การเปลี่ยนตัวผู้เล่นในการแข่งขันเป็นการแก้ไขสถานการณ์ของทีมหรือรักษาผลสกอร์ไว้
แต่หลายครั้งการตัดสินใจนั้นก็ผิดพลาด ส่งผลถึงผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง
เปลี่ยนตัว ภายหลังที่จบเกมระหว่างทีมปีศาจแดงกับทอฟฟี่สีน้ำเงินไป ในหน้าเว็บบอร์ดและโซเชียลมีเดียมีแต่เนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การเปลี่ยนตัวเอา Fellaini ลงมาในช่วงท้ายเกมของ Mourinho ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้ Everton สามารถเก็บหนึ่งคะแนนจากเกมนี้ได้อย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นสำหรับแฟนๆ ปีศาจแดงทั้งหลาย ซึ่งแม้ภายหลัง Mourinho จะออกมาให้เหตุผลถึงการเปลี่ยนตัวดังกล่าวว่าเป็นแทคติกเพื่อโต้การใช้บอลยาวของ Everton ด้วยส่วนสูงและลูกเล่นกลางอากาศที่ดีของ Fellaini ก็ไม่ได้ส่งผลให้ชาวออนไลน์ลดละการเย้ยหยันด้วยการซ้ำเติมด้วยมุกตลกต่างๆ มากมายอย่างที่เราเห็นกัน
คราวนี้เราลองมาอ่านเกร็ดย้อนหลังสนุกๆ กันครับว่า การเปลี่ยนตัวผู้เล่นของผู้จัดการทีมดังๆ ในอดีต มีกรณีไหนบ้างที่น่าจดจำและเป็นที่กล่าวขวัญกันไม่จบสิ้น
สำหรับ Mourinho เองนี่เป็นอีกครั้งที่การตัดสินใจเปลี่ยนตัวของเค้ากลับกลายมาเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอน ถ้ายังจำกันได้ ย้อนกลับไปในปี 2005 ตอนที่เค้ายังเป็นผู้จัดการทีม Chelsea อยู่ ในการแข่งขันบอลถ้วย FA Cup รอบที่ 5 กับทีม New Castle United หลังจากที่ถูกขึ้นนำไป 1-0 ช่วงพักครึ่งหลังเค้าตัดสินใจเปลี่ยนตัวนักเตะทั้งหมด 3 คนในเวลาเดียวกันเอา Gudjohnsen แทน Geremi เอา Lampard แทน Joe Cole และเอา Damien Duff แทน Tiago ซึ่งเป็นการเสี่ยงที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงจนกู้ไม่ได้เพราะ Wayne Bridge บาดเจ็บออกจากสนามหลังเริ่มครึ่งหลังไม่นานทำให้ทีมเหลือแค่ 10 คน Duff และ William Gallas เป็นอีก 2 คนที่บาดเจ็บแต่ต้องทนเล่นต่อเพราะไม่มีโควต้าเปลี่ยนตัวแล้ว สุดท้ายจบเกมที่ 9 คนด้วย Cudicini ผู้รักษาประตูโดนไล่ออกในช่วงท้ายเกม เห็นไหมครับ การเปลี่ยนตัวบางครั้งก็ไม่เป็นไปตามแผนแม้จะเป็น the special one ก็ตาม
เช่นเดียวกัน สำหรับ Claudio Ranieri ผู้จัดการของ Leicester City เองก็เคยมีอดีตที่ไม่อยากจดจำมากนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในการทำทีม โดยเค้าเคยได้ถูกเรียกว่า The Tinkerman (ที่อาจจะแปลความหมายกลายๆ ว่าชอบปรับเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย) อันเนื่องด้วย Ranieri เคยเป็นคนที่ชอบปรับสไตล์การเล่นของทีมและเปลี่ยนตัวผู้เล่นอยู่เรื่อยๆ จนถูกมองว่าทำให้ทีมไม่เสถียร โดยเฉพาะช่วงที่รับหน้าที่ผู้จัดการทีม Chelsea ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วย Mourinho นั่นเอง
ถ้าผู้อ่านเป็นแฟนทีมเชลซีคงจำได้ในแม็ทช์ที่นักวิจารณ์มองว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของการเปลี่ยนตัวและวางแผนการเล่นที่ล้มเหลวของ Ranieri นั่นก็คือเกมกับ Monaco ในรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งในปีนั้น Chelsea ถือว่าเป็นเต็งหนึ่งแล้วเพราะนอกจาก Monaco แล้วก็เหลือแค่ Porto และ Deportivo La Coruna ซึ่งก็เป็นทีมระดับรองหลุดรอดเข้ามา แต่แล้ว Ranieri ก็ทำในสิ่งที่เปลี่ยนเกมทุกอย่างขณะที่เสมอกันอยู่ 1-1 ซึ่งถือว่า Chelsea ได้เปรียบประตูนอกบ้านและแถม Monaco ยังมีผู้เล่นโดนใบแดงออกไปหนึ่งคน
แต่แล้วเค้าก็เปลี่ยนเอา Jimmy Floyd Hasselbaink ลงมาแทน Melchiot ในตำแหน่งแบ็คขวา สักพักก็เปลี่ยนตัวเอา Robert Huth แทน Joe Cole ให้เล่นแบ็คขวาแทนแล้วดัน Hasselbaink ขึ้นไปเล่นปีกขวา แค่อ่านก็ยังงงเลยครับ สุดท้ายผู้เล่นก็สับสนกับการเปลี่ยนตำแหน่ง เท่านี้ยังไม่พอ การเปลี่ยนตัวสุดงงนี้ทำให้หมดโควต้าตัวสำรองในขณะที่ John Terry ก็บาดเจ็บแต่ต้องทนเล่นจนจบเกม ส่งผลให้เสียไปอีก 2 ประตู ทั้งๆ ที่ผู้เล่นก็มากกว่า แพ้ในเกมนี้ไป 3-1 และตกรอบรองชนะเลิศในที่สุด ก่อนที่ Ranieri จะโดนปลดในเดือนถัดมา
