ฟิล์มนัวร์สมัยใหม่ ทำไมควรดู Parasite !

หลายๆ ปีที่ผ่านมา คำถามหนึ่งที่มักจะเจอเวลาไปบรรยายเรื่องหนังที่แบงค์ชาติ ก็คือ “อะไรคือฟิล์มนัวร์” แล้ว “หนังฟิล์มนัวร์ดูจากอะไร”

บทความอาจมีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์บางส่วน

อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ เลย 7 ข้อคือ noir นั้นแปลว่า black หนังจึงมีบรรยากาศที่มืดหรือสลัว, มักเป็นเรื่องของอาชญากร มิจชาชีพ คนไม่ดีในสังคม, โดยโครงสร้าง เป็นส่วนผสมระหว่าง thriller กับ suspense, เน้นการจัดแสงมาก รวมทั้งฉาก, คนดูจะรู้สึกอึดอัดระหว่างดูหนัง, ใช้การจัดแสงแบบตัดกันรุนแรงที่เรียกว่า High Contrast และสุดท้าย… เรื่องราวในหนังนั้น มักเกิดในเวลากลางคืน แต่ถ้าจะต้องเป็นกลางวัน ในบ้าน ในอาคาร ในตึก ก็จะปิดม่านหรือมีแสงน้อยอยู่ดี

ทุกข้อที่ว่ามา มีอยู่ในหนังเกาหลี parasite !

แต่ช้าก่อนครับ ผมไม่แนะนำให้ท่านใดเข้าโรงหนังไปพร้อมกับ “จับจ้อง” ไปนั่งโฟกัส “ส่วนประกอบเหล่านี้” เหมือนช่วงหนึ่ง 7-8 ปี ผมไปสอนที่จุฬาฯ แล้วห้ามนักศึกษาเอาอะไรเข้าไปจดลงกระดาษระหว่างนั่งชมละครเวทีสดๆ

เพราะเราควรเป็นคนโรแมนติคด้วยระหว่างให้ศิลปะหรือ Art หล่อหลอมเรา เล้าโลมเรา เพื่อให้เรา “ดื่มด่ำ” ไปกับความงามทางศิลป์ ถ้าเราเอาแต่ไปจับจ้อง จับผิดหรือจับถูก เราจะพลาดอะไรไปมากมายในระหว่างดู

สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวคิม ในเรื่อง Parasite // ภาพจาก www.polygon.com / NEON

ผมไปดู Parasite ที่สกาล่ารอบ 20.00 น. เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 กค. ที่ผ่านมา น่าสังเกตว่ามีคนรุ่นใหม่หลายคนไปดูเรื่องนี้ (หมายถึงเด็กนักเรียนและนักศึกษา) ขอเล่าพล็อตโดยย่นย่อ เพราะบอกอะไรมากไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับ คิม กี วู(ชเว วู ชิก) เด็กหนุ่มฐานะยากจนที่บังเอิญ ได้เข้าไปเป็นติวเตอร์สอนหนังสือแทนเพื่อน ให้กับครอบครัวรวยๆ ตระกูลหนึ่ง

เมื่อเข้าไปสอนใน “บ้านหลังนั้น” เขาเห็นว่ามีปัญหาบางอย่างที่เกี่ยวกับคน เช่นลูกคนเล็กของบ้าน ดื้อซนจนครูอยู่ไม่นาน กีวู จึงเสนอครูคนใหม่ให้ลูกคนเล็ก แต่จริงๆคือเอาน้องสาวตัวเองมารับงาน …จากนั้น ก็วางแผนเอาพ่อ เอาแม่ ที่บ้าน มาแทนที่คนเก่าๆ ที่ทำงานในบ้านหลังนี้ ทีละคน ทีละงาน เช่นเอาพ่อมาขับรถแทนคนที่ทำอยู่, เอาแม่มาแทนแม่บ้าน ผ่านการวางแผนที่ร้ายลึก

ครอบครัวพาร์คที่อาศัยอยู่ในโลกคู่ขนานกับครอบครัวคิม // ภาพจาก Hollywood Reporter

ฐานะที่เคยยากจนแบบรับจ้างพับกล่องใส่อาหารแดกด่วน จึงเหมือนช่องทางที่ดีขึ้น เพราะพ่อแม่ลูกบ้านจนๆ เข้าไปทำงานอย่างพร้อมเพรียงในที่อยู่อาศัยไฮเอนด์ แบบจ่ายไม่อั้น

