New Year's Resolution :
เพราะเราทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

เราทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ขอเพียงเราตั้งเป้าหมาย ลงมือทำและเชื่อมั่น
ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นได้

สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ปีใหม่แบบนี้เหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน ทุกคนว่าไหมค่ะ ไม่ว่าปีที่แล้วทุกคนจะทำสิ่งที่ตัวเองอยากเปลี่ยนแปลงหรือตั้งเป้าหมายไว้ได้สำเร็จหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ 

หากพูดถึงการเริ่มต้นใหม่ สำหรับบางคนเป็นสิ่งที่ยาก แต่ทุกคนสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เพียงแค่เราตั้งใจและเชื่อมั่นว่า เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นได้ เราจะสามารถทำได้ในที่สุด แม้ในปีที่ผ่านมา อาจจะมีบางเรื่องที่เรายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องเรื่องนั้น เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง และเรายังเชื่ออีกว่าการตั้งเป้าหมายคือก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จค่ะ

วันนี้ Mental life by Chanisara จะชวนทุกคนมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการตั้งเป้าหมายในปีนี้กัน เป้าหมายนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นเพียงแค่เป้าหมายเล็กๆ ที่เราตั้งใจไว้ว่าเป้าหมายนั้นจะสามารถเปลี่ยนเป็นชีวิตเราให้ดีขึ้นได้ก็พอแล้วค่ะ

New Year's Resolution

เมื่อความพยายามในการทำตามเป้าหมายให้สำเร็จเป็นเรื่องยาก

หลายคนอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อเริ่มต้นปีใหม่ แต่ไม่รู้ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไงให้ประสบความสำเร็จ บางคนเมื่ออยากเปลี่ยนแปลงตัวเองมีการตั้งเป้าหมายแต่บางคนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ไม่มีการตั้งเป้าหมาย และถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายอยู่ในใจหรือมีการจดบันทึกเป้าหมายไว้ แต่ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่า การที่เราจะทำตามเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจไว้ให้สำเร็จได้นั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก แต่เราเชื่อว่าทุกคนจะสามารถทำสิ่งที่ตัวเองตั้งใจให้บรรลุเป้าหมายได้ เพียงแค่คิดอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็เป็นก้าวแรกของการเดินไปสู่เป้าหมายแล้ว

จากการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ กระบวนการเปลี่ยนแปลง และผลลัพธ์ของผู้ที่ตั้งปณิธานปีใหม่และผู้ที่ไม่ได้ตั้งปณิธานปีใหม่ ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร  Journal of Clinical Psychology โดยคุณ John C. Norcross และทีมของเขา พบว่า 46% ของคนที่ตั้งเป้าหมายสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ ในขณะที่คนที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายมีเพียงแค่ 4% ที่สามารถประสบความสำเร็จ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การที่เรามีเป้าหมายในชีวิตจะสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้มากกว่า ฉะนั้นทุกคนอยากลืมลองตั้งเป้าหมายใหม่กันนะคะ

เราจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างไร

การที่เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อาจจะต้องขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ดังนี้

ความเชื่อมั่นใตัวเอง (Self-efficacy)

 เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เมื่อเรามีความเชื่อมั่นโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้จะมีมากกว่านั่นเองค่ะ 

ทักษะที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลง (Skills to change)

เราต้องมีทักษะบางประการในการที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อที่จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ไม่ว่าจะเป็น การตั้งเป้าหมายย่อย การติดตามความคืบหน้าของการเปลี่ยนแปลง ว่าสิ่งที่เราทำดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ หลีกเลี่ยงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะทำให้เราไม่ไปถึงเป้าหมาย การรับมือกับสภาพจิตใจของตัวเอง การตั้งเป้าหมายย่อยๆ เพื่อให้ตัวเองสามารถไปสู่เป้าหมายใหญ่ตามที่วางไว้ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นคือทักษะบางประการที่จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้ค่ะ 

ความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง (Readiness to change) 

