่อมนำมาสู่ปัญหามากมายตั้งแต่ระดับชุมชน สังคม ไปจนถึงเศรษฐกิจ เรียกได้ว่ามากกว่าปัญหาค่าฝุ่นเกินมาตรฐานที่หลายคนเป็นกังวลแน่นอน

ความเสียหายจากปัญหาไฟป่า ถือเป็นความเสียหายระดับประเทศซึ่งพบเจอได้ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทย สิ่งนี้คือกระจกสะท้อนให้เราทุกคนต้องหันมาทำความเข้าใจต้นตอปัญหา เข้าใจมิติของการเกิดไฟป่าที่ซับซ้อนกว่าการจุดไฟเผาวัชพืช และร่วมกันพัฒนาวิธีการรับมือปัญหาไฟป่าให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่เรา ชุมชน สัตว์ป่า และพันธุ์ไม้ทั้งหลายจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย สามารถยืนมองท้องฟ้าฤดูร้อนได้อีกครั้งโดยไม่ต้องกังวล 

ทำความเข้าใจ “สามเหลี่ยมไฟ” (Fire Triangle) 3 องค์ประกอบหลักที่ทำให้เกิดการลุกไหม้ของไฟในป่า เพราะหากขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไปแล้ว ไฟป่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้

สามเหลี่ยมไฟแรก : เชื้อเพลิง (Fuel) 
คืออินทรียสารทุกชนิดที่มีคุณสมบัติติดไฟได้ง่าย เช่น หญ้าแห้ง วัชพืช กิ่งไม้ ต้นไม้ ตอไม้ ดินอินทรีย์ และชั้นถ่านหินใต้ผิวดิน นอกจากนี้เชื้อเพลิงยังรวมถึงวัสดุไวต่อไฟ อย่างบ้านเรือน โรงนา สิ่งปลูกสร้างต่างๆ

สามเหลี่ยมไฟที่สอง : อากาศ (Air) 
อากาศคือแหล่งสะสมออกซิเจนชั้นดี ซึ่งออกซิเจนเป็นตัวทำปฏิกิริยาสำคัญก่อให้เกิดกระบวนการเผาไหม้ ความรุนแรงของการเผาไหม้นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณออกซิเจนในป่า ที่แปรผันตามทิศการเคลื่อนไหวและความเร็วลมนั่นเอง

สามเหลี่ยมไฟที่สาม : แหล่งความร้อน (Heat Source) 
คือตัวจุดประกายไฟที่ทำให้เกิดไฟป่า มีทั้งแหล่งความร้อนธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า การผลัดใบหรือเสียดสีของใบไม้ กิ่งไม้ หรือการระเบิดของภูเขาไฟ ในขณะที่แหล่งความร้อนจากมนุษย์มาจากกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟ เช่น เผาหญ้า เผาขยะ การทิ้งก้นบุหรี่ หรือการตั้งแคมป์

3 องค์ประกอบนี้คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดสามเหลี่ยมไฟ นำไปสู่การเกิดไฟลุกลามได้ แต่จากสถิติไฟป่าที่ตรวจพบในปัจจุบันมักมาจากกิจกรรมของคนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการลอบวางเพลิง การเผาขยะ หรือกิจกรรมเพื่อการเกษตร อย่างการเผาวัชพืช เผาเพื่อหาของป่า จนอาจทำให้เชื้อไฟถูกกระแสลมพัดกระจายไปตกยังพื้นที่ป่าใกล้เคียง นำมาสู่ไฟป่าที่ลุกลามจนยากจะควบคุม

ที่มา: National Geographic ประเทศไทย

หลายครั้งไฟป่าที่เกิดในและต่างประเทศอาจดูคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วไฟป่ามีความแตกต่างกันตามแต่ชนิดการเกิด โพสต์นี้เราขอชวนคุณทำความเข้าใจมิติที่ต่างกันของชนิดไฟป่า เพื่อรับมือและป้องกันการเกิดไฟให้ดียิ่งขึ้น

