ทุกคนรู้หรือไม่ว่าเทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลที่สำคัญอีกเทศกาลหนึ่งของคนจีนรองจากเทศกาลตรุษจีนเลยก็ว่าได้ แล้วทุกคนเคยสงสัยไหมค่ะว่าทำไมคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนถึงต้องไหว้พระจันทร์
วันนี้ Sansiri Blog จะมาเล่าถึงเหตุผลทำไมคนจีนถึงนิยมไหว้พระจันทร์ ตำนาน “ฉางเอ๋อ” ต้นกำเนิดวันไหว้พระจันทร์ ขนมไหว้พระจันทร์และความหมายของไส้ขนมไหว้พระจันทร์ วิธีการไหว้พระจันทร์ และการไหว้พระจันทร์กับการผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้ทุกคนฟังกันค่ะ
ทำไมคนจีนถึงต้องไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์จะมีขึ้นในช่วง 15 ค่ำเดือน 8 ของทุกปี ซึ่งแต่ละปีจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม วันจะไม่ตรงกัน เพราะยึดตามปฏิทินจันทรคติของจีนเป็นหลัก ปีนี้ วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันที่ 17 กันยายน 2567 โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์ จะเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงของประเทศจีน ภาษาจีนจึงเรียกเทศกาลนี้ว่า “จงชิวเจี๋ย” ซึ่งแปลว่าเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงนั่นเองค่ะ
ทุกคนเคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมคนจีนถึงต้องไหว้พระจันทร์ เนื่องจากคนจีนเชื่อกันว่าพระจันทร์ สามารถดลบันดาลพืชพรรณผลผลิตทางการเกษตร และในช่วงไหว้พระจันทร์เป็นช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวพืชผลเสร็จแล้ว จึงอยากขอบคุณพระจันทร์ที่ทำให้เก็บผลผลิตได้อย่างราบรื่น
ตำนาน “ฉางเอ๋อ” ต้นกำเนิดวันไหว้พระจันทร์
มีตำนานเกี่ยวกับการไหว้พระจันทร์ที่ถูกเล่าขานมานับพันปีของ “เทพธิดาฉางเอ๋อ”กับ “จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้” แต่ก็มีหลายเวอร์ชั่นที่คนเล่ากันและถูกปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในที่นี้เราจะอ้างอิงจากในช่อง YouTube ของ netflix โดยมีชื่อตอนว่า เจาะลึกตำนาน ‘ฉางเอ๋อ’ ต้นกำเนิดเทพีแห่งดวงจันทร์ โดยเป็นตำนานของเทพธิดาฉางเอ๋อที่ได้ขึ้นไปอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ทิ้งสามีผู้เป็นที่รักไว้ที่โลกมนุษย์ ในอดีตกาลมีพระอาทิตย์ทั้งหมด 10 ดวง ทั้งหมดเป็นโอรสของเง็กเซียนฮ่องเต้ ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ วันหนึ่งพระอาทิตย์ทั้ง 10 ดวงจึงออกมาเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์ แต่โลกไม่อาจทนความร้อนของพระอาทิตย์ได้ ทำให้มนุษย์และพืชพรรณต่างๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน เน็กเซียนฮ่องเต้จึงให้จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้ไปทำยังไงก็ได้ให้เหล่าพระอาทิตย์ทั้ง 10 ดวง หยุดก่อความวุ่นวาย แต่พระอาทิตย์ดื้อ จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้ที่อยากจะช่วยโลก ใช้ธนูยิงพระอาทิตย์จนเหลือ 9 ดวง เง็กเซียนฮ่องเต้จึงเนรเทศให้ จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้กับภรรยาเทพธิดาฉางเอ๋อมาอยู่บนโลกมนุษย์
ภรรยาของเขาเสียใจอย่างมากเขาจึงตามหายาอายุวัฒนะ เพื่อที่จะทำให้ชีวิตเป็นอมตะ จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้ตามหายาอายุวัฒนะจนเจอ แต่กฎของยาอายุวัฒนะจะต้องกินร่วมกันทั้งสองคนถึงจะเป็นอมตะ แต่เทพธิดาฉางเอ๋อ กินยาอายุวัฒนะนั้นเข้าไปคนเดียวเพราะอยากกลับสวรรค์ แต่เพราะโดนเนรเทศจึงลอยขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์แทน จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้โกรธมากจึงจะตามไปยิงธนูใส่นางผู้เป็นที่รัก แต่เขาไม่สามารถฆ่านางผู้เป็นที่รักได้ลง จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้จึงไปสร้างพระราชวังบนดวงอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของหยิน หรือเพศชาย เทพธิดาฉางเอ๋อ ที่ไปอยู่บนดวงจันทร์เป็นตัวแทนของหยางหรือ เพศหญิง ในวันขึ้น 15 เดือน 8 หรือวันไหว้พระจันทร์ของทุกปี จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้จะสามารถไปหาภรรยาของเขาได้บนดวงจันทร์และผู้คนต่างนำเครื่องเซ่นไหว้มาสักการะเทพธิดาฉางเอ๋อเพื่อขอพร
หรือบางตำนานก็เล่าว่า มีโจรผู้ร้ายต้องการขโมยยาอายุวัฒนะ เทพธิดาฉางเอ๋อจึงกินเข้าไปจนหมดแล้วลอยไปอยู่บนดวงจันทร์ จอมทัณฑ์เกาโฮ่วอี้เสียใจมากจึงนำอาหารและขนมที่ภรรยาชอบไปไว้ใต้แสงจันทร์ในวันที่ 15 เดือน 8 หลังจากนั้นก็มีเทศกาลไหว้พระจันทร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานั่นเองค่ะ
ขนมไหว้พระจันทร์ต้องเป็น “ทรงกลม” “สี่เหลี่ยม” หรือ “วงรี”
ขนมไหว้พระจันทร์ต้องเป็นทรงกลม แบน เป็นวงรีหรือเป็นสี่เหลี่ยมก็ได้แต่ต้องไม่เป็นก้อนกลม อาจเพราะจะทำให้ดูขาดความประณีตและสวยงาม ในวัฒนธรรมของชาวจีน “ความกลม”เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์และความมั่นคง หากไหว้พระจันทร์แล้วความอุดมสมบูรณ์ เงินทองจะไหลมาเทมา
ถ้ามีรูปพระจันทร์เต็มดวงบนขนมจะสื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง การรักใคร่กลมเกลียวของคนในครอบครัว (ไม่จำเป็นต้องรูปพระจันทร์บนขนม) หรือจะเป็นสัญลักษณ์อื่นๆ ที่สื่อถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ได้ แต่ต้องมีความหมายและสัญลักษณ์ที่เป็นมงคล เช่น มังกร ดอกไม้ หรืออักษรจีนที่มีความหมายดี
รวมถึงคนในครอบครัวจะกลับมาเจอกัน กินขนมไหว้พระจันทร์ร่วมกันและจะมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้ซึ่งกันและกัน เป็นการแสดงความปรารถนาดีและความรักต่อผู้ได้รับขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมไหว้พระจันทร์มีชื่อในภาษาจีนว่า “เย่วปิ่ง”
ไส้ขนมไหว้พระจันทร์สื่อถึงความเป็นสิริมงคล
รู้หรือไม่ว่าไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ก็มีความหมายที่เป็นสิริมงคลที่ผู้ให้ต้องการให้เกิดกับผู้รับ เช่น
ไส้ทุเรียน หมายถึงความเฉลียวฉลาด และความมั่งมีศรีสุข
ไส้ไข่เค็ม หมายถึง ชีวิตที่สุกสว่างเหมือนดังดวงจันทร์ยามค่ำคืน
ไส้เม็ดบัว หมายถึง การมีอายุมั่นขวัญยืน
ไส้ถั่ว หมายถึง การมีทรัพย์สินเงินทอง ร่ำรวย มีกินมีใช้ไปตลอด
