ระวังใจ…เมื่อประสบภัยน้ำท่วม

น้ำท่วมอาจทดสอบกาย แต่จิตใจเราแกร่งกว่า
ผ่านมรสุม ผ่านสายฝน ขอให้เข้มแข็งและอดทน
เราจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่คงเป็นเรื่องยากที่เราจะควบคุมฝน ฟ้า อากาศ ในช่วงนี้เกิดน้ำท่วมในหลากหลายจังหวัดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย พะเยา หนองคาย ฯลฯ ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนท้อแท้ สิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ สภาพจิตใจย่ำแย่ หลายคนอาจจะเกิดความเครียด เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่เราเชื่อว่าคุณมีจิตใจที่เข้มแข็ง อดทน สามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้แน่นอนค่ะ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณนะคะ

จากการรายงานข้อมูลของกรุงเทพธุรกิจและกรมสุขภาพจิตพบว่า ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567 – 13 กันยายน 2567 มีผู้คนประสบภัยน้ำท่วมมากกว่า 21,000 คน มีภาวะความเครียดสูงประมาณ 521 คน เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า 73 คน และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ถึง 13 คน ซึ่งเราคาดว่าปัจจุบันอาจมีจำนวนมากกว่านั้น

เหตุการณ์น้ำท่วมในปีนี้ ถือได้ว่าเป็นที่หนักหน่วงมากและมีแนวโน้มว่าจะขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้บ้านเรือนที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงคร่าชีวิตผู้คนไปหลายคนเลยทีเดียวค่ะ 

วันนี้ Mental Life by Chanisara ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมและเราจะมาบอกถึงเคล็ด (ไม่) ลับวิธีดูแลจิตใจตัวเองและคนรอบข้างเมื่อประสบภัยน้ำท่วมและหลังประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงการเฝ้าระวังโรค PTSD หลังจากภัยน้ำท่วมด้วยค่ะ

flood

ถึงจะเจอวิกฤตน้ำท่วม…แต่น้ำใจคนไทยหลั่งใหลเสมอ

ในช่วงนี้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดของบ้านเรา กลุ่มคนที่ประสบภัยอาจจะมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่อย่างมาก แต่เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างแน่นอน เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ค่ะ

ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา สิ่งที่เราสังเกตเห็นจากน้ำท่วมครั้งนี้ คือ น้ำใจของคนไทยจำนวนมากที่ช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นกันพาผู้ประสบภัยออกจากบ้านที่มีน้ำท่วมสูง หรือคอยแจกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นอีกมากมาย คอยส่งเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงการให้ที่พักอาศัยกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคนไทยมีน้ำใจและพร้อมช่วยเหลือกันเสมอค่ะ 

ช่วยกันสอดส่องเช็กปฎิกิริยาตัวเองและคนรอบตัว เมื่อต้องเผชิญกับน้ำท่วม

น้ำท่วมอาจจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของเราเป็นอย่างมาก เกิดอาการเครียดและอาจจะมีอาการดังต่อไปนี้

มีอาการหงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิอยู่กับตัว มึนงง สับสน ช็อกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โมโห หรือ เกิดอาการสิ้นหวังในชีวิต หวาดกลัว ตื่นตระหนก เศร้า เสียใจ โทษตัวเอง ว่าตัวเอง เกิดอาการวิตกกังวล ปวด หัว คอ ท้ายทอย นอนไม่หลับ ใจสั่น ตกใจง่า แยกตัวออกจากผู้คน

อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อมีเหตุการณ์อะไรมากระทบจิตใจ หรือเมื่อต้องเผชิญเหตุการณ์น้ำท่วมแบบที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ แต่หลังจากนั้นจะต้องลดลงและหายไป หากมีอาการที่กล่าวไปข้างต้นครอบครัวและคนใกล้ชิดควรติดตามอาการในช่วงเวลา 3 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวค่ะ 

10 วิธีดูแลสภาพจิตใจ สู้ภัยน้ำท่วม

1. ตั้งสติ ค่อยๆ หาทางแก้ปัญหา

2.ให้กำลังใจตัวเอง พยายามหาข้อดีในปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร คนไทยก็พร้อมช่วยกัน

3. ฝึกหายใจคลายเครียด

4. นอนให้เพียงพอ

5. พูดคุยกับคนสนิท

6. หาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

7. คอยช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่จะทำได้

8. พยายามคิดในแง่บวก

9. ค่อยๆ จัดลำดับความสำคัญของปัญหาและค่อยๆจัดการปัญหาตามขั้นตอน

10. หลีกเลี่ยงสิ่งมึนเมา

ระวังโรค PTSD หลังประสบภัยอย่างรุนแรง…โรคที่ส่งผลต่อจิตใจ

ผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรงมีโอกาสที่จะเป็นโรค PTSD หรือ Post-traumatic Stress Disorder ความผิดปกติทางจิตใจ เมื่อเกิดเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง อาจเกิดขึ้นเมื่อเราเผชิญเหตุการณ์นั้นโดยตรง เห็นเหตุการณ์สะเทือนใจหรือได้รับรู้รายละเอียดเหตุการณ์จากบุคคลใกล้ชิดหรือญาติพี่น้องที่ได้เผชิญเหตุการณ์เหล่านั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจของเรา ทำให้เกิดความเครียดและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรานั่นเองค่ะ

