เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ปารีส” คือเมืองที่เป็นศูนย์กลางของงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ และมีอิทธิพลต่องานศิลปะทั่วโลก เสมือนกับว่างานศิลปะทั่วโลกกำลังหมุนรอบกรุงปารีส และไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่ “อดีต” จวบจน “ปัจจุบัน”
นอกจาก Street Art ที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ปารีสยังมีพิพิธภัณฑ์นานาชาติเก็บรวบรวมผลงานศิลปะชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก ผลงานจากศิลปินชื่อดังต่างถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่นี่ “Musée du Louvre”
งานชิ้นสำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกอย่าง ภาพโมนาลิซ่า (The Monalisa), The Virgin and Child with St. Anne และ Madonna of the Rocks เป็นภาพเขียนผลงานของ ดาวินชี (Leonardo Da Vinci) และงานปั้นชื่อดัง Venus de Milo ของศิลปินในยุคกรีกโบราณ Alexan dros of Antioch ก็ถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่นี่
นักท่องเที่ยวต่างสนุกกับการ selfie ตัวเองกับผลงานที่ชื่นชอบ และเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาสัมผัสกับผลงานจากศิลปินระดับโลกในเมืองเด็กดื้อแล้ว
ความขี้เล่นของศิลปินที่แกะสลักหินให้เป็นรูปปั้นคนกำลัง selfie ตัวเองอยู่ ได้กลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ ให้นักท่องเที่ยวเลียนแบบท่าทางตามรูปปั้น เป็นความ Contrast ระหว่างสิ่งเก่าและสิ่งใหม่ เป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่ศิลปินหยิบยื่นความคิดนอกกรอบมาใส่ไว้ในงานศิลปะเดิมๆ จึงเป็นความร่วมสมัยที่ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่ได้สนใจในงานศิลปะได้ดีทีเดียว
แม้เวลาจะหมุนมาไกลแค่ไหน…มนุษย์ก็ยังคงวนเวียนชื่นชมความงามของงานศิลป์อยู่เช่นเดิม และไม่ว่าเราจะอยู่ในยุคสมัยใด สิ่งที่เปลี่ยนไปก็เพียงการใช้ชีวิตของผู้คนที่มีสะดวกสบายยิ่งขึ้นจากนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ แต่สุดท้ายแล้วเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามนุษย์นั้น ไม่สามารถหลีกหนีจากการเสพงานศิลปะได้เลย เพราะงานศิลปะ คือสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และมันยังคงความงามและทรงคุณค่าอยู่เพื่อจรรโลงสังคมไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม
งานศิลปะยังคงวางอยู่ที่เดิม แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน คุณค่าและมูลค่ากลับเพิ่มเป็นทวีคูณ เราจะเห็นได้ว่างานศิลปะชิ้นเล็กๆ บางชิ้นอาจมีมูลค่าสูงกว่ารถยนต์เสียอีก เพราะถ้างานศิลปะมันดีต่อใจ มนุษย์ก็พร้อมที่จะแสวงหามาไว้ครอบครองเพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางสังคม รสนิยม และความภูมิใจในตัวเอง
มาถึงไฮไลท์อีกชิ้นหนึ่งในปฏิมากรรมสุดยอดผลงานศิลปะอันล้ำค่าของพิพิธภัณฑ์ Winged Victory of Samothrace หรือเทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณชั้น 1 ต้อนรับนักท่องเที่ยวก่อนเข้าไปชมศิลปะชิ้นอื่น เราอาจคุ้นชื่อ ไนกี้ (Nike) ที่เป็นแบรนด์รองเท้าชื่อดัง ซึ่งความจริงแล้วเป็นชื่อของเทพีแห่งชัยชนะ ถูกสร้างขึ้นในราว 300 ปีก่อนคริสตกาลเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีซในการรบที่ซาโมเทรซ ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1863 และตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 ด้วยเส้นสายที่อ่อนช้อยของปีกที่กางออก และเสื้อผ้าที่พริ้วไหวราวกับต้องลมจริงๆ กำลังร่อนลงสู่พื้นดินดูน่าเกรงขาม ทำให้เห็นถึงทักษะการแกะสลักขั้นสูงของศิลปินในสมัยนั้น และเป็นต้นแบบของปฏิมากรรมจนยุคสมัยนี้
