ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย “ศิลปะ” ก็ยังคงเป็นสิ่งสร้างความจรรโลงใจ เพลิดเพลิน รื่นรมย์ และผ่อนคลายให้กับมนุษย์ จากความวิจิตรงดงามในด้านต่างๆ ทั้ง สถาปัตยกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม จิตรกรรม รวมไปถึงคีตศิลป์ต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลได้รับการรังสรรค์และร้อยเรียงกันด้วย “การดีไซน์” ให้ลงตัว
บทบาทของความผู้ด้านดีไซน์ของ แสนสิริ เองนั้นก็เองก็เริ่มจากความเชื่อ…เชื่อในความเป็นไปได้ใหม่ๆ พร้อมสานต่อยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองทางศิลปะให้คงอยู่ไปจนถึงอนาคต
แต่ก่อนจะเดินไปยังวันข้างหน้าด้วยกัน…เราขอเล่าย้อนไปยังจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจ ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ในยุคที่รุ่มรวยไปด้วยศิลปะอันน่าหลงใหล เหล่าศิลปินชั้นเอกต่างใช้เวลาทั้งชีวิตอุทิศตนเพื่อรังสรรค์ชิ้นงานมาสเตอร์พีซให้คงอยู่อย่างเหนือกาลเวลา ส่งผ่านเป็นมรดกอันล้ำค่าให้กับคนรุ่นหลัง
แสนสิริ จึงนำความวิจิตรของเอกลักษณ์แห่งยุคสมัยต่างๆ มาผสมผสานเล่าผ่านความเป็น Iconic Design ของ “ ” ที่พร้อมเชิญให้ทุกคนไปสัมผัสกับประสบการณ์อันล้ำค่า หรูหรา สง่างามเหนือระดับ ที่เกินกว่าแค่ตาเนื้อมองเห็น พร้อมลิ้มรสเรื่องราวอันน่าค้นหาไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
“Regency” ยุคแห่งความรุ่มรวยของศิลปะ ความหรูหรา สง่างาม ทุกรายละเอียดล้วนละเมียดละไม สอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน จิตรกรรม สถาปัตยกรรม และศิลปะอีกหลายแขนงที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด โดยเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษ ในรัชสมัยของ King George IV
อัตลักษณ์ของ Iconic Design แห่งผู้ดีอังกฤษได้ถูกเลือกมาใช้รังสรรค์โครงการ “ ” เริ่มตั้งแต่ซุ้มทางเข้าโครงการ งานฝีมือเหล็กดัดแบบ Low Carbon แสนประณีต
ส่วน Facade โทนขาวตกแต่งสีดำของตัวบ้าน ความโค้งมนของประตู (Archway) ที่ช่วยเพิ่มความโอ่โถงหรูหรา ไปจนถึงการจัดแต่งสวนที่งดงามราวกับภาพวาดของศิลปินก้องโลก แต่งแต้มความตระการตาด้วยวัสดุเลอค่าอย่าง “หินอ่อน Cipollino Rosso”
อีกหนึ่งศิลปะขั้นสูงอันวิจิตรบรรจง คือ ภาชนะเครื่องเคลือบพอร์ซเลน (Porcelain) แบรนด์ Wedgwood Jasperware ที่มีสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งได้รับความนิยมในเหล่าราชวงศ์อังกฤษจนได้รับพระราชทานอนุญาตให้ใช้ชื่อว่า Queen’s Ware และแรงบันดาลใจจาก Wedgwood Jasperware มาใช้ตกแต่งภายในโครงการ เพิ่มบรรยากาศผ่อนคลายภายในคลับเฮาส์ด้วยโทนสีฟ้า Wedgwood Blue และลวดลายอ่อนช้อยสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ แต่งแต้มความตระการตาด้วยวัสดุเลอค่าอย่างหินอ่อน Cipollino Rosso ทำให้โครงการนี้โดดเด่นที่เพียงแค่มองก็รับรู้ถึงวิจิตรของเส้นสายสไตล์รีเจนซี่
ความรุ่งเรืองจากยุค “Renaissance Revival” คือการกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งของสถาปัตยกรรม สังคม และศิลปวัฒนธรรมในช่วงศตวรรษที่ 18 – ศตวรรษที่ 19 ในมหานครนิวยอร์ก จากส่วนผสมของอัตลักษณ์การออกแบบที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีดั้งเดิมและสถาปัตยกรรม Renaissance แบบฝรั่งเศส
