White Lies
โกหกตัวเองและผู้อื่นวันนี้เพื่อความสบายใจ
แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างไม่คาดคิด

อย่าโกหกตัวเองเพื่อรักษาความรู้สึกคนอื่น
เพราะความรู้สึกของเราสำคัญไม่แพ้ใคร

ทุกคนเคยโกหกตัวเองว่ามีความสุขเพื่อให้คนอื่นสบายใจไหมคะ? หลายครั้งที่เราโกหกตัวเองว่าเรายังไหว ไม่เป็นไรแค่นี้สบายมาก เราพูดกับตัวเอง “ฉันโอเค” “ฉันมีความสุข” พยายามหลอกตัวเองให้คิดแบบนั้น เพื่อที่จะแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่า “”ฉันไม่เป็นไร” ทั้งที่ภายในใจแตกสลายและรับอะไรแทบจะไม่ไหวอีกแล้ว แต่เราพยายามยิ้ม พยายามหัวเราะ และบอกคนอื่นว่าไม่เป็นไร เพียงเพราะไม่อยากเป็นภาระผู้อื่นและเพื่อให้คนรอบข้างของเรารู้สึกสบายใจ 

การกระทำเช่นนี้เรียกว่า “การโกหกสีขาว” หรือ  “White Lies” เป็นการที่เราอาจจะไม่ได้มีเจตนาหวังร้ายกับผู้อื่น เป็นการโกหกที่อยากทำให้ผู้อื่นเกิดความสบายใจ แต่แท้จริงแล้วการทำเช่นนี้เป็นการทำร้ายสุขภาพจิตของเราในระยะยาวรวมถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอีกด้วยค่ะ แต่ในทางกลับกันการโกหกอาจเป็นข้อดีอยู่เหมือนกัน เช่น โกหกว่าคนที่เรารักไม่ได้เจ็บป่วย เพื่อให้เขามีกำลังใจในการใช้ชีวิต (ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน) 

แล้วเราเคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่ว่า การโกหกตัวเองและผู้อื่นทำให้เรามีความสุข สร้างความสุขให้เราในระยะยาวจริงรึเปล่า? บางครั้งเราอาจจะไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งและมองโลกในแง่ดีตลอดเวลา เพราะความรู้สึกของเรา ก็มีคุณค่าและสำคัญไม่แพ้ใครนะคะ เราต้องรักษาหัวใจตัวเอง ความรู้สึกตัวเองก่อนถึงจะทำให้คนอื่นสบายใจได้นะคะ ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่สำคัญแต่ความรู้สึกของเราก็สำคัญเหมือนกันค่ะ

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาค้นหาคำตอบกันว่าการโกหกตัวเองและผู้อื่น เพื่อจะทำให้เกิดความสบายใจดีจริงหรือไม่ และทำเช่นไรเพื่อที่จะทำให้ตัวเองและผู้อื่นรู้สึกมีความสุขและความสบายใจอย่างแท้จริง

White Lies

เมื่อการโกหกอาจส่งผลในแง่ “ร้าย”และ “ดี”

“การโกหกตัวเอง” เป็นปรากฎการทางจิตวิทยาหลอกตัวเองให้เชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง ทำให้ตัวเองเชื่อในสิ่งที่อยากเป็น เพื่อหลอกตัวเองทำให้ตัวเองมีความสุขและเพื่อทำให้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจนั่นเองค่ะ 

ในบางครั้งการโกหกอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีเสมอไป ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับ “เจตนาของผู้พูดและสถานการณ์” ถึงแม้การโกหกอาจจะไม่ทำให้เราพบความสุขที่แท้จริง แต่อาจทำให้เรารอดจากเหตุการณ์อันตราย เช่น  เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกคุกคาม หรือต้องเอาตัวรอดเพื่อความปลอดภัย (เพราะทุกอย่างมีข้อยกเว้น) 

แต่ในกรณีทั่วไปที่โกหกตัวเองและผู้อื่นเพื่อให้เกิดความสบายใจ ทั้งที่แท้จริงเรากำลังรู้สึกแย่มากๆ เช่น เลิกกับแฟน เพื่อนถามว่า”โอเคไหม” เราตอบว่า “โอเค” เราพยายามบอกตัวเองว่า “โอเค” ทั้งที่ภายในใจเราไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ซึ่งเราอาจจะไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แค่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง ระบายมันออกมาอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมากกว่า เพราะคนที่รักเราเขาไม่ต้องการให้เราทุกข์เช่นกันค่ะ 

จากการศึกษาวิจัยของ  Dr. Bella DePaulo นักจิตวิทยาสังคม ในหัวข้อเรื่อง “Lying in Everyday Life” ที่ถูกตีพิมพ์ลงวารสาร Journal of Personality and Social Psychology พบว่าผู้หญิงมักมีแนวโน้มจะโกหกเพื่อรักษาน้ำใจของผู้อื่นมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในบริบทที่ผู้หญิงคุยกัน พบว่า ผู้หญิงจะโกหกผู้อื่นมากพอกับการที่ผู้หญิงโกหกตัวเอง การโกหกนี้จะมุ่งประเด็นไปทาง ให้กำลังใจคนอื่น หรือหลีกเลี่ยงการทำลายความรู้สึกของอีกฝ่าย เช่น การโกหกเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่ เพื่อจะทำให้เขามีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป

แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง หากเราโกหกตัวเองว่าเรายังไหว เพียงเพื่อพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นและให้คนรอบตัวสบายใจ ทั้งที่ในใจแตกสลาย อาจจะทำให้เรามีปัญหาด้านสุขภาพจิตในระยะยาว บางครั้งการยอมรับความจริง ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ แต่คือการที่เราซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองนะคะ ทุกคนโอบอุ้มความรู้สึกคนอื่นก็อย่าลืมโอบอุ้มความรู้สึกตัวเองด้วยนะคะ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณค่ะ 

การโกหกตัวเองไม่ได้แก้ปัญหาในระยะยาว

การโกหกตัวเองและผู้อื่นไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้อย่างแท้จริง อาจทำได้เพียงระยะสั้น การหลอกตัวเองว่ามีความสุขจะทำให้เรามีความสุขช่วงแรก ทำให้ไม่จมอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า แต่มันทำให้ไม่ได้เตรียมรับมือกับปัญหาและความทุกข์ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจ ทำให้เราอาจจะตัดสินใจผิดพลาดได้ รวมถึงยังมีผลกระทบทางด้านความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับคนรัก ครอบครัว หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนก็ตาม สุดท้ายอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมานั่นเองค่ะ

วิธีการไม่โกหกความรู้สึกตัวเอง… เพื่อรักษาความรู้สึกคนอื่น 

ถามความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

ว่าตอนนี้เรากำลังรู้สึกอะไร ตอนนี้เราไม่โอเคหรือเปล่า หรือตอนนี้เรากำลังต้องการใครที่รับฟังเรา หากตอนนี้คุณรู้สึกไม่ไหว หรือไม่โอเค ก็แค่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองค่ะ  

ให้รับรู้ว่าเราก็เป็นคนธรรมดา คนหนึ่งที่มีความรู้สึกไม่โอเค…ได้

เราไม่จำเป็นต้องโกหกตัวเองเพื่อรักษาความรู้สึกของคนอื่นตลอดเวลาก็ได้ คนเรามีช่วงเวลาที่อ่อนแอ และมนุษย์ทุกคนสามารถอ่อนแอ เพื่อได้รับการปลอบโยนจากผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องสตรงตลอดเวลา การบอกตัวเองว่าไม่ไหวเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา เพราะเราเชื่อว่าหากเราได้ระบายความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเราจะรู้สึกดีขึ้นนั่นเองค่ะ

ยอมรับว่าความผิดหวังเกิดขึ้นได้กับทุกคน

บางครั้งการยอมรับความเศร้า ความผิดหวัง ซื่อสัตย์กับตัวเอง อาจจะทำให้เรารู้สึกแย่ หรือคนรอบข้างอาจจะรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง แต่เราเชื่อว่าการยอมรับความจริง ความรู้สึกของตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และความผิดหวังเกิดขึ้นได้กับทุกคน จงอย่าใช้การโกหกเพื่อรักษาจิตใจตัวเองหรือจิตใจใคร เพราะการยอมรับความจริงคือการเยียวยาจิตใจที่ส่งผลดีกับเราในระยะยาวค่ะ 

ฝึกยอมรับความรู้สึกตัวเอง…เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียในระยะยาว

ฝึกยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง เพื่อที่จะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราในระยะยาวนั่นเองค่ะ หากเราทำได้ จะส่งผลดีอย่างมากกับตัวของเราและคนรอบข้างค่ะ 

การยอมรับความจริง เพื่อให้ตัวเองเติบโต

การยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ แต่นั่นอาจหมายความว่าเราเป็นคนที่เข้มแข็ง การยอมรับความจริง ความรู้สึกของตัวเอง อาจจะทำให้เราเจ็บปวด รู้สึกเศร้า รู้สึกแย่ แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราอาจจะผิดหวัง ไม่เป็นไปตามสิ่งที่ตั้งใจในวันข้างหน้า 

การยอมรับความจริง เป็นการ Support หัวใจตัวเองและคนอื่นที่ดีที่สุด

เราเชื่อว่าสุดท้ายการยอมรับความจริงเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการดูแลและโอบอุ้มหัวใจของตัวเองและคนรอบข้าง หากยิ่งพยายามโกหกตัวเองและคนรอบข้าง ไปเรื่อยๆ จะทำให้เราไม่กล้าเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงและอาจจะทำให้เราเดือดร้อนในที่สุด

อย่างไรก็ตาม การโกหกตัวเองและผู้อื่น ไม่ได้ทำให้เราพบกับความสุขที่แท้จริงในชีวิตแต่การยอมรับความจริง ยอมรับความรู้สึกของตัวเองจะทำให้เรา เข้าใจปัญหา หาหนทางแก้ไข ตัดสินใจอย่างรอบคอบ และเยียวยาหัวใจได้ทุกทางนั่นเองค่ะ


Source

“Lying in Everyday Life” โดย Dr. Bella DePaulo และคณะ ตีพิมพ์ใน Journal of Personality and Social Psychology, 1996

https://ooca.co/blog/ 

https://www.psychologistchair.com/ 

https://vt.tiktok.com/ZSr8WJtyu/ 

Related Articles

Overthinking

Overthinking คิดแบบโอเวอร์จนทำลายสุขภาพใจ

ปลดปล่อยตัวเองจากการคิดมาก ด้วยการมองโลกตามความเป็นจริง  ไหนใครเป็นมนุษย์ที่คิดมากบ้างคะ? เราเชื่อว่าหลายคนเป็นหนึ่งในนั้น เพราะในแต่ละวันเรามีเรื่องให้คิดและเรื่องที่จะต้องตัดสินใจเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์กับคนรัก หรือแม้แต่เรื่องที่เราต้องเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน  หลายคนคงเคยได้ยินว่า เมื่อคนเราคิดมาก ก็ให้ปล่อยวางสิ เดี๋ยวเราก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้น “การปล่อยวาง” จากสิ่งที่เรากังวลหรือสิ่งที่เรากำลังคิดมากอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากใช่ไหมล่ะคะ เราจึงต้องค่อยๆ ลองฝึกปล่อยวางและยอมรับความจริงค่ะ “การคิดมาก” เกิดขึ้นจากการที่เราคิดวนไปวนมาเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งในด้านลบซ้ำๆ

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว” เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี  ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้  หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง