เหตุผลที่ทำให้คน
"ตกหลุมรัก"

ทุกคนคิดว่าการตกหลุมรักใครสักคนมีเหตุผลไหม? 

หลายคนมักพูดกันว่าการตกหลุมรักใครสักคนหาเหตุผลไม่ได้  เพราะ “รักก็คือรัก” แต่ไม่ว่ายังไงความรักก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์และพิเศษว่าไหม เพราะความรักทำให้เรามีความสุข โลกสดใส และมีแรงใจในการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน

เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยตกหลุมรักใครบางคน บางคนอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการตกหลุมรัก แต่บางคนต้องใช้เวลาเพื่อศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกันกว่าจะตกหลุมรัก แล้วทุกคนเคยสงสัยไหม ว่าทำไมเราถึงตกหลุมรักใครบางคนได้ เราจะพามาหาคำตอบของกันตกหลุมรักกัน

อาการของคนตกหลุมรักเป็นยังไง

เมื่ออยู่ใกล้คนที่แอบชอบบางคนจะมีอาการใจเต้นเร็ว ตื่นเต้น เหงื่อออก หรือม้วนท้อง ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า การตกหลุมรักเกิดจากการที่เรามีความสุขกระตุ้นให้สารเคมีในสมองหลั่งออกมา 3 ชนิด ได้แก่ สมองหลั่งสารอะดรีนาลีน ทำให้หัวใจเต้นเร็วเหงื่อออก และเมื่อมีความรู้สึกดีๆ ที่ได้อยู่ใกล้คนที่ชอบ สมองจะหลั่งสารโดปามีนออกมา และสุดท้ายอาการรู้สึกม้วนท้องเหมือนผีเสื้อบินวน เนื่องจากสมองจะหลั่งสารฟีนิลเอทิลเอมีนออกมา ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมคะ การที่เราหัวใจเต้นแรง หรือรู้สึกมีผีเสื้อบินวน คืออาการส่วนหนึ่งของการตกหลุมรักนั่นเอง

ใช้เวลานานเท่าไรถึงตกหลุมรัก

จากการสำรวจของเว็บไซต์หาคู่ EHarmony ในสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ชายใช้เวลาประมาณ 88 วัน ในการตกหลุมรัก หลังจากที่ทำความรู้จักกัน ในขณะที่ผู้หญิงใช้เวลาประมาณ 134 วัน ในการตกหลุมรัก และเว็บไซต์ “Elite Single” เว็บไซต์หาคู่อีกหนึ่งแห่ง ได้ทำการวิจัยพบว่าผู้ชายเชื่อในรักแรกพบ 72 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผู้หญิงเชื่อในรักแรกพบเพียง 61 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ผู้ชายเชื่อในรักแรกพบมากกว่าผู้หญิงทำให้มีโอกาสตกหลุมรักมากกว่านั่นเอง

8 เหตุผลของการตกหลุมรักทางจิตวิทยา

• คนที่มีความคล้ายคลึงกับเราจะทำให้เราตกหลุมรัก
คนส่วนใหญ่มักจะตกหลุมรักคนที่มีนิสัย บุคลิก ท่าทาง ความชอบคล้ายคลึงกัน หากอยู่ใกล้กันแล้วจะทำให้มีเสน่ห์ดึงดูดและตกหลุมรักในที่สุด

• คนที่มีนิสัยเหมือนพ่อแม่ของเราจะทำให้ตกหลุมรัก
คนส่วนใหญ่มักจะชอบคนที่มีนิสัยคล้ายพ่อหรือแม่ เพราะมีเสน่ห์ดึงดูดทำให้ตกหลุมรัก 

• การวางตัวที่ดีจะทำให้ตกหลุมรัก
บุคลิกภาพที่ดี นิสัยที่แสดงออกกับผู้อื่นส่งผลต่อการตกหลุมรัก

• ความสูงจะทำให้ตกหลุมรัก
จากการวิจัยทางจิตวิทยา ผู้หญิงมักชอบผู้ชายที่สูงกว่าตัวเอง

• กลิ่นแรงดึงดูดจะทำให้ตกหลุมรัก
ทุกคนมีกลิ่นพิเศษในตัวเอง มนุษย์ทุกคนมีฮอร์โมนที่ชื่อว่า ฟีโรโมน เมื่อผสมกับเหงื่อจะทำให้มนุษย์แต่ละคนมีกลิ่นที่เฉพาะแตกต่างกันออกไป

• ความใกล้ชิดจะทำให้คนตกหลุมรัก
ความใกล้ชิดมีโอกาสที่จะทำให้ตกหลุมรักมากขึ้น เนื่องจากมีปฏิสัมพันธ์กันบ่อย ความตื่นเต้นจะทำให้คนตกหลุมรัก เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่ตื่นเต้น มาด้วยกันจะทำให้มีโอกาสรักกันมากขึ้น

• รอยยิ้มจะทำให้ตกหลุมรัก
รอยยิ้มมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนตกหลุมรัก

รูปแบบของ “ความรัก” ตามทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งรัก

การที่ความรักจะก่อตัวขึ้นได้ โรเบิร์ต สเติร์นเบิร์ก ได้กล่าวไว้ว่าความรักเกิดขึ้นจาก องค์ประกอบ 3 ประการ ดังนี้

ความสนิทสนม เกิดจากความรู้สึกผูกพันจากการมีปฏิสัมพันธ์เป็นเวลานาน
ความหลงใหล ความเสน่หาและการดึงดูดทางเพศ
ความผูกพัน คือความรู้สึกอยากผูกมัดอยากสานสัมพันธ์ในระยะยาว

