ก่อนหน้าผมได้เชิญเด็กรุ่นใหม่สองคน อย่างน้องหมูแฮม Gen Z ที่กำลังจะจบปริญญาตรี กับน้องแสนดี Gen Alpha ที่กำลังเรียนชั้นมัธยมต้น รร นานาชาติ มานั่งคุยอัด podcast ด้วยกัน จังหวะนึงน้องเค้าพูดถึง “มนุษย์เป็ด” ขึ้นมา เราก็ชะงักไปนิดสิครับ ต้องออกปากถามว่าคืออะไร (สงสัยผมอายุมากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้!) ต้องให้เด็กๆ เค้าอธิบายให้ฟังครับ
ก็เลยเข้าใจว่าเจ้า “มนุษย์เป็ด” หรือที่ภาษาฝรั่งเค้าใช้คำว่า Jack of all trades หมายถึงคนประเภทที่ “ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่สุดสักอย่าง” เอาล่ะสิครับ เราเป็นผู้นำองค์กรสมองก็เลยผุดคำถามขึ้นมาทันใดว่าในยุคปัจจุบันต่อไปอนาคต คนประเภทไหนที่จะเป็นที่ต้องการมากกว่าในตลาดงาน ระหว่าง มนุษย์เป็ด กับ specialist สายวิชาชีพที่เชี่ยวเฉพาะ
สายวิชาชีพเฉพาะเค้ามีความออริจินัลที่ย้อนกลับไปตั้งแต่ตำรา The Wealth of Nations ของนักเศรษฐศาสตร์ระดับตำนาน Adam Smith ที่พูดถึงหลักกาาร “division of labour” หรือการแบ่งงานกันทำเพื่อให้มีผลผลิตสูงขึ้น ยกตัวอย่างกรณีศึกษาคลาสสิคอย่างสายการผลิตรถยนต์ Model T ของฟอร์ดในยุคต้นศตวรรษที่ 20 และแนวคิดนี้ก็ถูกมองเป็นแม่แบบของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันฟาก “มนุษย์เป็ด” ก็อาจมองว่าตัวเองได้เปรียบในยุคที่ตลาดงานสมัยนี้มองหาคนสไตล์ multi-tasking ทำอะไรก็ได้มาช่วยงานให้คุ้มที่สุดกับค่าจ้างจะไปเอาคนที่เก่งเฉพาะทางทำไม
แล้วคนประเภทไหนจะหางานได้ง่ายกว่ากันในอนาคต? เอาจากที่ผมอ่านๆ และเริ่มมองเห็นผลกระทบในเชิงเทคโนโลยีนะ มีอยู่ 2 เรื่องที่ผมคิดว่ามีนัยยะสำคัญกับคำถามข้างต้น
อย่างแรกคือความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่สายวิชาชีพเฉพาะทางหลายคนน่าจะต้องมองให้ขาด เราเริ่มเห็นหุ่นยนต์แทนที่แรงงานคนในสายพานการผลิต ชงกาแฟแทนบาริสต้า ผ่าตัดแทนศัลยแพทย์ ฯลฯ หรืออย่างนักวิเคราะห์ตัวเลขของกองทุนต่างๆ ก็เริ่มถูกปัญญาประดิษฐ์เข้ามาทำหน้าที่แทนแล้วก็ไม่น้อย ซึ่งทักษะพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสายวิชาชีพเฉพาะทั้งนั้น มองไปอีก 5 ปีข้างหน้าผมว่าตลาดงานจะพลิกอย่างน่าสนใจทีเดียว ระหว่างสายวิชาชีพเฉพาะหรือมนุษย์เป็ด ใครจะเป็นคนทำงานคู่กับเจ้าเทคโนโลยีพวกนี้แล้วสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่ากัน นี่คือประเด็น
อีกอย่างที่จะพูดถึงคือเจ้าอุปกรณ์และระบบคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่นี่แหละครับที่่กำลังทำให้คนประเภทสายวิชาชีพเฉพาะเริ่มกลายพันธ์มา multi-tasking มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เดี๋ยวนี้เครื่องมือ แอพพลิเคชั่น และแพล็ตฟอร์มต่างๆ ทำให้งานจุกจิกเช่นการติดต่อทำนัด การค้นข้อมูล แปลภาษา ตัดต่อภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว คิดภาษี ฯลฯ กลายเป็นงานที่ใครๆ ก็ทำได้เพราะมีเครื่องมือพวกนี้เป็นตัวช่วย ถ้าหากศัลยแพทย์ บาริสต้า นักวิเคราะห์กองทุนเกิดอยากประหยัดเงิน อยาก multi-task กับเค้าบ้างและเลือกที่จะทำหลายๆ เรื่องด้วยตัวเอง เวลาที่จะไปใช้สร้างสรรค์เทคนิคชงกาแฟใหม่ๆ หาวิธีรักษาโรคด้วยวิธีใหม่ๆ ก็น้อยลงสิครับ ความเก่งกาจเฉพาะด้านไม่ทวีคูณคุณค่าอย่างที่ควรจะเป็น
ในทางกลับกัน บทเรียน คอนเทนต์ ที่ถูกสร้างอยู่ในโลกออนไลน์ กำลังทำให้ “มนุษย์เป็ด” มีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะเฉพาะใหม่ๆ ได้ทดลองทำมากขึ้น (ก็คงไม่ได้ถึงขั้นผ่าตัดเป็นหรอกนะครับ) แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือช่องว่างทางทักษะเฉพาะระหว่างความเป็นสายวิชาชีพเฉพาะกับมนุษย์เป็ดก็จะลดลงไปเรื่อยๆ หรือไม่
คุณผู้อ่านที่เป็นมนุษย์เป็ดหรือสายวิชาชีพเฉพาะมีความคิดยังไงครับ? กับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอันจะส่งผลต่อเรื่องการจ้างงานลองแชร์กันมาได้ เผื่อเอาเป็นหัวข้อสนทนาครั้งต่อไป