อาการของโรค PTSD คือ รู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำ เช่น ฝันร้ายหรือฝันถึงเหตุการณ์เดิมซ้ำๆ หรือพยายามไม่พูดถึงเหตุการณ์นั้น เกิดอารมณ์ในด้านลบ ไม่สามารถคิดในแง่บวกได้ มีอาการนอนไม่หลับ กลัวและตกใจง่ายกว่าปกติ โรค PTSD อาจจะเกิดโรคอื่นร่วมด้วยได้นั่นเองค่ะ

โรคนี้มีด้วยกัน 2 ระยะ ระยะแรกจะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 1 เดือน แต่หากภายในหนึ่งเดือนไม่หาย จะเข้าสู่ระยะที่ 2 ซึ่งจะเรียกว่าโรค PTSD นั่นเองค่ะ ดังนั้นเราจึงต้องดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ดีนั่นเองค่ะ สภาพจิตใจของเราและคนรอบข้าง สำคัญที่สุดนะคะ

เราขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคน ไม่ว่าเราหมดกำลังใจ ท้อแท้ หรือสิ้นหวังแค่ไหน เราเชื่อว่าหากผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ คุณจะกลายเป็นคนที่แกร่งและเข้มแข็งมากขึ้นค่ะ


Source 

https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1144917 

https://www.thaipbs.or.th/news/content/344268 https://th.rajanukul.go.th/ 

https://www.phyathai.com/th/article/ 

https://chulalongkornhospital.go.th/ 

Related Articles

Because truth is timeless

Because truth is timeless: เพราะการพูดความจริงแสดงถึงความจริงใจและรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคง

การพูดความจริงเป็นการแสดงถึงความซื่อสัตย์ จริงใจ และเป็นการโอบอุ้มความสัมพันธ์ให้มั่นคง ทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” และคงไม่มีอะไรทำลายความจริงได้ใช่ไหมล่ะคะ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ต่อให้จะมีใครพยายามบิดเบือนความจริง แต่ความจริงก็ยังคงอยู่ และรอวันที่จะเปิดเผยออกมา  เราเปรียบความจริงกับท้องฟ้าที่ต้องผ่านพายุฝน ท้องฟ้าอาจจะมืดมน ไม่สดใส และมีเมฆมาปกคลุม แต่เมื่อพายุผ่านไปฝนหยุดตก ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสดั้งเดิม และบางครั้งอาจจะมีสายรุ้งที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นถึงความสวยงามด้วย ต่อให้ท้องฟ้าจะมืดมนขนาดไหนก็กลับมาสดใส เหมือนกับที่ไม่มีอะไรมาทำลายความจริงได้  หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าการพูดความจริงเป็นรากฐานที่จะทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงและยิ่งยืนนาน

half-year-resolution

Half-year resolution : บทเรียนชีวิตที่ได้จากครึ่งปีแรก

เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าเราพยายามทำต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้  เราจะเดินถึงเป้าหมายได้ในที่สุด เผลอแป๊ปเดียวพวกเราทุกคนเดินทางผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตอนต้นปีมีใครตั้งเป้าหมายอะไรไว้กันบ้างคะ? บางคนอาจเดินถึงเป้าหมาย บางคนกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วาดไว้ แต่เราเชื่อว่า บางคนรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไปในช่วงต้นปีอาจไม่ได้สำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้อาจเลือนรางเต็มที แต่ไม่เป็นไรเลย เพราะชีวิตคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ  ทุกคนรู้ไหมคะการตั้งเป้าหมายใหม่อาจไม่ได้หมายความว่าต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป แต่เราอาจจะนำสิ่งที่เราทำและอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ มาทบทวน พัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เราเดินไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จอาจจะไม่ได้เกิดจากครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าหากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เราจะเดินถึงเป้าหมายในที่สุดค่ะ คนเราทุกคนกว่าที่จะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้

 ความจริง VS ความเชื่อเกี่ยวกับน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ที่คนชอบกินสมูทตี้ต้องรู้ 

ไม่ต้องเลิก กินน้ำปั่น อย่างใครเขา งดเท่าที่เรานั้น จะงดไหว น้ำปั่นเราไม่ต้องหวานเท่าของใคร อย่ากินจนทำลายสุขภาพเท่านั้นพอ  “น้ำผลไม้ปั่น” หรือ ที่ใครหลายคนเรียกว่า “สมูทตี้” เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนชอบกินมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่มีสีสันสดใสและเป็นผลไม้ที่ได้มาจากธรรมชาติ ทำให้ถูกมองว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มีคนมากมายชอบกินน้ำปั่นสมูทตี้ เพราะคิดว่า อร่อยและดีต่อสุขภาพด้วย ทำให้เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน คนรักสุขภาพ