The Secret of Lucky People:
ความลับของการคนโชคดี
โชคชะตาที่เราสร้างเอง

“คนที่โชคดี” อาจไม่ได้เกิดจากโชคชะตา
แต่เป็นคนที่มองเห็นโอกาส
คิดบวกและลงมือทำ

ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดีไหมคะ? บางคนอาจจะคิดว่า ใช่ “ฉันเป็นคนโชคดี”หรือบางคนอาจคิดว่า ไม่นะ “ฉันไม่ได้เป็นคนโชคดีสักเท่าไร” ใช่ไหมละคะ  

บางคนอาจจะเชื่อว่าความโชคดีเกี่ยวข้องกับดวงหรือโชคชะตาเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีการศึกษาและวิจัยพบว่าคนที่โชคดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเพียงอย่างเดียวแต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ทัศนคติและการลงมือทำของเราด้วยนะคะ เราจึงเชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างความโชคดี ให้เกิดกับตัวเองได้เช่นกันค่ะ

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะชวนทุกคนมาย้อนคิดถึงเรื่องความโชคดีที่อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความคิด ความเชื่อและการกระทำของเราด้วย รวมถึงจะมาบอก “เคล็ดลับ”ที่จะทำให้เราเป็นคนที่โชคดีมากขึ้นกว่าเดิมกันค่ะ

The Secret of Lucky People

5 นิสัยที่จะทำให้กลายเป็นคนที่โชคดี

ทุกคนรู้ไหมว่า “คนที่โชคดี” บางทีความโชคดีอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ทัศนคติและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงมือทำของเราอีกด้วย

ในหนังสือ “The Luck Factor” ที่เขียนโดยคุณ Richard Wiseman อาจารย์ทางด้านจิตวิทยาจากประเทศอังกฤษ ได้ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับความโชคดีของมนุษย์ว่าต้องมีนิสัยเช่นไรถึงจะกลายเป็นคนที่โชคดี ซึ่งคนที่โชคดีโดยส่วนมากมักจะมี 5 อุปนิสัย ซึ่งเราสรุปมาให้ดังนี้

มองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในขณะที่คนอื่นมองไม่เห็น

คนที่โชคดีเป็นคนที่ชอบมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสที่จะเข้ามาเสมอ พวกเขาจะไม่เคยหยุดนิ่ง และมองว่าทุกๆ โอกาสที่เข้ามามีความสำคัญกับชีวิตของเขา แม้บางครั้งจะเป็นเพียงแค่โอกาสเล็กน้อยก็ตาม เขามักจะเห็นโอกาสในสิ่งที่คนอื่นมักมองไม่เห็น หลายคนจึงมองพวกเขาว่าเป็นคนที่โชคดีนั่นเองค่ะ

คนที่โชคดีจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวง

คนที่โชคดีพวกเขาจะเชื่อเรื่อง การลงมือทำและความพยายามมากกว่าการเชื่อเรื่องดวง รวมถึงเชื่อว่าการพัฒนาความสามารถของตัวเองจะนำพาให้เขากลายเป็นคนที่โชคดีและประสบความสำเร็จ 

เชื่อว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเดี๋ยวก็ผ่านไป

คนที่โชคดีจะเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป

มองโลกในแง่บวก

คนที่โชคดีพวกเขามักจะมองโลกในแง่บวก และเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะต้องมีเรื่องที่ดีกว่าเสมอ

เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง

บางครั้งคนที่โชคดีมักจะใช้สัญชาตญาณของตัวเองนำทางในบางสถานการณ์ เพื่อประกอบการตัดสินใจ 

3 เคล็ดลับ ที่จะทำให้ “คุณ” กลายเป็นคน “โชคดี”

จดบันทึกความสำเร็จ

การจดบันทึกความสำเร็จ จะช่วยให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้น และทำให้เรารับรู้ถึงโอกาสที่จะเข้ามาในชีวิตนั่นเองค่ะ

เปิดใจรับโอกาสใหม่ๆ

เราต้องเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต เพื่อที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสและประสบการณ์ ที่ในบางครั้งจะนำทางให้เราไปสู่ความสำเร็จในที่สุดค่ะ

การพัฒนาสัญชาตญาณของตัวเอง

การฝึกฝนสัญชาตญาณของตัวเองจะทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นค่ะ

เปลี่ยน “ความโชคร้าย”เป็น “ความโชคดี” 

เราอาจไม่สามารถทำให้ตัวเองเป็นคนที่โชคดีตลอดเวลาได้ แต่สิ่งที่เราจะสามารถควบคุมได้ คือความคิด ทัศนคติ มุมมองที่เรามองต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา หากเราสามารถมองเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดขึ้น ในมุมมองด้านบวกได้ คนที่โชคไม่ดีอาจกลายเป็นคนที่โชคดี เพราะเขาสามารถมองความโชคร้าย ให้กลายเป็นโอกาสที่เขาจะได้เรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้นและเก็บมาเป็นบทเรียนที่แสนล้ำค่า ทำให้เขาเปลี่ยนความโชคร้ายให้เป็นความโชคดีได้ในที่สุด

ความแตกต่างระหว่าง “ความโชคดี”และความสำเร็จจากการ “ลงมือทำ”

เราว่าความโชคดี คือ สิ่งที่เราไม่อาจควบคุมมันได้ ซึ่งเราได้โอกาสมาอย่างบังเอิญหรือไม่ได้ตั้งใจ เราอาจจะไม่ได้คาดคิดว่าจะได้มา บางครั้งความสำเร็จที่ได้มา อาจเป็นเพราะเราได้มาในจังหวะชีวิตที่เหมาะสมด้วย 

ในทางกลับกันความสำเร็จมักเกิดขึ้นจากความพยายาม การตั้งเป้าหมาย และการลงมือทำ แต่เราเชื่อว่าทั้งสองสิ่งนี้จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ยิ่งถ้าหากความโชคดีเกิดขึ้นกับเราและเรามองเห็นโอกาสและลงมือทำด้วยจะทำให้เรายิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นค่ะ

คนที่โชคดีในชีวิตอาจไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาดวงดีเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาสร้าง “ความโชคดี” ด้วยตัวของพวกเขาเองผ่านความเชื่อ ทัศนคติและการกระทำค่ะ


Source 

https://www.youtube.com/watch?v=LXUhgTX_CY8&t=408s 

https://richardwiseman.wordpress.com/research/luck-and-self-development/ 

https://www.youtube.com/watch?v=Ig0w32KMaRg&t=66s 

https://youtu.be/b0p-jHr5y0c?si=F21wzFvw7Zvthz8F 

Related Articles

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว” เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี  ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้  หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง

ChatGPT

ChatGPT AI ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ปลอบโยนมนุษย์ให้สบายใจได้

ChatGPT พื้นที่ระบายความในใจโดยไม่ตัดสิน ถึงแม้ไม่มีความรู้สึก  แต่โอบกอดหัวใจทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้ ในปี 2025 ที่ AI เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน AI ที่ทุกคนรู้จักอย่างแพร่หลายอย่าง ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยผู้คนหาคำตอบ แต่หลายคนใช้ ChatGPT เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจ เพราะคุยและตอบคำถามได้ดี เหมือนเวลาเราไปปรึกษาใครสักคนจริงๆ ChatGPT จึงเป็นเพื่อนคุยที่สามารถทำให้เราลดความเครียด