Cyberbullying
ภัยคุกคามต่อจิตใจ
ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม 

บูลลี่ที่ไม่ใช่แค่แกล้ง
การโพสต์ หรือ คอมเม้นต์โดยไม่คิด
อาจจะเป็นแผลใจให้ใครบางคนไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ 

ในทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Social Media เข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตประจำวันของหลายคน ทุกวันนี้อาจจะพูดได้ว่า โลกถูกขับเคลื่อนด้วย Social Media ทำไมนะหรอ? จะเห็นได้ว่าไม่ว่าเราจะไปที่ไหน จะเดินไปบนถนน ขึ้นรถไฟฟ้า เดินไปในห้าง หรือแม้กระทั่งหันไปมองคนข้างๆ ก็จะเห็นคนก้มเล่นโทรศัพท์ เปิดสื่อ Social Media ด้วยกันทั้งสิ้น

เมื่อโลกถูกขับเคลื่อนด้วย Social Media คนเรามักจะติดต่อสื่อสารกันผ่านทางโลกออนไลน์ซะเป็นส่วนใหญ่ และเราสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้คนทั่วโลกได้อย่างทันท่วงที รวมถึงเราสามารถพูดคุยกับคนที่รู้จักและไม่ได้รู้จักกันอย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้เกิดการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ขึ้น หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า “Cyberbullying” 

ปัจจุบันการกลั่นแกล้งทางโลกออนไลน์แพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากเมื่อก่อนเราจะบูลลี่คนอื่นได้ด้วยการเจอหน้า พบปะ พูดคุย หรือเห็นหน้า แต่เมื่อทุกคนหันมาใช้สื่อโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้การกลั่นแกล้งผู้อื่น คุกคามผู้อื่น ง่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพียงแค่เปลี่ยนจากการเจอหน้ามาอยู่บนโซเชียลมีเดีย คนที่ไม่เคยเห็นหน้าก็สามารถบูลลี่กันได้ การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์จึงเป็นภัยที่รุนแรงมากกว่าที่หลายคนคาดคิด

การบูลลี่ผ่านทางโลกออนไลน์ ส่วนมากเราจะพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ผ่านทางคอมเม้นต์ต่างๆ รูปภาพ คลิป ฯลฯ ในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งบางครั้งเราเองนี่แหละอาจจะไปบูลลี่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว เช่น เมื่อมีคนลงรูป แล้วคนไปคอมเม้นต์ว่า ทำไมอ้วนจัง ทำไมหน้าตาไม่สวยเลย เพียงแค่นี้ก็ถือเป็นการบูลลี่ผ่านโลกออนไลน์แล้ว ทุกคนรู้หรือไม่ว่าบางข้อความที่คนพิมพ์ไปโดยไม่คิดอะไร แต่อาจส่งผลไม่ดีต่อจิตใจคนที่คุณไปคอมเม้นต์อย่างมหาศาล ซึ่งบางคนคิดไม่ถึง หรืออาจจะมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปนั่นเองค่ะ 

วันนี้ Mental Life by Chanisara อยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Cyberbullying อย่างลึกซึ้ง ภัยคุกคามทางโซเชียลที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและร่างกายมากกว่าที่ทุกคนคิด

Cyberbullying เป็นสิ่งใกล้ตัวที่อาจจะเกิดได้กับทุกคน

Cyberbullying เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ เพศไหน เชื้อชาติศาสนาไหนก็สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของทุกคนด้วยกันทั้งนั้น หลายคนอาจจะสงสัยว่า Cyberbullying คืออะไรกันนะ? Cyberbullying คือ การกลั่นแกล้ง ต่อว่า พูดให้ร้าย ผ่านการคอมเม้นต์ ในโลกอินเทอร์เน็ต หรือแม้กระทั่ง การตัดต่อคลิปวิดีโอ หรือการปรุงแต่งข้อความ แต่งเรื่อง ให้ร้ายผู้อื่น แสดงถึงความเกลียดชัง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อับอาย หรือการส่งต่อหรือแชร์เนื้อหาที่เป็นอันตรายส่งผลเสียต่อผู้อื่น ซึ่งในปัจจุบันโดยส่วนมากมักจะพบบนแพลตฟอร์ม  Facebook  YouTube  Instagram X หรือใน platform เกมออนไลน์ต่างๆ 

ทำไม “การบูลลี่บนโลกออนไลน์” ถึงน่ากลัวกว่า “การบูลลี่ต่อหน้า”

การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์น่ากลัวกว่าการบูลลี่ต่อหน้า เพราะ ผู้กระทำอาจจะปิดบังตัวตนของตัวเองทำให้เราไม่รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร การจะเอาผิดหรือการตามหาตัวอาจจะเป็นเรื่องยากกว่า และคนที่บูลลี่ในโลกออนไลน์อาจจะมีจำนวนมากกว่า ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ รุนแรงกว่าการบูลลี่กันซึ่งๆ หน้า เช่น หากเราเปิด Facebook  YouTube  Instagram X เป็นสาธารณะไว้ ผู้คนทั่วโลกสามารถเห็นและมาคอมเม้นต์ หรือส่งข้อความมาหาคุณได้ โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน ซึ่งสะท้อนให้.เห็นว่าการบูลลี่ผ่านทางโลกออนไลน์เป็นเรื่องง่ายและน่ากลัวนั่นเองค่ะ 

การบูลลี่ทางออนไลน์ส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจ 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกลั่นแกล้งผ่านโลกออนไลน์จากทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นถึง 64 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว การถูกกันแกล้งผ่านทางโลกออนไลน์นั้นส่งผลกระทบทางด้านจิตใจต่อผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวลในระยะยาวได้ หรือหากร้ายแรงไปกว่านั้นอาจจะทำให้เกิดเป็นโรคซึมเศร้า หรือทำให้รู้สึกไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้เลยก็ได้ค่ะ นอกจากนั้นยังส่งผลเสียต่อสภาพร่างกาย เช่น การนอนไม่หลับ การไม่อยากรับประทานอาหาร ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงส่งผลให้เจ็บป่วยหรือมีโรคภัยตามมาอีกด้วย รวมถึงอาจจะไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากไปทำงานและขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าทำสิ่งต่างๆ หรือบางคนหากโดนบุลลี่มากๆ จนรับไม่ไหว อาจจะต้องพบจิตแพทย์กันเลยทีเดียวค่ะ

รู้ไหม Cyberbullying มีกี่ประเภท

ประกอบไปด้วย 10 ประเภทดังนี้ 

1. การกีดกันออกจากกลุ่ม 

การเตะใครบางคนออกจากกลุ่มไลน์ หรือลบเพื่อนออกจากกลุ่มในเพจ facebook 

2. การคุกคามทำให้เกิดความอับอาย

เช่น โพสต์ประจาน ข่มขู่ ส่งต่อข้อความหรือส่งต่อรูปภาพให้ผู้อื่นเกิดความอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น

 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หรือข้อมูลอื่นๆ แล้วโพสต์ลงในโลกออนไลน์

4. หลอกลวงเอาข้อมูลของผู้อื่นและเปิดเผย

มีความคล้ายคลึงกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น แต่จุดที่แตกต่าง คือการหลอกให้เหยื่อไว้ใจ และนำข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นไปเปิดเผย โดยมีจุดประสงค์ที่ไม่ดี

5. การสะกดรอยตามทางไซเบอร์

การติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลอื่นแล้วพยายามส่งข้อความข่มขู่ คุกคาม บังคับขู่เข็ญ ทำให้กลัวและทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย หรือพยายามให้ฝ่ายผู้เสียหายส่งภาพอนาจารโดยที่เขาไม่ยินยอม

6. การที่ผู้อื่นเปิดโซเชียลมีเดียทิ้งไว้ แล้วมีคนนำไปโพสต์ให้เกิดความเสียหาย

เช่น การที่เราอาจจะเปิด Facebook ทิ้งไว้ แล้วเพื่อนนำบัญชีของเราไปโพสต์ให้เกิดความเสียหายเสียชื่อเสียง ดูเหมือนจะเป็นการแกล้งเล่นๆ แต่คนโดนกระทำอาจจะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก 

7. การแอบอ้างสวมรอยหรือปลอมตัวเป็นคนอื่น

การปลอมตัวทำให้คนอื่นเข้าใจผิด จะเห็นได้ชัดจากที่มีคนดัง โดนนำชื่อ นามสกุล หรือข้อมูลอะไรก็ตาม ไปใช้ปลอมเป็นเจ้าตัวให้คนอื่นเชื่อว่าเป็นคนๆ นั้น

8. การทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหายโดยที่สองฝ่ายมีสัมพันธ์กัน 

การโพสต์ข้อความ รูป หรือคลิป ที่สร้างความเสียหายให้กับคนอื่น โดยที่สองฝ่ายรู้จักกัน

9. การหลอกล่อผู้อื่น

การโพสต์ข้อความ รูป หรือคลิป ที่สร้างความเสียหายให้กับคนอื่นโดยที่สองฝ่ายไม่รู้จักกัน

10. การให้ร้ายผู้อื่นโดยส่งข้อความหรือข้อมูลอื่นๆ ให้กับเจ้าตัวโดยตรง

การส่งข้อความหรือข้อมูลถึงเหยื่อโดยตรง โดยมีเจตนาจะทำร้ายเหยื่อทางด้านจิตใจ เช่น การส่งข้อความว่าร้าย หรือข่มขู่บุคคลอื่นผ่านแชทโดยตรง

โดนบูลลี่ผ่านโลกออนไลน์แจ้งความได้นะ 

รู้มั้ยว่า การกลั่นแกล้งผู้อื่นบนโลกออนไลน์ การพิมพ์ว่า ด่าทอหรือการกระทำอะไรก็ตามซึ่งส่งผลให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย ถึงแม้ไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร ก็ถือเป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่นเหมือนกัน สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ตามกฎหมาย เช่น กฎหมายอาญามาตรา 326 การใส่ความบุคคลที่ 3 ให้เสียชื่อเสียง ดูหมิ่น เกลียดชัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

หากโพสต์ให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย ผิดกฎหมายข้อหาหมิ่นประมาทมาตรา 328 เป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา การใช้สื่อให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ว่าจะในรูปแบบของ ภาพ ตัวหนังสือ หรือบันทึกเสียง หรือ การป่าวประกาศด้วยวิธีการใดใด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อกฎหมายอาญาอื่นๆ มาปรับใช้ได้ (แล้วแต่กรณี) เช่น กฎหมายมาตรา 392 บุคคลใดที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึก ตกใจ หวาดกลัวด้วยการขู่เข็ญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กฎหมายอาญามาตรา 397 หากรังแก คุกคาม ข่มเหง ให้บุคคลอื่นเกิดความอับอาย รำคาญมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 หากโพสต์ข้อมูลที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นการบิดเบือนบางส่วนหรือทั้งหมด โดยที่บุคคลอื่นสามารถเห็นโพสต์นั้นได้ ซึ่งทำให้บุคคลอื่นเกิดความเสียหาย รวมไปถึงข้อมูลลามกต่างๆ ทั้งบุคคลที่เผยแพร่และบุคคลที่ส่งต่อ จะระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ใดโดนกลั่นแกล้ง รังแก ผ่านโลกออนไลน์ ก็สามารถไปแจ้งความ เอาผิดได้นะคะ

Cyberbullying

“Cyberbullying” บูลลี่ที่ไม่ใช่แค่แกล้ง โปรดคิดก่อนโพสต์ เพราะว่าการโพสต์ การส่งต่อโดยไม่คิด อาจส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของผู้โดนกระทำอย่างมากมายมหาศาลเลยนะคะทุกคน