ไฟใต้ดิน เกิดจากการลุกไหม้ของอินทรียวัตถุใต้ดิน เกิดในป่าเขตอบอุ่นบนพื้นที่สูง เพราะมีอากาศหนาวเย็นและมีปริมาณอินทรียวัตถุสะสมแน่นบนหน้าดิน ไฟใต้ดินนี้สามารถเผาไหม้ลึกและเคลื่อนที่ลามช้าๆ ใต้ผืนป่า มองไม่เห็นเป็นไฟลามขนาดใหญ่ จึงตรวจพบได้ยาก แต่กลับสร้างความเสียหายให้ป่าไม้มากที่สุด เพราะไฟทำลายถึงรากไม้ ทำให้ต้นไม้ตายตามไปในที่สุด

ไฟผิวดิน ไฟป่าที่ลามตามพื้นดิน เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงบนพื้นดิน เช่น ใบไม้ กิ่งไม้แห้งที่ตกสะสม หรือจากพุ่มไม้ กอหญ้า และลูกไม้ต่างๆ ไฟผิวดินพบได้บ่อยสุดทั่วภูมิภาค ถือเป็นไฟที่ความรุนแรงขึ้นกับประเภทเชื้อเพลง ส่งผลให้ต้นไม้เจริญเติบโตช้า เกิดโรค แต่ไม่ได้ทำให้ต้นไม้ใหญ่ตาย

ไฟเรือนยอด เป็นไฟที่ลามจากยอดไม้หรือไม้พุ่มหนึ่งไปยังอีกยอด ส่วนมากมักเกิดในป่าสนเขตอบอุ่น เป็นไฟที่มีการลามรวดเร็วและเป็นอันตรายจากความสูงของเปลวไฟ อาจสูงได้ตั้งแต่ 10 – 50 เมตร และต้องระวังลูกไฟจากเรือนยอดที่อาจตกบนพื้นป่า เกิดเป็นเปลวไฟตามผิวดินอีกด้วย

ที่มา: National Geographic ประเทศไทย

ต้นปีนี้ประเทศไทยมีจุดความร้อนสะสมมากกว่า 38,151 จุดไปแล้ว!! ว่าแต่จุดความร้อนคืออะไร และสามารถเป็นเครื่องชี้วัดการเกิดไฟป่าได้ดีแค่ไหน?

จุดความร้อน หรือ Hotspot คือจุดที่มีอุณหภูมิสูงหรือมีค่าความร้อนสูงผิดปกติ สามารถตรวจพบได้จากดาวเทียม ซึ่งจุดความร้อนส่วนใหญ่เป็นความร้อนจากไฟ เสี่ยงต่อการเกิดไฟลามนั่นเอง

ข้อมูลจากดาวเทียม GISTDA พบว่าไทยมีปรากฏการณ์จุดความร้อนกระจายพร้อมกันแทบทุกจังหวัดของภาคเหนือ ต้นปี 2568 นี้ พบจุดความร้อนสะสมต่อพื้นที่หนาแน่นที่สุด โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลําปาง ลําพูน เชียงราย แพร่ อุตรดิตถ์ น่าน และพะเยา และไฟบางส่วนได้ลามไปในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่ชุมชนใกล้ชายแดน

จากสถิติพบว่าฤดูแล้งของไทยมักเกิดจุดความร้อนสะสมต่อเนื่อง โดยเฉพาะเดือนมี.ค. ที่พบจุดความร้อนสูงถึง 14,000 จุด จนเกิดไฟป่าขึ้นในหลายพื้นที่ ค่าฝุ่น PM2.5 จึงเพิ่มสูงตามจากเหตุไฟไหม้ ตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค. และเริ่มลดลงอีกทีในเดือนพ.ค. เรียกว่าระดับฝุ่นละออง PM 2.5 ในหลายจังหวัดของภาคเหนือพุ่งสูงในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

จุดความร้อนในภาคเหนือตอนบนมาจากลักษณะพื้นที่ที่ต่างกัน ปี 2566 มีการตรวจพบจุดความร้อนสูงสุดถึง 56,684 จุด เกิดในพื้นที่ป่า 76.5% จากภูมิภาคที่เป็นป่าเขาสูงและมีป่าไม้มาก และเกิดในพื้นที่เกษตรอีก 23.1%