รูปแบบความสัมพันธ์ในองค์ประกอบของความรัก

เมื่อความรักไม่ได้มีความรักเพียงแค่อย่างเดียวแต่มีความสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ความรักแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ได้ดังนี้

ไม่มีความรัก ความสัมพันธ์ระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่มีความรักมาเกี่ยวข้อง
ความชอบ เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากการรู้จักและความใกล้ชิดไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบผูกมัดกัน เช่น เพื่อน คนรู้จัก
รักแบบหลงใหล ความหลงใหลได้ปลื้มหรือการตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ
ความสัมพันธ์แบบปราศจากความรัก ความสัมพันธ์ที่เกิดจากการแต่งงานโดยปราศจากความรัก แต่เมื่ออยู่กันไปอาจจะทำให้รักกันได้
รักแบบโรแมนติก ความรักที่เกิดจากความเสน่หาทั้งสองฝ่าย
รักแบบมิตรภาพ เป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และผูกพัน ใช้ชีวิตร่วมกันมาอย่างยาวนาน
รักแบบไร้สติปัญญา รักแบบมีความเสน่หา ต้องการผูกมัดและจบลงอย่างรวดเร็ว

รักสมบูรณ์แบบ มีทั้งความใกล้ชิดผูกพัน ความเสน่หา และความรู้สึกอยากผูกมัด

อาการแบบนี้เขาเรียกว่ารักรึเปล่านะ

หยุดยิ้มไม่ได้
เป็นคนที่ดีขึ้น
อยากเจอหน้าตลอดเวลา
อยากเจ็บปวดแทนอีกคน
คิดถึงอนาคตร่วมกัน
รู้จักอีกฝ่ายดีกว่าใคร
อยากปกป้องอีกฝ่าย
ให้ความสำคัญเขามากกว่าใคร

เราเชื่อว่า “การตกหลุมรัก” เป็นความพิเศษที่ช่วยเติมเต็มหัวใจให้มีความสุข หากคุณกำลังตกหลุมรักใครสักคน ขอให้สมหวังในความรักทุกคนนะ

อ้างอิง :

https://www.mountelizabeth.com.sg/health-plus/article/the-science-behind-why-we-fall-in-love 

https://www.teenvogue.com/story/how-do-you-know-you-love-someone 

https://www.businessinsider.com/people-fall-love-science-2016-7?utm_content=bufferf3af8&utm_medium=social&utm_source=facebook.com&utm_campaign=buffer-travel

https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/triangular-theory-of-love

Related Articles

Because truth is timeless

Because truth is timeless: เพราะการพูดความจริงแสดงถึงความจริงใจและรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคง

การพูดความจริงเป็นการแสดงถึงความซื่อสัตย์ จริงใจ และเป็นการโอบอุ้มความสัมพันธ์ให้มั่นคง ทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” และคงไม่มีอะไรทำลายความจริงได้ใช่ไหมล่ะคะ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ต่อให้จะมีใครพยายามบิดเบือนความจริง แต่ความจริงก็ยังคงอยู่ และรอวันที่จะเปิดเผยออกมา  เราเปรียบความจริงกับท้องฟ้าที่ต้องผ่านพายุฝน ท้องฟ้าอาจจะมืดมน ไม่สดใส และมีเมฆมาปกคลุม แต่เมื่อพายุผ่านไปฝนหยุดตก ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสดั้งเดิม และบางครั้งอาจจะมีสายรุ้งที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นถึงความสวยงามด้วย ต่อให้ท้องฟ้าจะมืดมนขนาดไหนก็กลับมาสดใส เหมือนกับที่ไม่มีอะไรมาทำลายความจริงได้  หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าการพูดความจริงเป็นรากฐานที่จะทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงและยิ่งยืนนาน

half-year-resolution

Half-year resolution : บทเรียนชีวิตที่ได้จากครึ่งปีแรก

เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าเราพยายามทำต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้  เราจะเดินถึงเป้าหมายได้ในที่สุด เผลอแป๊ปเดียวพวกเราทุกคนเดินทางผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตอนต้นปีมีใครตั้งเป้าหมายอะไรไว้กันบ้างคะ? บางคนอาจเดินถึงเป้าหมาย บางคนกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วาดไว้ แต่เราเชื่อว่า บางคนรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไปในช่วงต้นปีอาจไม่ได้สำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้อาจเลือนรางเต็มที แต่ไม่เป็นไรเลย เพราะชีวิตคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ  ทุกคนรู้ไหมคะการตั้งเป้าหมายใหม่อาจไม่ได้หมายความว่าต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป แต่เราอาจจะนำสิ่งที่เราทำและอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ มาทบทวน พัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เราเดินไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จอาจจะไม่ได้เกิดจากครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าหากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เราจะเดินถึงเป้าหมายในที่สุดค่ะ คนเราทุกคนกว่าที่จะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้

 ความจริง VS ความเชื่อเกี่ยวกับน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ที่คนชอบกินสมูทตี้ต้องรู้ 

ไม่ต้องเลิก กินน้ำปั่น อย่างใครเขา งดเท่าที่เรานั้น จะงดไหว น้ำปั่นเราไม่ต้องหวานเท่าของใคร อย่ากินจนทำลายสุขภาพเท่านั้นพอ  “น้ำผลไม้ปั่น” หรือ ที่ใครหลายคนเรียกว่า “สมูทตี้” เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนชอบกินมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่มีสีสันสดใสและเป็นผลไม้ที่ได้มาจากธรรมชาติ ทำให้ถูกมองว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มีคนมากมายชอบกินน้ำปั่นสมูทตี้ เพราะคิดว่า อร่อยและดีต่อสุขภาพด้วย ทำให้เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน คนรักสุขภาพ