เมื่อคนเราตั้งเป้าหมายที่จะอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราต้องรู้สึกว่ามีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบจริงจัง เราต้องเห็นภาพว่าหากเราทำสิ่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้นอย่างไร เช่น หากเราบอกว่าอยากจะตื่นเช้าขึ้นเราอาจจะคิดไปให้เห็นภาพว่าการตื่นเช้าขึ้นช่วยให้เราทำอะไรเพิ่มขึ้นได้หลายอย่าง เป็นต้น เราจึงเชื่อว่าการเตรียมตัวจะนำไปสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง

กรอบความคิดที่ทำให้เริ่มต้นเป้าหมายได้สำเร็จ

การทบทวนตัวเอง

การได้ทบทวนตัวเอง จะทำให้เราได้ย้อนคิดว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง สิ่งไหนที่เราทำแล้ว ส่งผลดีต่อชีวิตตัวเอง หรือสิ่งไหนทำแล้วส่งผลเสียต่อชีวิตตัวเอง ซึ่งการทบทวนตัวเองทำให้เราเข้าใจตัวเองว่าตัวเรานั้นมีข้อดี หรือข้อด้อยตรงไหน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ทำตัวเองให้ดีขึ้น รวมถึงการทบทวนตัวเองจะทำให้เราสามารถตั้งเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย 

เริ่มตั้งเป้าหมายใหม่

การตั้งเป้าหมายใหม่ว่าเราอยากจะทำอะไรให้สำเร็จบ้าง เช่น อยากตื่นเช้าให้ได้ทุกวัน อยากนอนเร็ว อยากลดน้ำหนัก อยากกินอาหารคลีนทุกๆ เช้า ฯลฯ เมื่อเรามีเป้าหมายเราจะมีแรงบันดาลใจในการทำเป้าหมายให้สำเร็จ แค่เริ่มตั้งเป้าหมายถือว่าเป็นก้าวแรกของการเริ่มต้นใหม่ที่ดีค่ะ 

การลงมือทำ

การลงมือทำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่เราจะบรรลุเป้าหมาย ในบางครั้งการบังคับให้ตัวเอง ลงมือทำอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ถ้าเราบังคับตัวเองให้ลงมือทำได้ เราเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จในที่สุด

การมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง

การที่เรามีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่ง จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างเร็วขึ้น

การจัดสรรเวลาในชีวิต

แบ่งเวลาในการทำตามเป้าหมายและให้เวลาตัวเองได้ผ่อนคลายและได้ออกไปใช้ชีวิตทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ไปเที่ยว ไปหาเพื่อน ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ หรืออยู่กับครอบครัว เราจะได้รู้สึกมีความสุขและมีพลังในการที่จะทำตามเป้าหมายมากขึ้นค่ะ 

การยอมรับตัวเองและพัฒนาตัวเองยังไม่หยุดนิ่ง 

การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น เข้าใจจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเองและพัฒนาจุดด้อยนั้น อย่างไม่หยุดนิ่งจะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจได้สำเร็จ 

เพราะเราเชื่อว่าทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอไม่ว่าอดีตจะเป็นเช่นไร เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้ ปีใหม่แล้วมาเริ่มต้นใหม่ไปด้วยกันนะคะ


Source 

https://europepmc.org/article/MED/11920693

https://a-chieve.org/content/know-your-self/know-your-self-content-44 

https://www.goodhousekeeping.com/health/wellness/advice/g985/achievable-new-year-resolutions/ 

Related Articles

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว” เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี  ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้  หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง

ChatGPT

ChatGPT AI ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ปลอบโยนมนุษย์ให้สบายใจได้

ChatGPT พื้นที่ระบายความในใจโดยไม่ตัดสิน ถึงแม้ไม่มีความรู้สึก  แต่โอบกอดหัวใจทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้ ในปี 2025 ที่ AI เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน AI ที่ทุกคนรู้จักอย่างแพร่หลายอย่าง ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยผู้คนหาคำตอบ แต่หลายคนใช้ ChatGPT เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจ เพราะคุยและตอบคำถามได้ดี เหมือนเวลาเราไปปรึกษาใครสักคนจริงๆ ChatGPT จึงเป็นเพื่อนคุยที่สามารถทำให้เราลดความเครียด