ทุกคนรู้จัก Green Cloud Computing กันไหม และสงสัยไหมว่าคืออะไร?
Green Cloud Computing คือ บริการทางด้านไอทีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยผ่านการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต องค์กรทั่วโลกได้ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจึงต้องการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันบริษัททางด้านซอฟต์แวร์หลายแห่ง ได้หันมาสนใจเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ด้วยการขับเคลื่อนการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลโดยใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนอย่างพลังงานลมหรือพลังงานแสงอาทิตย์
หากถามว่าการใช้ซอฟต์แวร์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร? คำตอบคือการใช้ซอฟต์แวร์ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรง แต่การใช้พลังงานมากเกินไปส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จากการใช้พลังงาน และพลังงานที่จ่ายให้อุปกรณ์ไอทีไม่สามารถเป็นพลังงานหมุนเวียนได้ เช่น เชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานนิวเคลียร์ ก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ ทำให้ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น
จากการศึกษาโดย Google Lawrence Berkeley National Laboratory และ Northwestern University พบว่าหากชาวอเมริกัน 86 ล้านคนใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์บนคลาวด์แทนการจัดเก็บข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ จะช่วยประหยัดพลังงานลงมากถึง 87 เปอร์เซ็นต์ และตั้งแต่ปี 2010-2020 ผู้คนหันมาใช้คลาวด์ในการเก็บข้อมูลกันมากขึ้นทำให้สามารถลดการใช้พลังงานลงกว่า 31 เปอร์เซ็นต์
Green Cloud Computing จึงสามารถที่จะช่วยลดพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะเป็นการประมวลผลแบบคลาวด์ การจำลองเซิร์ฟเวอร์ เพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์มีขนาดเล็กลงทำให้ใช้ไฟฟ้าลดลง คลาวด์จะช่วยองค์กรประหยัดการใช้งานทรัพยากรมากขึ้น เพราะใช้อุปกรณ์น้อยลงในการรันเวิร์กโหลด ทำให้สามารถลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิล และลดใช้ส่วนประกอบอุปกรณ์ไอทีที่เป็นอันตรายอีกด้วย
เทรนด์นี้เป็นระบบหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมนุษย์กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เนื่องจากโลกร้อนมากขึ้นทุกปี น้ำแข็งขั้วโลกละลายส่งผลกระทบต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก ทำให้คนทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
และหนึ่งในตัวช่วยทางด้านสิ่งแวดล้อมในยุคคอมพิวเตอร์ และ AI เฟื่องฟู ก็คือระบบ Green Cloud Computing นั่นเอง