“Dead Inside” ภาวะไร้ความรู้สึก
ไร้เป้าหมายในชีวิต

การระบายความรู้สึกภายในใจออกมา
คือ การปลดปล่อยความทุกข์และโอบกอดความรู้สึกของตัวเอง

ใครเคยมีความรู้สึกว่าชีวิตไม่สดใส รู้สึกชีวิตว่างเปล่า ไม่มีพลัง ไม่มีจุดหมายในชีวิต แต่ยังใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติไหมคะ? แต่สำหรับใครที่ไม่เคยมีความรู้สึกนี้ อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ หรือตั้งคำถามว่าความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่นะ?

ภาวะนี้เรียกว่า “Dead Inside” ภาวะตายจากข้างใน หรือ “ภาวะหัวใจไร้ความรู้สึก” คนที่มีความรู้สึกเฉยชา ไม่มีความหวังในชีวิต ไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต แค่ใช้ชีวิตไปตามหน้าที่ที่เราต้องทำ ในแต่ละวัน ทั้งๆ ที่ จริงๆ ใจข้างในพังไปหมดแล้ว

คนที่มีภาวะ Dead Inside จะรู้สึกไม่มีความทุกข์ ไม่มีความสุข เหมือนปล่อยวางกับชีวิตได้ แต่ในความเป็นจริง คือการปล่อยวางทั้งที่ยังมีความรู้สึกเจ็บปวด ทุกข์ ทรมานอยู่ลึกๆ ภายในใจ ซึ่งบางคนก็อาจจะเป็นแค่เพียงชั่วคราว บางคนอาจเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนซึ่งหากปล่อยไว้ อาจจะนำไปสู่การเกิดโรคซึมเศร้าได้นะคะ

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมารู้จักกับภาวะ Dead Inside หรือ ภาวะไร้ความรู้สึก สาเหตุของภาวะ Dead Inside และ วิธีเยียวยาจิตใจกันค่ะ

Dead Inside

มารู้จักกับภาวะ “Dead Inside” การใช้ชีวิตที่เหมือนหุ่นยนต์

Dead Inside คือภาวะที่ตายจากข้างใน ไม่มีความรู้สึก ชินชา ใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆ มีชีวิตอยู่เหมือนคนไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น เหมือนกับที่เกริ่นไว้ข้างต้น แต่ทุกคนรู้ไหมว่าภาวะนี้คล้ายคลึงกับภาวะ Anhedonia หรือ “ภาวะสิ้นยินดี” ซึ่งถ้าปล่อยไว้จะทำให้เกิดภาวะสิ้นยินดีและโรคซึมเศร้าตามมานั่นเองค่ะ

Anhedonia หรือ ภาวะสิ้นยินดี จะรู้สึกเฉยชา และหมดแรงใจในการใช้ชีวิต เหมือนกันกับ Dead Inside แต่สิ่งที่ต่างคือคนที่มีอาการภาวะสิ้นยินดี จะรู้สึกว่าหมดความสนใจจากสิ่งที่เคยชอบทำ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง Shopping ฯลฯ  จะไม่ชอบทำและไม่อยากทำสิ่งนั้นอีกต่อไป ซึ่งภาวะนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรคซึมเศร้านั่นเองค่ะ

“Dead Inside” เกิดจากสาเหตุอะไร?

Dead Inside เกิดขึ้นได้มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความเครียดสูงหรือ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ผู้ที่อยู่ในภาวะ PTSD คือ ภาวะซึมเศร้าหลังประสบเหตุการณ์เลวร้าย รวมถึงผู้ที่มีความกดดันในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนที่ประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต และไม่สามารถปรับตัวได้ หรือคนที่ถูกครอบครัวและสังคมตั้งความหวัง ก็อาจจะนำไปสู่ภาวะดังกล่าวได้เช่นกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ความเครียด ส่งผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจของคนเรา จนอาจจะทำให้เราเครียดสะสมโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาในชีวิตประจำวันที่เราต้องประสบพบเจอ เช่น ปัญหาจากความกดดันในการทำงาน ความสัมพันธ์ที่ Toxic อกหัก หรือเลิกกับแฟน หรือ การเจอประสบการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต ฯลฯ ส่งผลให้ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมา

โรคซึมเศร้า เนื่องจากคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีความรู้สึก เฉยชาว่างเปล่าและไม่มีแรงจูงใจ “ทำ” ในสิ่งที่เคยชอบทำ ก็อาจจะมีภาวะนี้ได้เช่นกันค่ะ แต่คนที่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าหากมีภาวะ Dead Inside นานๆ อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้นะคะ 

โรค  PTSD เมื่อผ่านประสบการณ์เลวร้าย ใจอาจบอบช้ำ อาจด้านช้า รู้สึกว่างเปล่าไม่มีความรู้สึก ไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ได้ และไม่มีแรงใจในการใช้ชีวิตต่อไป เช่น คนที่พบเจอกับความสูญเสียในชีวิต ฯลฯ

การเปลี่ยนแปลงในชีวิต อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหญ่ เช่น ต้องย้ายที่ทำงาน ย้ายที่อยู่อาศัย ย้ายโรงเรียน เมื่อเราต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคงและไร้จุดหมายในชีวิตได้นะคะ

ความคาดหวังของครอบครัวและสังคม การถูกกดดันจากครอบครัวและสังคม อาจทำให้เกิดความรู้สึก Dead Inside เช่น คาดหวังว่าเราต้องประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะสังคมรอบข้างเป็นเช่นนั้น หรือคนรอบข้างคาดหวังว่า ต้องสอบได้ที่ 1  เกรด 4.00  จนทำให้เรารู้สึกกดดันและเครียด จนกลายเป็นคนที่เฉยชากับชีวิตได้ค่ะ 

อย่างไรก็ตามที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่สาเหตุบางประการที่ทำให้เกิดความรู้สึก Dead Inside ยังมีอีกหลายปัจจัยที่สามารถทำให้เราเกิดภาวะ Dead Inside ได้นะคะ

เช็คอาการก่อนจะเป็น “Dead Inside”“ภาวะหัวใจไร้ความรู้สึก” 

ไม่มีจุดมุ่งหมายและแรงจูงใจในการใช้ชีวิต 

ไม่มีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน รู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด ไร้ซึ่งความฝันหรือจุดมุ่งหมายในชีวิต เหมือนไม่รู้ว่าเราทำสิ่งต่างๆ ไปเพื่ออะไร 

ตามหาความหมายของชีวิต 

คนที่อยู่ในภาวะนี้ มักจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราเกิดมาทำไม? หรือเราใช้ชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร? พวกเขาจะจริงจังกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ และจะพยายามหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ให้เจอ

ไม่มีความรู้สึก 

เฉยชา ไม่รู้สึกมีความสุข หรือ ความทุกข์ แม้ว่าจะเจอเรื่องน่ายินดีก็จะไม่รู้สึกอะไร

รู้สึกโดดเดี่ยว 

หลีกหนีการเข้าสังคม การพบเจอกับผู้คน ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับใคร อยากอยู่คนเดียว แม้จะรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างก็ตาม

7 เคล็ด (ไม่) ลับ การเยียวยาจิตใจ เมื่ออยู่ในภาวะไร้ความรู้สึก

ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงแล้วบำบัด

การหาต้นต่อสาเหตุของปัญหาจะทำให้เราแก้ไขปัญหาถูกจุด และหายกลับมามีชีวิต ชีวาได้เร็วขึ้น

ยอมรับความวิตกกังวลของตัวเอง

เมื่อรับรู้ว่าตัวเรามีเรื่องวิตกกังวล เราจะพยายามหาวิธีจัดการกับความวิตกกังวลมากขึ้น

รักตัวเอง ดูแลร่างกายตัวเอง

การดูแลสุขภาพร่างกายเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากเราดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง สุขภาพใจจะดีขึ้นด้วย

ลองหากิจกรรมใหม่ทำ

ไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นกิจกรรมที่เราชอบและสร้างความสุขให้กับเรา

หาแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ

การมีแรงบันดาลใจ จะทำให้เรามีพลังในการทำสิ่งต่างๆ

ระบายให้ใครสักคนฟัง

การระบายความทุกข์ภายในใจให้ใครสักคนฟัง จะทำให้เรารู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น

ควรไปพบแพทย์หรือนักจิตวิทยา

จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและหากสาเหตุมาจากโรคซึมเศร้า อาจจะรักษาด้วยการพูดคุยระบายหรือรักษาด้วยการใช้ยาเพื่อที่จะให้เรารู้สึกดีขึ้นนะคะ

“Dead Inside” ความรู้สึกที่ตายจากข้างใน ไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต อาจจะเพราะเกิดความกดดันแบบไม่ได้ระบายความทุกข์ออกมา ลองระบายความทุกข์ออกมาเผื่อเราจะได้รู้สึกดีขึ้นนะคะ 


Source 

https://www.verywellmind.com/why-do-i-feel-dead-inside-5210393 

https://www.istrong.co/single-post/dead-inside 

https://www.brandthink.me/content/dead-inside 

https://www.pptvhd36.com/health/how-to/2816#google_vignette 

https://www.brandthink.me/content/dead-inside 

https://www.alljitblog.com/dead-inside-4/ 

Related Articles

half-year-resolution

Half-year resolution : บทเรียนชีวิตที่ได้จากครึ่งปีแรก

เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าเราพยายามทำต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้  เราจะเดินถึงเป้าหมายได้ในที่สุด เผลอแป๊ปเดียวพวกเราทุกคนเดินทางผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตอนต้นปีมีใครตั้งเป้าหมายอะไรไว้กันบ้างคะ? บางคนอาจเดินถึงเป้าหมาย บางคนกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วาดไว้ แต่เราเชื่อว่า บางคนรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไปในช่วงต้นปีอาจไม่ได้สำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้อาจเลือนรางเต็มที แต่ไม่เป็นไรเลย เพราะชีวิตคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ  ทุกคนรู้ไหมคะการตั้งเป้าหมายใหม่อาจไม่ได้หมายความว่าต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป แต่เราอาจจะนำสิ่งที่เราทำและอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ มาทบทวน พัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เราเดินไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จอาจจะไม่ได้เกิดจากครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าหากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เราจะเดินถึงเป้าหมายในที่สุดค่ะ คนเราทุกคนกว่าที่จะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้

 ความจริง VS ความเชื่อเกี่ยวกับน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ที่คนชอบกินสมูทตี้ต้องรู้ 

ไม่ต้องเลิก กินน้ำปั่น อย่างใครเขา งดเท่าที่เรานั้น จะงดไหว น้ำปั่นเราไม่ต้องหวานเท่าของใคร อย่ากินจนทำลายสุขภาพเท่านั้นพอ  “น้ำผลไม้ปั่น” หรือ ที่ใครหลายคนเรียกว่า “สมูทตี้” เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนชอบกินมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่มีสีสันสดใสและเป็นผลไม้ที่ได้มาจากธรรมชาติ ทำให้ถูกมองว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มีคนมากมายชอบกินน้ำปั่นสมูทตี้ เพราะคิดว่า อร่อยและดีต่อสุขภาพด้วย ทำให้เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน คนรักสุขภาพ

gentleness

เพราะความอ่อนโยนไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมหัวใจของมนุษย์

ความอ่อนโยน คือ สิ่งที่ช่วยโอบกอดและปลอบประโลมหัวใจ ให้กลับมามีจิตใจที่เข้มแข็งอีกครั้ง หากพูดถึง “ความอ่อนโยน” เราเชื่อว่าหลายๆ คนมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ในตัวเองและความอ่อนโยน คือ คุณสมบัติพิเศษที่แสดงถึงความเมตตา ความใจดีและความอ่อนไหวที่อยู่ในตัวของมนุษย์ หลายคนมักซ่อนความอ่อนโยนไว้ในก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของหัวใจ  เพราะคิดว่าการแสดงความอ่อนโยนจะทำให้เราเป็นคนที่อ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วความอ่อนโยน เป็นสิ่งที่ช่วยโอบกอดและปลอบประโลมหัวใจ ไม่ว่าจะเจอเรื่องเศร้า เรื่องทุกข์ใจขนาดไหน เมื่อเราได้สัมผัสความอ่อนโยนของใครบางคน ความทุกข์ความเศร้าในใจจะเบาบางลง และช่วยให้เรากลับมามีจิตใจที่เข้มแข็งอีกครั้งค่ะ