ด้วยเอกลักษณ์อันงดงาม ทั้งรูปทรงจั่ว ซุ้มโค้ง เสาตื้น และหน้าต่างแบบ Repeated Pattern ตัวอาคารนิยมสร้างด้วยหิน Limestone ที่ให้อารมณ์เคร่งขรึมน่าค้นหาและเป็นวัสดุที่มีมูลค่ามาทุกยุคสมัย และสถาปัตยกรรมในรูปแบบนี้ถูกรังสรรค์ไว้มากมายในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งยังคงสง่างามและตราตรึงใจอยู่เสมอ
ความทรงคุณค่าทั้งหมดในยุคนี้ถูกส่งต่อมายังโครงการ “ ”
ผลลัพธ์จากความหลงใหลในเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยุค เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าสไตล์ Grill Works สวนของโครงการที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาตินานาพรรณ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ Central Park และประติมากรรมน้ำพุที่วิจิตรงดงามตามแบบฉบับ Besthasda Foutain บริเวณคลับเฮ้าส์ คือ สัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้พักอาศัยรู้สึกราวกับเดินพักผ่อนหย่อนใจในมหานครนิวยอร์ก
แนวคิดของผังเมืองย่านแมนฮัตตันถูกนำมาใช้กับการวางตำแหน่งบ้านแต่ละหลัง เพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่สวนอันร่มรื่นได้อย่างสะดวกสบาย เพิ่มเติมเอกลักษณ์แบบฉบับนิวยอร์กด้วย The Sky Palor ห้องกระจกที่มีทัศนียภาพงดงาม 180 องศา บรรดารายละเอียดน้อยใหญ่ในทุกมุมมองและทุกสัมผัสของโครงการนี้ ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความงดงามของ Renaissance Revival ที่สอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิตชนชั้นสูงของมหานครนิวยอร์กอย่างลึกซึ้ง
ยุค – หรือที่ขนานนามว่า สถาปัตยกรรมแบบวิจิตรศิลป์ อันมีต้นกำเนิดมาจากสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งกรุงปารีส (École des Beaux-Arts) โดดเด่นด้วยการดึงอัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรมกรีก – โรมันโบราณ โดยใช้หลักแนวคิดจากสถาปัตยกรรมสมัย Renaissance และ Baroque ผสมผสานกับความเป็นอยู่ในยุคนั้น หลอมรวมจนกลายเป็นความหรูหราที่ทรงพลัง ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วยุโรปและอเมริกาในช่วงราวศตวรรษที่ 19 ถึง ศตวรรษที่ 20
ความเหนือกาลเวลาของ Beaux – Arts ถูกถ่ายทอดภายใต้ปรัชญา The Best Comes as Standard ของ “98 Wireless” เพื่อให้ผู้ครอบครองได้สัมผัสถึงมาตรฐานที่ดีที่สุดของความงดงามในทุกองค์ประกอบอย่างแท้จริง
ทั้งตัวอาคารและการตกแต่งภายในเต็มไปด้วยรายละเอียดที่วิจิตรงดงามในทุกตารางนิ้ว งานฝีมืออันเป็นเลิศถูกรังสรรค์เพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะอย่าง ผลงานหล่อปูนสุดประณีตบริเวณเพดาน คิ้วบัว และหัวเสา คราฟท์โดยทีมช่างฝีมือชั้นสูงจากนิวยอร์ก ‘Hyde Park Mouldings’ และเพื่อถ่ายทอดสุนทรียสัมผัสของศิลปะนี้ได้อย่างถ่องแท้
คัดสรรวัสดุที่ดีที่สุดในโลกอย่างหินอ่อน Statuario จากอิตาลี นำมาเรียงร้อยต่อลาย Bookmatch อย่างลงตัว เพื่อประดับประดาแต่ละยูนิตให้มีความโดดเด่นสวยงาม อีกทั้งบรรดาสิ่งเล็กน้อยยังสามารถสะท้อนรสนิยมได้อย่างละเอียดอ่อน เช่น ลูกบิดและกลอนจาก Baldwin ที่ถูกเลือกใช้สำหรับทำเนียบขาว ไปจนถึงประตูไม้จริงลาย Mahogany Crotch และพื้นไม้โอ๊คลาย Herringbone นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา
ทุกองค์ประกอบที่ควบรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็น 98 Wireless โครงการ Super Luxuxy ที่ทรงคุณค่า หรูหรา และงดงาม ตั้งตระหง่านท้าทายกาลเวลาบนถนนวิทยุที่ศิวิไลซ์ เพรียบพร้อมเฉกเช่นเดียวกับ Fifth Avenue อันเป็นศูนย์กลางธุรกิจและย่านมหาเศรษฐีที่โด่งดังในแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก
ร่องรอยจากอดีตส่งผ่านถึงอนาคต สู่การสร้างสรรค์ความงามจากสัจจะวัสดุ เปิดเปลือยความงามจากภายใน อวดผิวสัมผัสของเนื้อวัสดุ พร้อมบอกเล่าใหม่ผ่านดีไซน์แยบคายสไตล์ “Industrial Heritage”
อัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรม Industrial Heritage จะมีความโดดเด่นเมื่ออยู่ในบริบทที่ลงตัว ซึ่ง ย่านทองหล่อ คือพื้นที่ที่ผสานความเป็น Industrial และ Heritage ไว้อย่างกลมกลืน ด้วยการคลุกเคล้าความเป็นย่านที่อยู่อาศัยของตระกูลเก่าแก่และร้านรวงดั้งเดิม หลอมรวมเข้ากับบรรยากาศของแหล่งแฮงก์เอาท์ที่ล้ำสมัย จึงถูกเลือกเป็นพื้นที่ตั้งของโครงการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบสไตล์ Industrial Heritage
โดดเด่นด้วยโครงสร้างของอาคารรูปทรง Monolith และสระว่ายน้ำที่มีเอกลักษณ์ราวประติมากรรมที่ตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ด้วยแรงบันดาลใจจากวงปีของต้นไม้ใหญ่ที่ดึงดูดสายตาและชวนให้ค้นหาอย่างไม่รู้เบื่อราวกับได้จ้องมองงานศิลปะชั้นเยี่ยม ทั้งแชนเดอเลียจาก Lasvit ที่รังสรรค์มาเป็นพิเศษ และ Murano Lamp หนึ่งในหกคู่ของโลก รวมทั้งภาพผลงานศิลปะอันประเมินค่ามิได้อีกมากมายที่ทำให้ The Monument Thonglor ไม่ได้ถูกจำกัดแค่นิยามของที่พักอาศัย แต่เป็นเสมือนมรดกแห่งวงศ์ตระกูลที่จะส่งมอบต่อไปนับทศวรรษ
โดดเด่นด้วย Facade สีคอปเปอร์จากอลูมิเนียมและ Glass Wall ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จากความคอนทราสต์ แต่ก็ยังงดงาม กลมกลืนอย่างเหนือคาดไปกับกำแพงหิน
ความชัดเจนในสไตล์ Industrial Heritage ยิ่งดูมีชีวิตชีวาเมื่อถูกถ่ายทอดจากฝีมือของดีไซเนอร์อัจฉริยะ Philippe Starck ที่สร้างผลงานให้โลกได้ชื่นชมมาแล้วมากมาย มาร่วมออกแบบโครงการทั้งฟังก์ชัน การคัดสรรวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ ควบคุมทุกขั้นตอนแม้ในรายละเอียด เพื่อดึงเสน่ห์ของ Industrial Heritage ออกมาให้ได้มากที่สุด เช่น การใช้วัสดุแบบ Raw Beauty ที่ตอกย้ำความเป็น Timeless Design ทั้งยังใส่ลูกเล่นอย่างมีชั้นเชิง สอดแทรกไว้ด้วยชิ้นงานโปรดักส์อันโด่งดัง และส่งต่อความครีเอทีฟผ่านเฟอร์นิเจอร์โอเวอร์สเกลที่ทำให้ Khun By Yoo เปรียบเสมือนงานศิลปะที่จะทวีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต
ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งของผลงานที่นับว่าเป็นมรดกอันแสนล้ำค่าจากอดีต ที่ส่งต่อมายังปัจจุบันผ่านการออกแบบด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ลงลึกทุกขั้นตอนเพื่อประกอบสร้างขึ้นมาเป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามและทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา