การเยียวยาหัวใจของ
ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว 

ในวันที่ธรรมชาติอาจไม่ใจดี
ขอให้เรามีหัวใจที่เข้มแข็ง พร้อมฝ่าฟันทุกปัญหา
เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

 การเกิดแผ่นดินไหวในวันที่ 28 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและอาจเป็นแผ่นดินไหวครั้งแรกของใครหลายคน ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกวิตกกังวล นอนไม่หลับ หรืออาจจะเป็นโรคแพนิคได้ แพทย์ชี้ว่าเป็นเรื่องปกติ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ค่ะ 

แผ่นดินไหวครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของใครหลายคน ทั้งผู้ประสบกับเหตุแผ่นดินไหว ผู้ที่มีคนใกล้ชิดประสบเหตุแผ่นดินไหว ผู้ที่ติดตามข่าวสาร หรือเห็นคลิปวีดีโอ ฯลฯ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทุกคนค่ะ 

เพราะเราเชื่อว่ากำลังใจที่ทุกคนมีให้กันจะโอบอุ้มให้พวกเราทุกคนผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ และเราเชื่ออีกว่าในเหตุการณ์นี้หากมองลึกลงไปกว่านั้น เราอาจจะมองเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ในทุกๆ วัน และเราควรใช้ชีวิตให้มีความสุขกับคนที่เรารัก รวมถึงเห็นถึงความรัก การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กันและกันของคนรอบข้างด้วยค่ะ

วันนี้ Mental Life by Chanisara ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวทุกคนให้ผ่านเหตุการณ์นี้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง และเราเชื่อว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้บทเรียนที่แสนล้ำค่าไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงมาบอกเคล็ด (ไม่) ลับ ในการเยียวยาจิตใจจากแผ่นดินไหวกันค่ะ

Healing of hearts

ในวันที่ธรรมชาติไม่ได้ใจดี…หัวใจเราทุกคนต้องเข้มแข็ง

เหตุกาณ์แผ่นดินไหวเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และหลายคนคงไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ในวันที่ธรรมชาติไม่ได้ใจดีแต่หัวใจของเราต้องแข็งแกร่ง เพื่อให้เราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ อาจจะไม่ได้ง่ายนะสำหรับการรับมือกับสภาพจิตใจเมื่อเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างแผ่นดินไหว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกวิตกกังวล นอนไม่หลับ หากรุนแรงอาจถึงขั้นเป็นแพนิคเลยก็ได้ ซึ่งแพทย์บอกว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ และไม่จำเป็นต้อง เข้ารับการรักษาเพราะสามารถหายขาดได้ แต่หากมีอาการติดต่อกันเป็นระยะเวลานานควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณในการฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันนะคะ เราเชื่อว่าทุกคนมีความเข้มแข็งอยู่ในตัวเอง และทุกคนจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอนค่ะ 

ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้บทเรียนกับเราเสมอ 

เราเชื่อว่าหากมองอย่างลึกซึ้งลงไปทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมักซ่อนข้อคิดและบทเรียนอันแสนล้ำค่าให้กับเราเสมอ อย่างน้อยเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า “เวลา” ทุกๆ วินาทีมีคุณค่าและเราควรใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างมีความหมาย ทำในสิ่งที่เราอยากทำ โดยไม่เดือดร้อนใคร รวมถึงการใช้เวลาอยู่กับคนที่รักให้คุ้มค่าที่สุดในทุกวัน

อีกทั้งยังทำให้เห็นว่า ในยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทรัพย์สินเงินทองไม่สำคัญเท่ากับอยากให้คนที่เรารักปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครอบครัว คนรัก เพื่อน หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่คุณรัก รวมถึงได้เห็นถึงความรักของคนรอบข้าง ความห่วงใยที่เขามีให้เรา แน่นอนว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด

รวมถึงสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว นั่นคือ เราทุกคนต้องมี “สติ” ให้มากที่สุด ในการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การมีสติจะทำให้เราสามารถที่จะคิดและตัดสินใจหาวิธีเอาตัวรอดได้อย่างรวดเร็วที่สุดนั่นเองค่ะ 

การเยียวยาจิตใจเมื่อประสบภัยแผ่นดินไหว

เข้าใจว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกเช่นไร และยอมรับความรู้สึกนั้น

การยอมรับความรู้สึกของตัวเอง หากรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลให้เข้าใจว่าไม่ไช่เรื่องแปลกและเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ฝึกกำหนดลมหายใจ

ฝึกหายใจเข้า-ออกช้าๆ เพื่อที่เราจะได้รู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้น

พยายามอยู่กับปัจจุบัน

อย่าพยายามไปคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัวหรือตื่นตระหนก

ติดตามข้อมูลข่าวสารและเช็คข้อเท็จจริงก่อน

คอยติดตามข้อมูลข่าวสาร พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ อย่าดูคลิปเหตุการณ์หวาดกลัวซ้ำๆ เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต

พยายามใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติ

พยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นปกติมากที่สุด

เหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นเหตุการณ์ที่หลายคนไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา แล้วกลับมาใช้ชีวิตให้มีความสุขและปกติอย่างเร็วที่สุดค่ะ เราขอเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ


Source

https://www.thansettakij.com/health-wellness/health/623422

https://www.thaihealth.or.th/ 

 

Related Articles

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว” เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี  ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้  หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง

ChatGPT

ChatGPT AI ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ปลอบโยนมนุษย์ให้สบายใจได้

ChatGPT พื้นที่ระบายความในใจโดยไม่ตัดสิน ถึงแม้ไม่มีความรู้สึก  แต่โอบกอดหัวใจทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้ ในปี 2025 ที่ AI เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน AI ที่ทุกคนรู้จักอย่างแพร่หลายอย่าง ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยผู้คนหาคำตอบ แต่หลายคนใช้ ChatGPT เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจ เพราะคุยและตอบคำถามได้ดี เหมือนเวลาเราไปปรึกษาใครสักคนจริงๆ ChatGPT จึงเป็นเพื่อนคุยที่สามารถทำให้เราลดความเครียด