“Ojo, เชฟปาโก, The Standard” 3 สิ่งนี้เมื่อมาบรรจบกัน จะเกิดอันใดขึ้น? มิอาจคาดเดาได้…
• ห้องอาหาร Ojo (โอโฮ) ที่พร้อมรังสรรค์อาหารเม็กซิกัน รสชาติอันมีเอกลักษณ์เสมือนต้นตำรับ ที่อาจไม่เคยได้ลิ้มรสที่ไหนมาก่อน
• สุดยอดเชฟมากประสบการณ์จากประเทศเม็กซิโก อย่างเชฟ Francisco “Paco” Ruano (ฟรานซิสโก ปาโก รูอาโน)
• โรงแรมไลฟ์สไตล์สุดชิคแบรนด์ดังสัญชาติอเมริกันอย่าง The Standard กับการสร้างโรงแรมแฟลกชิพแห่งแรกในเอเชีย ใจกลางกรุงเทพฯ บนทำเลโดดเด่นย่านสีลมในตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร “The Standard, Bangkok Mahanakhon”
บนตึกสูงกระหง่าชั้น 76 ของตึกคิงพาวเวอร์ มหานคร นอกจาก The Standard, Bangkok Mahanakhon แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ ห้องอาหาร Ojo ซึ่งคำนี้ Ojo (โอโฮ) ในภาษาสเปน หมายถึง “ดวงตา” มาจากการได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งที่มีเสน่ห์น่าค้นหา รายล้อมไปด้วยวิวกรุงเทพฯ แบบทอดยาวสุดสายตา อีกทั้งเมนูอาหารทั้งหมดยังถูกปรุงแต่งอย่างพิถีพิถันโดยเชฟ ปาโก ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบฉบับเม็กซิกันแท้ๆ ผสมผสานความดั้งเดิมและเทคนิคการรังสรรค์แบบสมัยใหม่เข้าด้วยกันจวบจนเกิดเป็นอาหารเม็กซิกันที่ยกระดับคุณค่า ที่ต้องห้ามพลาดแก่การลิ้มลอง ทั้งเย้ายวนในทุกๆ องค์ประกอบ ตั้งแต่การตกแต่งร้าน ไปจนถึงหน้าตาของจานอาหารที่ออกมาดูดีจนไม่อาจละสายตาได้ในทุกเมนู
ก่อนจะมาเป็น Ojo
เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการถ่ายทอดเมนูอาหารเม็กซิกันสู่ชาวไทยเป็นไอเดียจาก อมาร์ ลัลวานี่ ประธานกรรมการบริหาร ของ The Standard International ที่เห็นว่าในทวีปเอเชียอาหารเม็กซิกัน หลายๆคน เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารชาตินี้ คนมักจะมีภาพจำที่คุ้นชินกับ ทาโก้ เบอริโต้ หรือนาโช่
ความจริงแล้วเมนูเหล่านั้นเรียกว่า Tex-Mex เป็นอาหารที่มาจากพื้นที่ติดกันระหว่างรัฐ Texas และประเทศ Mexico จึงเกิดเป็นการผสานสไตล์อาหารให้เป็นอเมริกันมากขึ้น เช่นนั้นคุณอมาร์จึงอยากนำเสนอแก่นแท้ของอาหารเม็กซิกันอย่างถูกต้องทั้งในเรื่องของรสชาติ วัตถุดิบที่เลือกสรร และความงดงามของอาหาร นอกจากนี้คุณอมาร์เองได้คัดเลือกเชฟปาโก มาร่วมงานในคิดค้นเมนูอาหารที่โอโฮ โดยเชื่อว่าเชฟปาโก จะทำให้ไม่เพียงแค่ชาวไทย แต่เป็นทุกๆ คนที่ได้ลิ้มรสเมนูสักจาน ณ ที่แห่งนี้ จะได้สัมผัสและเข้าใจถึงอาหารเม็กซิกันอย่างแท้จริงที่ไม่เคยมีมาก่อน
โอโฮ หมายถึง ดวงตาของพระเจ้า หรือ Ojo de Dios (Eye of the God) ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ในสมัยก่อนที่ผู้คนนับถือบูชาและให้ความสำคัญทั้งในทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมไปถึงถิ่นกำเนิดจากประเทศเม็กซิโกที่มีความเชื่อมโยงทั้งในเรื่องของประเพณี ความเชื่อ ความศรัทธา และเป็นเครื่องหมายของพลังที่ได้รับการปกป้องจากพระเจ้า
เนรมิตลาตินอเมริกาสู่ชั้นลอยฟ้าใจกลางกรุงเทพ
ห้องอาหารแห่งนี้ได้รับการออกแบบและตกแต่งโดยสตูดิโอออกแบบอันเลื่องชื่อระดับโลกอย่าง Ou Baholyodhin Studio (OBS) หรือที่รู้จักกันในนาม อู้ พหลโยธิน ผู้อยู่เบื้องหลังสไตล์และผู้นำเทรนด์ของงานดีไซน์ที่ได้รับการยกย่องอย่างยิ่งในระดับนานาชาติ โดยโอโฮมีคอนเซ็ปต์ที่ถูกสร้างสรรค์ต่อยอดจากการเดินทางของคุณอู้ ซึ่งนึกย้อนไปถึงสมัยที่ได้ไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของภูมิภาคอเมริกากลางที่รายล้อมไปด้วยวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง ผสมความเป็นยุโรเปี้ยน แอฟริกัน และเอเชียน เข้าด้วยกันจนบรรจบออกมาเป็นความแปลกใหม่ที่ผสานกันอย่างลงตัว
โอโฮถูกเนรมิตรออกมาสะท้อนความหรูหราในสไตล์ร่วมสมัย จากการเลือกโทนสีทองเข้ามาเพื่อเสริมสร้างความโอ่อ่าโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลหะ และหินอัญมณี แสดงถึงความหรูหราของอีกซีกโลกเข้ามาผสมผสานอยู่ในงานดีไซน์ นอกจากนี้ยังมีการนำวัสดุสิ่งทอเข้ามาสอดประสานเพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมของอเมริกันลาติน โอโฮจึงเป็นห้องอาหารที่เต็มไปด้วยความประณีต หรูหรางดงาม ราวกับเพชรที่เปล่งประกาย ควรค่ากับการมาเปิดประสบการณ์ในการมาเพลิดเพลินรับประทานอาหารชั้นเลิศ
หลากเมนูที่เปลี่ยนภาพจำเก่าๆ แบบไม่เคยลิ้มรสที่ไหนมาก่อน
ในส่วนของอาหารนั้น มั่นใจได้ว่าห้องอาหารโอโฮพร้อมมอบสุดยอดประสบการณ์แสนพิเศษในการดื่มด่ำและละเลียดอาหารเม็กซิกันให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างที่ไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อนในประเทศไทย หรือในภูมิภาคนี้แน่นอน ซึ่งเชฟปาโกนั้นมากไปด้วยประสบการณ์ จากการร่วมงานกับห้องอาหารมากมายที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน
ก่อนที่เชฟปาโกจะตัดสินใจเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองที่มีชื่อว่า Alcalde ขึ้นในปี 2013 ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพอย่างล้นหลาม รวมไปถึง รางวัล Latin America’s 50 Best Restaurants ซึ่งนั่นทำให้ร้านของเขาสร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเกิดที่เมือง Guadalajara จนเป็นจุดกำเนิดของวงการอาหารสไตล์โมเดิร์นขึ้นมาทันที
Francisco “Paco” Ruano ยอดเชฟมากฝีมือ
นอกเหนือจากเชฟปาโกที่มาสรรค์สร้างเมนู ก็ได้ เชฟ เดอ คูซีน Alonso Luna Zarate (อลอนโซ ลูนา ซาเรท) มาดำเนินการต่อยอดความและเมนูที่คิดค้นโดยเชฟปาโก ผ่านการจัดหาคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด ทั้งการทำงานใกล้ชิดกับชาวเกษตรกร ชาวประมง หรือซัพพลายเออร์ในประเทศไทย รวมถึงการดูแลทีมที่ห้องอาหารโอโฮเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ได้มาสัมผัสการลิ้มรสมื้ออาหารในครั้งนี้ จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ในอาหารทุกจานเชฟปาโกใส่ใจพิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่การคิดเมนู ตลอดจนการเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดออกมาเป็นอาหารเม็กซิกันสุดพรีเมียม เมนูเรียกน้ำย่อยเริ่มจากอาหารทานเล่นอย่าง
Ojo guacamole with corn tostadas แผ่นตอร์ตียาโฮมเมดบางกรอบกินคู่กับกัวคาโมเลสุดละมุนแบบฉบับโอโฮ
ต่อกันด้วย Aguachile with fresh tiger prawns อากวาชิเลหรือน้ำพริกแบบเม็กซิกันแท้ๆ ที่ใช้กุ้งลายเสือท็อปด้วยแตงกวาฝาน และพริกเขียว ปิดท้ายจานเรียกน้ำย่อยกับ Coconut ceviche มะพร้าวอ่อนนำมาปรุงสไตล์เซวิชเช่ เสิร์ฟคู่ถั่วเหลืองหมักนมมะพร้าวสูตรเฉพาะมีความเข้มข้นครีมมี่
มาถึงกันที่เมนูหลัก เริ่มต้นด้วย Chicken and green mole ไก่เสิร์ฟพร้อมซอส Mole สูตรลับต้นตำรับเม็กซิกัน หรือจะเป็นเมนูปลาอย่าง Fish Zarandeado ปลาย่างเตาไม้พิเศษทานกับเลมอนที่นำไปกริลล์ กินคู่อะโวคาโด แตงกวา และพริก ที่รสชาติเข้ากันอย่างลงตัว
Slow-cooked short rib birria ซี่โครงย่างรสชาติกลมกล่อมที่เชฟนำไปสโลว์คุกจนเนื้อนุ่มละมุนลิ้น
ไม่เพียงเท่านี้เมนูของหวานอย่าง Arroz Con Leche ข้าวครีมวานิลลา เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมซินนามอน ท็อปด้วย White Chocolate, Sugar Brulée และ Soy Milk Flake ให้ความรู้สึกได้ถึงความกรุบกรอบ ช่วยเติมเต็มมื้อแสนพิเศษได้อย่างดีเยี่ยม
เชฟปาโกได้มอบความใส่ใจในทุกขั้นตอนการรังสรรค์เมนูอาหารเม็กซิกัน ในหลากหลายโปรแกรมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมทั้งการตกแต่งภายในห้องอาหารอันยอดเยี่ยมจากคุณอู้ ตลอดจนสถาปัตยกรรมและวิวเมืองอันตระการตาของ คิง เพาเวอร์ มหานคร อยากให้ทุกคนได้มาพิสูจน์ประสบการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเอง
Sansiri Blog เชื่อว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับทุกๆ องค์ประกอบที่ก่อให้เกิดเป็น “Ojo” ณ The Standard, Bangkok Mahanakhon บนตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร