การตลาดในยุค 4.0 ไม่ใช่เรื่องยากหากเราทำความเข้าใจเครื่องมือเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีช้อยส์ให้เลือกมากขึ้น วันนี้เราเลยอยากแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ AI (หรือที่คนไทยเรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’) เป็นเทคโนโลยีอ่านใจมนุษย์ เหมือน Siri ใน iPhone ที่รู้เกือบทุกเรื่องเวลาถาม หรือ Jarvis ผู้ช่วยข้างกายของ Iron Man
ล่าสุด Facebook ได้ริเริ่มให้มีระบบ Chatbot Marketing โปรแกรมโต้ตอบและพูดคุยกับลูกค้าอย่างอัจฉริยะเมื่อมีคำถามเข้ามาใน Messenger มาดูกันดีกว่าว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นี้ จะชาญฉลาดขนาดไหนและช่วยให้มี Return of Investment ได้แค่ไหนบ้าง
1. ถามล้านครั้งก็ตอบได้หมด
หมดปัญหาเรื่องตอบช้าไปได้เลย Chatbot จะทำหน้าที่แทนเราในเรื่องให้ข้อมูลกับลูกค้า ที่สำคัญคือค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ทำธุรกรรมแบบ ‘Self-Service’ กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นี้ได้ เมื่อลูกค้าได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะถามเข้ามาเวลาไหนก็ตาม มีข้อมูลของสินค้าและบริการอย่างครบถ้วน ก็จะก่อให้เกิดความรู้สึกในแง่บวกและมีโอกาสที่พวกเขาจะ Repeat Order ต่อไปอีกในอนาคต ลองเข้าไปดูตัวอย่างการใช้งาน Chatbot ได้ที่นี่
2. ข้อมูลครบพร้อมทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง
นักการตลาดทุกคนรู้ดีว่าข้อมูลของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญและมีค่า ซึ่ง Chatbot ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ แน่นอน ทุกบทสนทนาจะได้รับการบันทึกและวิเคราะห์ต่อไปเพื่อพัฒนาทั้งตัวโปรแกรมเองและกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เจ้าปัญญาประดิษฐ์นี้สามารถบอกเราได้ว่าลูกค้าส่งคำถามไหนเข้ามามากที่สุด สินค้าตัวไหนได้รับความสนใจในช่วงนี้ วิธีการชำระเงินยอดนิยม หรือแม้กระทั่งกลุ่มคำที่ใช้ก็สามารถวิเคราะห์ออกมาเป็นความรู้สึกของลูกค้าได้ ถือว่าทำได้ละเอียดกว่าระบบ Manual หลายเท่าตัว
3. ยิงโปรโมชั่นถึงกลุ่มเป้าหมายแบบไม่พลาด
Customer Insight คือเครื่องมือที่นักการตลาดเอาไว้จัดทำโปรโมชั่น, Newsletter และ EDM เพื่อส่งถึงลูกค้าเพื่อดึงดูดให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง แต่ Chatbot ล้ำหน้าไปกว่านั้นเยอะแล้ว ประหนึ่งเป็นช่องทางใหม่สำหรับโปรโมทสินค้าและบริการอย่างเข้าถึง โปรแกรมจะประมวลข้อมูลของลูกค้าทุกคนที่มีแล้วยิงโปรโมชั่นอันหลากหลายไปทาง Messenger โดยตรง ประกอบกับการใช้ภาษาที่ตรงกับรสนิยมของผู้บริโภค (แน่ล่ะ Chatbot จัดการเรื่องนี้ให้หมด) เสมือนเป็นงานบริการแบบ Customize สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และให้พวกเขาเป็นหนึ่งในแฟนเพจอันเหนียวแน่นของเรา
4. สร้างการตลาดที่ยืนยาวจากความจริงใจ
Chatbot หรือ AI เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้เราเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้นและตอบสนองพวกเขาให้ตรงความต้องการ ต้องไม่ลืมว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมออันเกิดจากหลายๆ ปัจจัยซึ่งในบางครั้งเกินการควบคุม หน้าที่ของเราคือสร้างการตลาดแบบบอกต่อ อีกคีย์เวิร์ดหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ ค้นหาลูกค้ารายใหม่ที่สนใจสินค้าและบริการ รวมทั้งใส่ใจกับประสบการณ์ของลูกค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว ความฉลาดของ Chatbot จะคงความสม่ำเสมอในเรื่องของขีดความสามารถ และทำงานกับ Mass Cosumer ได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพียงแต่เราก็ต้องละเอียดอ่อนกับฟีดแบ็กในทางลบและปัญหาทุกเคสที่เกิดขึ้นเช่นกัน
5. ทำการตลาดได้ ใช้เทคโนโลยีเป็น
นักการตลาดรุ่นใหม่ควรใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีให้เป็น เพื่อเอามาเป็นตัวช่วยในการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับปัญญาประดิษฐ์อย่าง Chatbot ที่เราร่ายยาวมาตั้งแต่ข้างต้นนั้น เชื่อไหมว่าเราสามารถสร้างและเซ็ทมันขึ้นมาเองได้ด้วยตัวเอง โดยมีคอนเซ็ปท์ตั้งต้นก็คือ – เข้าใจธรรมชาติของกลุ่มเป้าหมาย, วางคาแร็กเตอร์ของ Chatbot ว่าอยากให้ผู้บริโภคมีความรับรู้ต่อมันอย่างไร และเลือก Platform ที่เหมาะกับธุรกิจตัวเอง – คุณอาจเสิร์ชจาก Google โดยใช้คีย์เวิร์ดง่ายๆ ว่า ‘Chatbot Platform’ จากนั้นข้อมูลมากมายมหาศาลก็จะประดังมาให้คุณเลือก ส่วนวิธีที่ง่ายกว่านี้คือจ้างคนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับ AI มาดูแลให้ทุกขั้นตอน ถ้าเป้าหมายของคุณชัดเจนแล้ว ลองเลยก่อนที่คนอื่นจะแซงหน้าไป
ติดตามความเป็นไปของเทคโนโลยีที่ทั้งเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และชีวิตประจำวัน จากแแสนสิริ บล็อก ที่ PropTech
หรือหากคุณสนใจเรื่องของหุ่นยนต์กับผลกระทบของมัน คลิกอ่าน โลกแห่งหุ่นยนต์ อนาคตที่ทุกคนต้องเจอ ได้เลย