ที่มา: National Geographic ประเทศไทย

บ่อยครั้งไฟป่าในประเทศไทยมักเกิดขึ้นที่หลายๆ จังหวัดในภาคเหนือ แต่ทำไมต้องเป็นภาคเหนือ? จากทำเลที่ตั้ง จากประเทศเพื่อนบ้าน หรือมาจากกิจกรรมของมนุษย์? วันนี้เราขอชวนทุกคนส่องมิติที่หลากหลาย ค้นดูปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดไฟป่าในภาคเหนือไปพร้อมกัน 🧐

ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์
ภูมิศาตร์ที่ตั้งภาคเหนือ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดไฟป่า ด้วยภูมิภาคที่เป็นภูเขาสูง โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนที่เป็นพื้นที่แอ่งกระทะ

ภาคเหนือมีพื้นที่ป่าจำนวนมาก ทั้งป่าผลัดใบ ไม่ผลัดใบ และป่าผสม ซึ่งตรวจพบจุดความร้อนสะสมมาก โดยเฉพาะในป่าผลัดใบ ที่มีจุดความร้อนสะสมมากถึง 54% จากปี 2566 ป่าผลัดใบจะผลัดใบพร้อมกันทั้งป่าเพื่อลดการคายน้ำ โดยเฉพาะช่วงที่อากาศแห้ง ซึ่งใบไม้เหล่านั้นจะถูกย่อยสลายเป็นสารอาหารให้ต้นไม้ต่อไป จึงกล่าวได้ว่าไฟป่าคือกลไกย่อยสลายหนึ่งของป่าผลัดใบ แต่การเกิดไฟป่ามากไปนั้นย่อมเป็นอันตรายแน่นอน

จากภูมิศาสตร์ที่ติดประเทศพม่าและลาว ส่งผลให้บางครั้งหากเกิดไฟป่าในประเทศเพื่อนบ้าน อาจลุกลามมายังภาคเหนือตอนบน

ปัจจัยด้านการเกษตร
ภาคเหนือทำการเกษตรจำนวนมาก ทั้งปลูกข้าวโพด ข้าว อ้อย และเกษตรกรยังคงเผาพืชไร่เหล่านี้เพื่อเก็บเกี่ยวอยู่เรื่อยๆ สถิติพบว่าไร่ข้าวโพดมีการเผามากที่สุด จึงมีจุดความร้อนสะสมสูง

นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีวิธีหาของป่าแบบเดิมๆ นั่นคือการใช้ไฟเผาป่า เพื่อไล่การหาของป่าต่างๆ หรือเผาเพื่อเร่งการเติบโตของพืชบางประเภท เช่นเห็ดเผาะ ผักหวาน หน่อไม้

ด้วยมิติด้านภูมิศาสตร์และการเกษตรต่างส่งผลให้ภาคเหนือของไทยเป็นภูมิภาคที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยเหล่านี้ย่อมลดลงได้ หากเราทุกคนทำความเข้าใจและพร้อมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพื่อไม่ให้เกิดไปลามป่าต่อไป

แน่นอนว่าผลกระทบจากไฟป่า ไม่ได้เกิดแค่กับสัตว์ป่า หรือชุมชนที่อยู่ระแวกนั้น แต่ยังส่งผลกระทบวงกว้างไปถึงระดับสังคมและเศรษฐกิจอีกด้วย

ทรัพยากรธรรมชาติทางป่าไม้ คือการสูญเสียทางนิเวศวิทยาที่เห็นชัดสุดเมื่อเกิดไฟป่า เพราะความหลากหลายทางชีวภาพถูกทำลาย พืชพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นถูกทำลายและไม่สามารถทดแทนได้ นำไปสู่การสูญพันธ์ุในที่สุด และดินยังเสียความอุดมสมบูรณ์ เสื่อมโทรมตามไป

ความเสียหายจากไฟป่าต่อสิ่งมีชีวิตนับว่ารุนแรงไม่ต่างกัน เนื่องจากสัตว์สูญเสียที่อยู่อาศัย ทำให้ต้องหนีไปพื้นที่ใหม่ เสี่ยงต่อการถูกล่า ความอดอยาก และอาจขัดแย้งกับมนุษย์ได้ สำหรับคนในชุมชนมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ จากการสูดดมควันไฟและเถ้าถ่าน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเครียด ความสูญเสียทางจิตใจ และความเสี่ยงอันตรายจากการเกิดไฟป่าแต่ละครั้งอีกด้วย

สำหรับความเสียหายในระดับชุมชน สังคม และเศรษฐกิจ ไฟป่ามักทำให้แหล่งน้ำในชุมชนปนเปื้อนสารเคมี เศษขยะ นำมาซึ่งความเสี่ยงจากโรคทางน้ำในคนและสัตว์ และเป็นอันตรายต่อการทำการเกษตรด้วยเช่นกัน นอกจากนี้สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในชุมชน และโครงสร้างพื้นฐานย่อมถูกทำลาย ทำให้ประชาชนและสังคมเจอความยากลำบาก

การดำรงชีวิตของชุมชน การเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวล้วนได้รับผลกระทบ ต้องการการฟื้นฟูป่าให้กลับมาเจริญงอกงามดังเดิม การฟื้นฟูสังคมให้กลับมาใช้ชีวิตได้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักดังเดิม

อย่างเหตุการณ์ไฟไหม้ในจ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เกษตรกรที่แสนสิริทำงานด้วยที่อ.กัลยาณิวัฒนา ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้นกาแฟเกิดความเสียหายหนัก แสนสิริได้มอบเครื่องเป่าใบไม้ ใช้เป็นอุปกรณ์สร้างแนวกันไฟ เพื่อช่วยปกป้องผลผลิตกาแฟให้ปลอดภัย และยังได้มอบต้นกล้ากาแฟจำนวน 10,000 ต้น เพราะเรามองว่าการป้องกันจากจุดเล็กๆ เหล่านี้ย่อมทำให้ป่าอยู่ได้ ผลผลิตและชุมชนก็จะอยู่ได้ตามไปอย่างยั่งยืนแน่นอน

มิติการเรียนรู้เรื่องไฟป่านั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเข้าใจถึงเหตุผลการเกิดขึ้นของไฟป่าแล้ว ย่อมมีการเรียนรู้เพื่อรับมือความเสี่ยงที่อาจมาจากไฟป่าได้อย่างมั่นคง

การป้องกันความเสี่ยงจากไฟป่าตั้งแต่แรกเริ่ม ย่อมดีกว่า เรียกว่าเป็นการป้องกันก่อนเกิดเหตุที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดวัสดุที่อาจเป็นเชื้อเพลิงไฟ อย่างเศษไม้ ก้นบุหรี่ หรือวัสดุไวไฟต่างๆ ไปจนถึงการเลี่ยงทำกิจกรรมเสี่ยงติดไฟใกล้แนวชายป่า อย่างการตั้งแคมป์ และสำหรับภาคเกษตรนั้น แน่นอนว่าการเปลี่ยนจากการเผาพืชไร่ เผาวัชพืชมาเป็นการฝังกลบแทนย่อมดีกว่า นอกจากนี้การเตรียมความพร้อมสำหรับชุมชนที่อยู่ใกล้แนวชายป่า คือการทำแนวคันดิน ขุดร่องดินเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟป่า และแน่นอนว่าการป้องกันที่ดีที่สุดคือการเพิ่มพื้นที่ป่า และลดการตัดไม้เพื่อความยั่งยืนของระบบนิเวศ

แต่หากเกิดไฟลามป่าไปแล้ว ข้อควรปฏิบัติที่สำคัญที่สุดคือการหลบหนีออกจากพื้นที่นั้นโดยไว และควรหลบให้พ้นสิ่งของหรือวัสดุที่อาจติดไฟจนหล่นลงมาได้ อย่างเศษไม้ หญ้า หรือกิ่งไม้ ระหว่างการอพยพจากเหตุไฟป่าแนะนำพยายามไม่สูดดมควันไฟ หากทำได้ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดจมูกระหว่างหลบหนี

การป้องกันและรับมือเหล่านี้เป็นข้อปฏิบัติเบื้องต้นที่เราสามารถทำได้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไฟลามป่า แต่สุดท้ายแล้วเราเชื่อว่าปัญหานี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และได้รับความใส่ใจอย่างเต็มที่ เพื่อให้ป่า ชุมชน และสังคมสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

CONTRIBUTOR

Related Articles

รวม 5 ภาพยนตร์ของ ตัวละครสุด Tricky แยบยลอย่างมีชั้นเชิง

ถ้าเลือกดูภาพยนตร์ได้หนึ่งเรื่องในเดือนนี้ ทุกคนเลือกที่จะดูภาพยนตร์ประเภทไหนกันคะ แฟนตาซี, รอมคอม, ทริลเลอร์ เราอยากแนะนำภาพยนตร์ที่มีตัวละครสุดชิงไหวชิงพริบ แต่ใช้ความฉลาดที่มีไปในทางที่ผิดจนเกิดปัญหาตามมา ใครชอบแนวลุ้นระทึก เอาใจช่วย รับรองว่าตื่นต้นเร้าใจ ลุ้นจนใจแทบหายไปพร้อมตัวละครเหล่านี้ในภาพยนตร์ไปด้วยเลยค่ะ รับรองว่าเข้ากับบรรยากาศสุดร้อนแรงในฤดูร้อนนี้แน่นอน วันนี้แสนสิริพาทุกคนย้อนเวลาไปกับ 5 ภาพยนตร์ของตัวสุดแยบยลและใช้กลอย่างมีชั้นเชิง! เรียกได้ว่าผียังไม่น่ากลัวเท่าคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมหลายมุมขนาดนี้เลยค่ะ แต่ทุกการกระทำย่อมมีเหตุผลใช่ไหมคะ? เราจะพาทุกคนไปดำดิ่งให้ลึกถึงหัวใจของตัวละครเหล่านี้กัน ว่ามีเหตุผลอะไรทำไมต้องทำแบบนี้ เพื่อให้เข้าใจและเพื่ออรรถรสของการรับชมที่เพิ่มขึ้นเมื่อกลับไปดูซ้ำด้วย

Natural smoke

ควันไฟสู่ภัยธรรมชาติ ชวนดูปัญหา ผลกระทบ และวงจรที่ซ่อนอยู่จากการเผาป่า

ตอนนี้ประเทศไทยเราเดินทางเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัวกันแล้วค่ะ นอกจากอากาศหนาวที่ทุกคนรอคอยกันมาทั้งปีแล้วนั้น สิ่งที่มาพร้อมกับลมหนาวนั่นคืออากาศที่แห้งลง การพัดพาของระดับฝุ่นที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นอีกจุดเริ่มต้นสำคัญของการเกิด ‘ไฟป่า’ ชั้นดีด้วยเช่นกันค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอีกปัญหาที่วนกลับมาทุกฤดูหนาว – ฤดูร้อนของภาคเหนือเลยก็ว่าได้ แสนสิริจึงอยากให้ทุกคนหันมาสนใจ และช่วยกันแก้ไขปัญหา ผลกระทบ และวงจรที่ซ่อนอยู่จากการเผาป่าให้หมดไป และเป็นแบบยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย วันนี้แสนสิริ อยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่องไฟป่า ทั้งการย้อนดูสถิติไฟป่าย้อนหลัง 10 ปี

อนาคตเด็กไทย ที่กำลังสูญหาย จากความเหลื่อมล้ำ ทางการศึกษาที่ไม่มีวันหมดสิ้น “เหตุใดโครงการ ชวนคิดและทำความเข้าใจ ZERO DROPOUT ถึงสำคัญ?”

 อนาคตของเด็กไทยอีกกี่คนที่ต้องสูญหายไป จากปัญหาคลื่นลูกใหญ่ที่เรียกว่า “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” แสนสิริชวนทุกคนทำความเข้าใจแง่มุมที่ลึกลงไป ของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทย เพราะตอนนี้เราเลี่ยงไม่ได้เลยว่า มีอนาคตของเด็กจำนวนมากที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากปัญหานี้ และการศึกษาของเด็กไทยยังเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ส่งผลโดยตรงกับเหตุการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับจุลภาคไปจนถึงมหภาค หากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษานี้สามารถแก้ไขได้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตมากขึ้นอีกกว่า 3% ในระยะยาวเลยทีเดียว  โอกาสทางการศึกษาของเด็กไทยต้องไม่ถูกเพิกเฉย ด้วยตัวเลขเด็กและเยาวชนที่ออกนอกระบบการศึกษาในปัจจุบันสูงถึง 982,304 คน นับเป็นตัวเลขที่มากเป็นประวัติการณ์และอาจสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีการร่วมมือที่สำคัญของภาครัฐและเอกชน ร่วมสอดส่องดูแลต้นตอปัญหา และดึงเด็กๆ