ภาพวาดที่ยังคงเป็นปริศนาว่าคนในรูป คือหญิงหรือชายกันแน่ “โมนาลิซา” ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก หากศิลปินผู้วาดภาพนี้ได้ทราบว่าผลงานตัวเองมีชื่อเสียงแค่ไหนคงจะดีใจไม่น้อย รูปนี้ถูกจัดแสดงอยู่กลางห้องโถงใหญ่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ถูกดูแลรักษาอย่างดีภายในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน งานศิลปะชิ้นเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติ รูปนี้แหละสามารถดึงดูดคนจากทั่วโลกให้มาเที่ยวปารีสนับล้านคนต่อปี
และส่วนใหญ่ของภาพวาดที่โด่งดังมักมีเรื่องราวของศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของคริสตจักรที่เข้ามาอิทธิพลต่อผู้คน และผู้ที่มีอำนาจในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี เรื่องราวบนภาพอาจเปลี่ยนไปตามยุคสมัยตามแต่ศิลปินในยุคนั้นหยิบยกเรื่องราวสำคัญ และนำมาสะท้อนความคิดให้เราได้ตีความต่ออีกทีหนึ่ง
และผลงานจากศิลปินยุคใหม่ส่วนใหญ่จะถูกจัดแสดงที่ “Musée des Arts Décoratifs” เป็นอาคารที่ถัดไปจาก “Musée du Louvre” งานศิลปะที่นี่จะเป็นงานจากศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกและยังคงมีชีวิตอยู่ เราจะเห็นความ Contrast ของงานศิลปะในอดีตและปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ซึ่งผลงานในปัจจุบันจะประยุกต์ให้เข้าใกล้กับการใช้ชีวิตของมนุษย์มากยิ่งขึ้น กลายเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเฟอร์นิเจอร์รับแขก ที่สามารถตั้งโชว์และใช้งานได้ในตัว
นี่คือผลงานบางส่วนของ ฟิลิปป์ สตาร์ค (Philippe Starck) กับการออกแบบ Juicy Salif ที่คั้นน้ำส้มรูปทรงสุดแปลกแต่โด่งดังไปทั่วโลก โดยมีแรงบันดาลใจจากปลาหมึก คือผลงานอีกชิ้นที่คนรักงานดีไซน์ต้องมีเก็บไว้ในครัว และยังมีผลงานหลายชิ้นที่มีชื่อเสียงภายใต้การดีไซน์ของ ฟิลิปป์ สตาร์ค เช่น Louis Ghost Chair ออกแบบให้ Kartell บริษัทเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง เก้าอี้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการดีไซน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และ Gun Lamp โคมไฟรูปทรงปืนสุดเท่ ซึ่งเป็นงานออกแบบให้กับ FLOS บริษัทดีไซน์โคมไฟชื่อดังในอิตาลี
ศิลปะไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา เพราะศิลปะคือความเป็นสากลอย่างที่สุด ไม่ว่ามนุษย์อยู่ในชนชั้นใด หรือพูดภาษาอะไร ต่างก็มีศิลปะในหัวใจเป็นแน่นอน ถนนทุกสายจึงต่างมุ่งสู่กรุงปารีส เมืองแห่งศิลปะที่เต็มไปด้วยเด็กดื้อผู้สร้างสรรค์ รังสรรค์งานศิลปะที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าจนประเมินค่าไม่ได้
แต่จะดีแค่ไหน หากงานศิลปะที่คุณชื่นชอบ สามารถนำไปจัดวางในห้องส่วนตัวเพื่อเก็บสะสม ประดับตกแต่งหรือใช้งานได้ด้วย ฟิลิปป์ สตาร์ค ผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมไปจนถึงงานดีไซน์สิ่งของต่างๆ เป็นที่รู้จักกันในแวดวงดีไซน์นับตั้งแต่ออกแบบไนต์คลับกลางกรุงปารีสในปี 1970 และมีผลงานที่โด่งดังอีกมากมาย เป็นศิลปินดีไซน์เนอร์ที่ชาวฝรั่งเศสและอิตาลีรู้จักอย่างดี
และตอนนี้ ณ กรุงเทพมหานคร โครงการ KHUN by YOO ทองหล่อ ผลงานภายใต้การออกแบบของ “ฟิลิปป์ สตาร์ค” ศิลปินระดับโลก พร้อมให้คุณเข้ามาเยี่ยมชมและเป็นเจ้าของได้แล้ว คลิก siri.ly/kby1