เดี๋ยวจะหาว่าผมเล่นแต่ทีมอี่น Liverpool ทีมโปรดผมก็มีนะครับ กรณีการเปลี่ยนตัวแบบไม่ make sense อย่างเช่นตอนที่ Benitez คุมทีมอยู่ จำปีไม่ได้แล้ว แต่จำสีหน้าของกัปตันทีม Steven Gerrard ได้ดีเลยตอนที่ Benitez ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอา Torres ออกแล้วเอา N’Gog ลงแทนในเกมที่ต้องได้ 3 แต้มเพื่อโอกาสการเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลไหนผมจำไม่ได้แล้ว เป็นการแข่งกับ Birmingham ที่เสมอกันอยู่ 1-1 ซึ่งถ้าดูจากสถิติแล้ว Torres มีสถิติจำนวนประตูเฉลี่ยต่อเกมดีกว่า N’Gog มากเลย สุดท้าย N’Gog ลงมาก็พลาดโอกาสได้ประตูเหน่งๆ หลายต่อหลายครั้ง ลองไปหาวิดีโอดูกันใน youtube นะครับแล้วจะรู้ว่าสีหน้าของ Gerrard ส่อให้เห็นถึงความมึนงงและผิดหวังกับแทคติกของผู้จัดการขนาดไหน
แต่ Gerrard เองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเปลี่ยนตัวที่น่าผิดหวังที่สุดเหมือนกันของ Liverpool ในเกมสุดท้ายกับคู่อริอย่าง Manchester United เกมสุดท้ายก่อนเค้าจะอำลา EPL ไปเล่นในเมเจอร์ลีก หลายต่อหลายครั้งที่เค้าเป็นคนที่สามารถพลิกเกมให้ทีมได้ และการเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่งอาจจะนำมาซึ่งผลดีกับทีม ผมเชื่อว่าแฟนบอลทุกคนคงจำได้ว่า Gerrard ใช้เวลาในสนามไม่ถึง 40 วินาทีก่อนที่จะฟาล์วแบบน่าเกลียดและโดนใบแดงออกจากเกมโดยที่เหงื่อยังไม่ทันหยดเลยด้วยซ้ำ
Ali Dia นักเตะโนเนม ผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นเคยเล่นให้สโมสรใหญ่อย่าง Paris Saint German และ Bologna ก่อนพบความจริงในภายหลัง – Credit: thesun.co.uk
ส่วนกรณีสุดท้ายนี้ผมต้องยกให้เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ของวงการฟุตบอลอังกฤษอันหนึ่งเลยทีเดียวคือการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในเกมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1996-97 ของสโมสร Southampton ที่มี Graeme Souness เป็นผู้จัดการในตอนนั้นกับ Leeds United โดย Souness เปลี่ยนตัวเอาดาราเทพตลอดกาลของสโมสรอย่าง Le Tissier ออกแล้วเอานักเตะโนเนมที่เพิ่งเซ็นสัญญาชั่วคราว 1 เดือนที่มีชื่อว่า Ali Dia ลงไปเล่นแทน ตอนที่สโมสรเซ็นรับ Dia ผู้นี้เข้ามามีคนที่อ้างว่าเป็นนักเตะระดับโลกอย่าง George Weah แนะนำ และรับรองให้กับ Souness ว่าเป็นญาติกัน และอ้างว่าเคยเล่นให้สโมสรอย่าง PSG และ Bologna มาแล้ว แต่สุดท้ายทุกคนมาค้นพบภายหลังว่าทุกอย่างไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และสโมสรที่เค้าเคยเล่นให้เป็นแค่ทีมนอกลีกที่มีชื่อว่า Blyth Spartans ในอังกฤษนั่นแหละครับ จะตลกก็ตอนที่ผู้จัดการทีม Blyth Spartans มาให้ข่าวว่านักเตะคนนี้ออกจากทีมไป และไปเห็นอีกทีก็ในรายการ Match of The Day ทาง BBC ที่เปลี่ยนตัว และได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนบอลในเกมดังกล่าว
ก็ถือว่าเป็นสุดยอดของความขายขี้หน้าของผู้จัดการในการเปลี่ยนตัวผู้เล่นครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอาชีพเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ผมว่าคงหลอกแบบนี้ได้ยากนะครับ เพราะสมัยก่อนคงยังไม่มีอินเตอร์เน็ต หรือเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในการเช็คประวัติแบบที่เราเองยัง google กันได้ในปัจจุบัน
ข้อมูลจาก: คอลัมน์ “เศรษฐา & กีฬา” เปลี่ยนตัวผิดคิดจนตัวตาย! โดยคุณเศรษฐา ทวีสิน (สยาม สปอร์ต รายวัน) วันที่ 9 ธันวาคม 2559
ถ้าคุณสนใจบทความกีฬา:
การล่วงละเมิดทางเพศในวงการกีฬา ปัญหาที่ต้องจัดการ คลิก
ชุดแข่ง ขุมทองของสปอนเซอร์และทีมฟุตบอล คลิก