Source 

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10823540/#:~:text=Victims%20of%20cyberbullying%20may%20develop,et%20al.%2C%202018)

https://vt.tiktok.com/ZSYDRYQj7/

https://whatsthebigdata.com/cyberbullying-statistics-facts/#google_vignette 

https://kidshealth.org/en/teens/cyberbullying.html 

https://www.thansettakij.com/news/general-news/571008 

https://nbt2hd.prd.go.th/th/content/category/detail/id/2153/iid/199904 

Related Articles

World Laughter Day

“เสียงหัวเราะ” เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ

“การหัวเราะ” เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ ทำให้เราคลายเครียด มีความสุขและมองโลกในแง่บวกมากขึ้น เสียงหัวเราะสามารถเปลี่ยนโลกแสนมืดมนของใครบางคน ให้กลับมาสว่างสดใสได้ เคยไหมคะ เวลาเราเห็นใครคนหนึ่ง ไม่สดใสเหมือนเคย เราจะพยายามทำให้เขากลับมายิ้ม กลับมาหัวเราะ เพื่อที่จะทำให้เขากลับมามีความสุขได้อีกครั้ง เสียงหัวเราะจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษที่ทรงพลังที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของผู้คนให้กลับมามีความสุข มีอารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น แม้ในวันที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่ใจเราคิด หรือในวันที่เราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต เสียงหัวเราะ อาจเป็นตัวช่วยให้เราสบายใจขึ้น และเมื่อเราสบายใจ

Sunlight

แสงแดด…ภัยเงียบที่ไม่ได้ทำร้ายแค่ผิว แต่ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพกายและใจ

ทุกคนรู้ไหมแสงแดดไม่ได้แค่ทำให้เราร้อน แต่ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนเรามากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสุขภาพกายหรือสุขภาพใจ แสงแดดไม่ได้ทำร้ายแค่ผิวพรรณหรือดวงตาเท่านั้น แต่แสงแดดยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและยังทำให้เรามีความเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงอาจจะทำให้เราเป็นฮีทสโตรก หรือโรคลมแดดและโรคอื่นๆ ตามมาได้อีกด้วย ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าโลกของเราร้อนมากขึ้น อากาศแปรปรวน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในโลกของเรามีชั้นโอโซนที่เป็นเกราะป้องกันตัวเราไม่ให้โดนแสงอาทิตย์มากเกินไป แต่เมื่อชั้นโอโซนเป็นรู ทำให้อากาศในโลกร้อนขึ้นมากกว่าแต่ก่อน มนุษย์อย่างเราต้องโดนแสงแดดมากขึ้นเช่นกัน เพราะชั้นโอโซนไม่ได้ป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าเมื่อก่อน ถึงแม้ว่ามนุษย์เราจะต้องการแสงแดดจากดวงอาทิตย์แต่หากโดนมากเกินไปก็เป็นอันตรายต่อชีวิตของเราได้เหมือนกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแสงแดดถึงเป็นอันตรายกว่าที่เราคิด  วันนี้ Mental

Sleep

5 เรื่องที่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับการนอนหลับ

ไหนมีใครเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับบ้างไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนไม่อิ่ม การนอนละเมอ หรือแม้กระทั่งเรื่องของความฝัน การนอนหลับไม่ใช่แค่เรื่องของการพักผ่อนหรือปิดสวิตช์ร่างกาย แต่เป็นการฟื้นฟูร่างกายให้มีความสมดุลมากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการนอนหลับถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ การนอนหลับจึงไม่ใช่เพียงกิจวัตรประจำวันที่เราต้องทำ แต่การนอนหลับมีความสำคัญมากกว่านั้นและเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราอย่างมหาศาล หากสังเกตให้ดีจะพบว่า มนุษย์เราใช้เวลาราว 1 ใน 3 ไปกับการนอนหลับ และคงมีหลายเรื่องเกี่ยวกับการนอนหลับที่หลายคนยังไม่รู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การฝันในระหว่างหลับมีข้อดีอย่างไร ทำไมคนเราถึงนอนละเมอ“ผีอำ”