เอลซ่า เป็นเลสเบี้ยนได้
แต่ เจมส์ บอนด์ เป็นเกย์ไม่ได้

มีข้อสรุปในแวดวงวิชาการหนัง(อย่างไม่เป็นทางการ)ว่า ถ้าตัวละครสมทบ หรือตัวรองพระเอกผิวขาว เกิดเป็นคนผิวสีหรือผิวดำ ดันเล่นได้ดี แสดงได้อย่างโดดเด่นแล้วล่ะก็ รายได้ของหนังเรื่องนั้นๆ จะเพิ่มขึ้นมา 27 %

บทสรุปนี้ กรุณาฟังหูไว้สองหู เพราะเมื่อกลับไปสำรวจทีเล่นทีจริง มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว แต่ถ้าจะเอา “ทีจริง” มากกว่า “ทีเล่น” หนังที่พุ่งไปยังตลาดคนดำมากกว่า ที่จะได้เงินเพิ่มขึ้น เคสที่ชัดมากคือ Black Panther ที่ฉายเมื่อต้นปี 2019 (และเกิดกระแส “อุปาทานหมู่” ว่าจะคว้าออสการ์ แต่ผมฟันธงก่อนประกาศแล้วว่า ไม่มีทาง เนื่องจากหนังตลกโปกฮา หนังที่มีจริตของการ์ตูน ไม่ใช่จริต(manner) ของตุ๊กตาทองอเมริกัน)

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา “ดูเหมือนว่า” เทรนด์ black movie จะม้วนตัว โถมทับ เอาชนะทุกเทรนด์ของภาพยนตร์ ชนะในระดับที่เรียกว่า ชนะแม้แต่เทรนด์หนัง Feminine Cinema ที่ถูกนักวิจารณ์ประกาศว่าเป็นเทรนด์ปี 2020

พูดให้ชัดคือ “ผิวสี” กลายเป็นกิมมิค หรือมุขผสม แทรกเข้าไปในการตลาดหลายมุมหลายระดับ แมกกาซีนนิตยสาร ผลไม้ อาหาร ดนตรี ประกันชีวิต ล้วนต้องเอาการตลาด “ผิวสี” เข้าไปแทรกไว้ มากขนาดเชฟสำนักอาหารต้องเปิดรับเอาแม่ครัวผิวสีมาเป็นกรรมการ 555

วัฒนธรรมภาพยนตร์ กับ สีผิว

เมื่อไม่นานมากมานี้ คงจำกันได้ว่ามีกระแสทวิตเตอร์ต่อต้านหนัง The Little Mermaid ที่เอานักแสดงผิวสีมาแสดงเป็น “นางเงือก” ด้วยเหตุผลว่า นางเงือกนั้นไม่ควรเป็นผิวดำ เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่โตและอ่อนไหวมากในสังคมอเมริกัน

ผมไม่มี “ความคิดเห็น” แต่ถ้าเป็น “ทัศนะ” และ “ทรรศนะ” ก็พอใจได้ว่า โรงงานฮอลลีวู้ดนั้น อยากจะเกาะเทรนด์การตลาด diversity ที่หลายแบรนด์ทำ คืออยากจะเปิดกว้าง แสดงตัวว่าฉันหลากหลายนะ เพียงแต่มองง่ายไปนิด

ดิสนีย์หรือฮอลลีวู้ด ไม่ได้มองว่าพวกเขาสร้าง “ภาพจำ” มานานหลายทศวรรษกับ “ลูกค้า” ว่า นางเงือกนั้น ผิวขาวและผมแดง สร้างจนเด็กสาว เด็กน้อย ที่มีนางเงือกเป็นไอดอลในแง่ความงามทางมายาคติ ก็ฝังตัวไปแล้วว่า นางเงือกคือ white ไม่ใช่ black

สมมติผมจะเถียงแทนฮอลลีวู้ดบ้างว่า “อ้าว ! แล้วทำไมจะสร้าง โรมิโอ & จูเลียต เป็นคนเอเชียบ้างได้ล่ะ”

อันนี้ก็สามารถกระโดดมาเถียงกลับว่า มันคนละประเด็นกันครับ เคสโรมิโอ & จูเลียต มันจะเป็นคนยุโรปหรือเอเชีย มันคือ contemporary หรือการปรับตามยุคสมัย แต่นางเงือก ไม่น่าจะปรับตามยุคสมัยได้ เพราะคุณ “ปักป้าย” แบบตอกเสาเข็มมานานหลายสิบปีว่า นางเงือกต้นทางคือ ผิวขาว ผมแดง

ครั้นจะผิวดำ ! มันยากที่จะฝ่า มโนคติ มายาคติ

ถ้าสายลับมือฉกาจของอังกฤษจะเป็นเกย์บ้างล่ะ

เคสนางเงือก ไม่ต่างอะไรเลยกับอีกเคสที่มีคนไปจุดประเด็นในออนไลน์ให้คนถกเถียงกันว่า แล้ววันหนึ่งข้างหน้า เจมส์ บอนด์ 007 จะสามารถ “สลัดรสนิยมทางเพศ” จากเป็น ผู้ชายแท้ๆ มาเป็นเกย์ได้ไหม?

คำตอบน่าจะชัดแล้วว่า ไม่ได้

เพราะ 007 ถูกเขียนตั้งแต่เป็นหนังสือแล้วว่า เขาเป็นผู้ชายมากๆ แถมยังถูกเติม ถูกแต่ง และถูกแต้มไปอีกว่าเป็นเสือผู้หญิงหรือเพลย์บอย จนในบางภาคบางตอน ความเสือของเขา ถึงขนาดมีสินค้าด้านผู้ช้ายผู้ชาย เข้ามาเป็นสปอนเซอร์หนัง

ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีบางตอนบางภาคอีกว่า เจมส์ บอนด์ ตกต่ำ ปวดร้าว เพราะหญิงสาวที่เขารักถูกฆ่าตาย

ประเด็นที่จะลองเอาสายลับ 007 มาเป็นเกย์เพื่อตลาด LGBTQ ปิดประตูตายในมุมนี้ เพียงแต่เขามีทายาทหรือลูกชายเป็นเกย์หรือกระเทยได้

ราชินีหิมะเจ้าของเพลง Let it go จะมาสาย LGBTQ ได้ไหม

เราเขียนเราคุยกัน จาก “นางเงือก” มาถึง “สายลับ” แต่ประเด็นที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ในปลายเดือนนี้ก็คือ การกลับมา “ถกเถียง” และ “ถกถาม” ว่า เอลซ่าในหนัง Frozen จะสามารถเป็นเลสเบียนได้มั้ย หรือจะเป็นดี้ของทอม ซึ่งตอบได้เลยว่า มีความชอบธรรม(righteousness) อย่างเต็มที่ ที่จะเป็น LGBTQ ได้

โลกของ เอลซ่า เป็นสังคมที่ถูกเพศชายปกคลุมอยู่แล้วเชิงอำนาจ ผู้กำกับและที่มาของเรื่อง ถูกเขียนโดยผู้ชาย นี่ยังไม่นับ “วงนอก” ที่ฮอลลีวู้ดในช่วงหนังที่ฉาย เกิดประเด็นชนชั้นทางเพศ เรื่องผู้ชายทำอนาจารเพศหญิง มีกระแส OscarSoWhite เกิดมาติดๆ

ระหว่างการเดินทางมา 7 ปีนี้ ประเด็นทางสังคม บวกกับแนวคิด diversity ความหลากหลายทางเพศที่สามารถจะมีได้ ก็อาจทำให้ เอลซ่า อยากมี girl friend มากกว่า boy friend ได้ พูดง่ายๆ คือ เอลซ่าเกิดในช่วงที่สังคมเปิดกว้างทางเพศพอดิบพอดี

ขณะที่ สายลับ 007 อาจเป็นเอดส์ และมีลูกเก็บไว้ตามที่ต่างๆ ที่หนังไปถ่ายทำ

แล้วทางออกคืออะไร ถ้าจะให้เสนอแบบกลางๆ ?

สายลับอังกฤษเป็นเกย์ไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนสีผิวได้ครับ หมายความว่า ถ้าสายลับเคยผิวขาว เขาก็สามารถผิวดำได้ เป็นคนเอเชียยังได้เลย เพราะสายลับคือเครือข่ายสายลับทั่วโลก เพราะเท่าที่ผ่านมา นักแสดงที่มารับบท ก็อ้วนต่ำดำเตี้ยขาวสลับไปมา

เรื่องภายนอกนี้ สามารถเปลี่ยนได้ครับ ที่เปลี่ยนไม่ได้คือ จิตใจเจมส์ บอนด์ และสถานะทางเพศ

เจมส์ บอนด์ เปลี่ยนมาบ่อยแล้ว เปลี่ยนเครื่องดื่ม เปลี่ยนสมาร์ทโฟน และเปลี่ยนรถ จาก แอสตัน มาร์ติน มาเป็น BMW แต่ถ้าเปลี่ยนรสนิยมทางเพศเมื่อใด สายลับ 007 จะกลายเป็น “สายลับจับบ้านเล็ก” ไปทันที …