ทุกอย่างทำท่าจะเป็นสวรรค์ แล้ว “นรก” ก็มาเยือน

เจ้าของบ้านทิ้งบ้านทั้งหลังไว้ให้แม่บ้านดูแล (ซึ่งก็คือแม่ของ กี วู)เพราะจะไปตั้งแคมป์ในป่าหลายวัน แม่ กีวู เลยชวนครอบครัวมาปาร์ตี้ นั่งดื่มกินเมาปลิ้น ที่บ้านหรูใหญ่โตหลังนั้น โดยที่ระหว่างกำลังมีความสุข ก็มีใครสักคนโผล่เข้ามายามดึก ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะเปลี่ยนไปตลอดกาล จากการโผล่เข้ามาของใครคนนั้น…

เล่าได้แค่นี้จริงๆ เพราะถ้าบอกมากกว่านี้ จะไม่เหมาะสม

โดยปรกติ “ธรรมเนียมปฏิบัติ” ก่อนหน้านี้ คนร้ายหรือผู้ร้ายในหนังฟิล์มนัวร์ ถ้าเป็นหนังต่างชาติ สามารถจะหลุดรอดไปเสพสุข ไม่โดนจับได้ จะทำอะไรมาเลวร้ายผิดกฏหมาย ก็อาจไม่โดนจับ ผิดกับฟิล์มนัวร์ที่เป็นหนังไทยๆ จะต้องโดนจับหรือตายไป ด้วยการกำกับของสังคมศีลธรรมจรรยาแบบเราๆ (บท อำพล ลำพูน ในหนังต้องปล้น ตอนแรกจะลอยนวล แต่เมื่อสังคมศีลธรรมแบบไทยๆ อาจไม่พอใจ พี่หนุ่ย ไมโคร จึงถูกแก้บทให้ตายไป)

ครอบครัวตัวแสบ 4 คนของ คิม กี วู นั้น บอกไม่ได้ชัดๆว่า เลวหรือดี? เพราะสิ่งละอัน พันละน้อย ในหนังได้ช่วยกันแสดงความเห็นอกเห็นใจ อยู่เป็นระยะๆ

เช่น บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน สกปรก แคบ ต่ำกว่าส้วมที่ตั้งอยู่เหนือหัวพวกเขา ฉะนั้นเวลาพนักงานมาฉีดพ่นยากำจัดแมลงทั้งหลาย ควันไอที่พ่นฉีดจึงทำให้ครอบครัวนี้สูดดม ราวกับพวกเขาคือ ปรสิตหรือชื่อหนัง ไปในตัว

ครอบครัวตัวแสบน่าจะเป็น ปรสิต ที่เข้าไป “เซาะกัด” บ้านของเศรษฐี ได้อีกนานถ้าไม่เจอ ปรสิต อีกกลุ่มที่มาทวงถาม “ความจริง” จนมันนำไปสู่ความสยดสยอง ในหนังเรื่องนี้ยังมีปรสิต อันมีนัยยะหมายถึงสิ่งสกปรก โสโครก ให้เห็นอยู่เรื่อยๆนะครับ เช่น น้ำที่ท่วมบ้านเวลาฝนตก ขยะลอยมา… หรืออาการมูมมามเวลากินอาหารแล้วทิ้งเกลื่อนกลาด รวมทั้ง “กลิ่นเสื้อผ้า” ที่เหม็นๆ

ประเด็นของหนังนั้น ถ้าดูผ่านๆ จะนึกว่าเล่าเรื่องของคนเลวไปหลอกคนรวย ทว่า หากมองแบบพิศๆ สิ่งที่หนังเรื่องนี้พูดชัดๆคือ การวิพากษ์วิจารณ์สังคมยุคใหม่ ที่คนรวยก็มั่งมีล้นฟ้า ขณะที่คนยากจน มีฐานะหรือสถานะไม่ต่างอะไรจาก “ปรสิต” ไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือสิทธิ์ เป็นอาหารหรือการอยู่

 

แย่ขนาดจะหาสัญญาณไว-ไฟ ยังต้องเดินสแกนเอาตามมุมต่างๆของบ้าน

บทดีมากจนเกือบสมบูรณ์(แต่ไม่สมบูรณ์) การแสดงอยู่ในระดับที่ทุกคนทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอด โดยเฉพาะการทำให้คนดู ไม่รู้สึกวางใจใครได้เลย แม้ว่าใครๆนั้นจะดูเป็นคนจิตใจดีก็ตาม แต่สิ่งที่ดีที่สุดนอกจากประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สังคมแล้ว ก็คือการจัดฉาก จัดแสง และทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดตลอดเวลา

ผู้กำกับ Bong Joon-Ho และนักแสดงนำ Kang-Ho Song จากภาพยนตร์เรื่อง Parasite กับรางวัลปาล์มทองคำ 2019 ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

มีฉากหนึ่งที่ผมชอบ คือตอนที่ครอบครัวตัวแสบ ต้องไปนอนแอบ อยู่ใต้โต๊ะกลางบ้าน โดยมีเจ้าของบ้านนอนอยู่บนโซฟาสวยๆ แพงๆ หนังเอา level หรือ”ระดับ” มาตีความ

นอนใต้โต๊ะ ติดพื้นบ้าน ก็คืออะไรที่มันดูต่ำเตี้ย ไม่ต่างจากปรสิต ชีวิตครอบครัวตัวแสบ ไม่มีอะไรเลยที่ไม่ต่ำกว่า ขนาดมุมกล้องเวลาจับภาพครอบครัวพวกนี้ ยังกดลง จนดู “เตี้ยๆต่ำๆ” ไปโดยปริยาย แต่ที่ว่าเตี้ยและต่ำแล้ว ยังมี “ผู้มาใหม่” ที่ต่ำกว่า เตี้ยกว่า อย่างเย้ยหยันอีกด้วย

ท่านใดไปดูหนังเรื่องนี้แล้ว ผมมีคำถามสนุกๆมาชวนคิดข้อหนึ่ง

นั่นคือ ทำไมตัวละครในหนัง ต้องแต่งตัวเป็น “อินเดียนแดง” ?

ถ้านึกไม่ออก – ผมบอกเอาไว้แล้ว ในบทความนี้

ที่บรรทัดใด บรรทัดหนึ่ง 🙂

Related Articles

ปิดร้านคุย! ร้านโปสเตอร์หนังดีสุดของไทย

 ไม่ใช่เพียงนักข่าวสาวของ “วอชิงตัน โพสต์” จะบุกไปที่บ้านของเขา นักข่าวหนุ่มของ “เนชั่นกรุ๊ป” ก็ยังแอบไปปิดร้านคุยกับ “เขา”ผู้เป็น “เจ้าของพื้นที่” ร้านโปสเตอร์หนังที่ดีที่สุดของไทย ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า สันติ ตันติภัณฑรักษ์…เขาแฝงตัวและหลบเร้นชีวิตอย่างเรียบง่าย ด้วยการเปิดร้านซอกหลืบกว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร ในสยามสแควร์

Minority ใน “วัฒนธรรมป๊อป”

ถ้าวัดกันอย่างหยาบๆ คำว่า Fanatic ถูกใช้ในวงการหนังแบบ “ติดปาก” กับหนัง Star Wars เป็นเรื่องแรกๆ ความหมายของมันคือ ลัทธิหรือสาวก แต่ไม่ใช่สาวกแฟนคลับในแบบ Harry Potter เหตุผลประการหนึ่งเพราะว่า ด้วยเนื้อหาของผลงาน จอร์จ ลูคัส นั้น มีความสลับซับซ้อนในตัวละครมากมาย

Tenet-Sansiri Blog 05

ถ้า Tenet ไม่ได้เงิน นี่คือ 5 เหตุผลสำคัญ!

มีเด็กนักเรียนนักศึกษากลุ่มหนึ่ง นั่งคุยกันว่า พวกเขาอยากนัดกันไปดูหนัง Tenet ของ “เสด็จพ่อโนแลน” ด้วยกิตติศักดิ์ร่ำลือ ถึงความลึก ล้ำ และเท่ ของผู้กำกับคนนี้ หลายพูดกันว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน คือคนทำหนังที่ “แนว” สุดแล้วในตอนนี้ แต่จะว่าไปไม่น่าใช่ เพราะหนังแนวๆ นี้ที่แจ้งเกิดให้กับเขา