ไส้ลูกพลัม หมายถึง การเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ที่ดี เช่นเริ่มต้นชีวิตใหม่
ไส้ถั่วแดง หมายถึง ให้มีความกล้าหาญชาญชัย
ไส้ถั่วดำ หมายถึง การมีอำนาจบารมี
การไหว้พระจันทร์ฉบับดั้งเดิม
การไหว้พระจันทร์เป็นประเพณีดั้งเดิมที่ทำกันมาอย่างยาวนาน ในสมัยก่อนจะทำเฉพาะช่วงเวลากลางคืนในวันที่ 15 ค่ำเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างอย่างสวยงามที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีในการขอพรจากพระนางฉางเอ๋อนั่นเอง
วิธีไหว้พระจันทร์ เตรียมของไหว้ จัดโต๊ะบูชา และการไหว้ขอพร
เตรียมของไหว้
ขนมไหว้พระจันทร์และขนมอีก 3 อย่าง เช่น ขนมเปี๊ยะ สาคูแดง 4 ถ้วย หรือขนมโก๋ ผลไม้ที่เป็นมงคล 4 อย่าง เช่น ส้ม ส้มโอ สาลี่ ทำทีม ธูป เทียน ดอกไม้ น้ำชา 4 ถ้วย (น้ำชาอาจมีหรือไม่มีก็ได้) อาหารเจ 4 อย่าง ของใช้ส่วนตัวผู้หญิง กระดาษเงิน กระดาษทอง กระดาษไหว้พระจันทร์ โคมไฟ ต้นอ้อย
จัดโต๊ะบูชา
ตั้งโต๊ะในที่โล่งแจ้ง หันหน้าเข้าหาพระจันทร์ วางของไหว้
ไหว้ขอพร
จุดธูปเทียน ไหว้และอธิษฐานขอพร จากนั้นตั้งทิ้งไว้จนกว่าธูปเทียนจะหมด ถึงจะสามารถเก็บของไหว้ได้
เทศกาลไหว้พระจันทร์ในบ้านเรา (ประเทศไทย)
ในประเทศไทยมีคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยประมาณ 7 – 10 ล้านคน เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ในบ้านเราจึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะคนในจังหวัดกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ตและนครสวรรค์
ในปีนี้ย่านไชน่าทาวน์อย่างเยาวราชจะมีการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเสวนา การชมการแสดงและการทำ workshop ต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนและวันไหว้พระจันทร์ ตั้งแต่วันที่ 13-17 กันยายน 2567 และยังมีอีกหลายสถานที่ที่จัดเทศกาลไหว้พระจันทร์อีกด้วย ในบางแห่งมีการผสมผสานวัฒนธรรมจีนกับประเพณีไทยเข้าด้วยกัน เช่น การทำบุญตักบาตรในตอนเช้าของวันไหว้พระจันทร์
ในบ้านเราการไหว้ขอพรเป็นสิ่งสำคัญในเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นกัน โดยคนไทยเชื้อสายจีนเกือบทุกครอบครัวจะมาไหว้และขอพรในคืนไหว้พระจันทร์ เพื่อขอให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต เงินทองไหลมาเทมา สุขภาพแข็งแรง ฯลฯ เพราะเชื่อว่าการขอพรในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะทำให้มีโอกาสสมปรารถนามากยิ่งขึ้น
การไหว้พระจันทร์ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญสำหรับคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการขอพรให้มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองจากดวงจันทร์ตามความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว เทศกาลนี้ยังเป็นการรวมญาติให้คนในครอบครัวได้กลับมาเจอกันนั่นเองค่ะ
Source
https://www.thairath.co.th/lifestyle/calendar/2193911
https://youtu.be/SGY2rlBqoO8?si=_AXCX9sW9yhBct7K
https://www.sanook.com/horoscope/69721/
https://www.thaipbs.or.th/now/content/377