Altruistic love ความรัก
ความช่วยเหลือด้วยหัวใจจะสามารถเยียวยาจิตใจได้

การทำดีช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ
จะทำให้เรารู้สึกใจฟูและมีความสุข

เวลาที่มีใครสักคนมาทำดีกับเรา ด้วยหัวใจโดยที่เขาไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน เรามักจะรู้สึกดีและรู้สึกใจฟูใช่ไหมละค่ะ การพูดคุยให้กำลังใจ การช่วยเหลือ แบ่งปัน ด้วยความเต็มใจจะสร้างความสุขให้กับผู้รับและผู้ให้เสมอ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการแสดงความรักให้กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนคนรัก คนรู้จัก หรือแม้กระทั่งคนที่เราไม่รู้จักก็ตาม อาจเป็นคนที่เขากำลังเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ เช่น คนแก่ที่เดินข้ามถนนหรือคนที่เขาเดือดร้อนจากน้ำท่วม ฯลฯ การกระทำเหล่านี้อาจเป็นเพียงการกระทำเล็กๆ น้อย ๆ อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่รู้ไหมว่าสิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจที่สำคัญให้กับผู้รับและมีคุณค่าต่อจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก และอาจจะทำให้พวกเขามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เมื่อสุขภาพจิตดีจะส่งผลให้สุขภาพกายดีตามไปด้วยค่ะ 

วันที่ 30 กันยายน ซึ่งเป็นวัน National Love People Day หรือ วันแห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์  Mental Life by Chanisara จะมาบอกข้อดีของการแสดงความรักและการแบ่งปันที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจในหลากหลายแง่มุมให้ทุกคนฟังกันค่ะ 

 Altruistic love

เมื่อได้รับความรัก…ความเครียดจะลดลง

การแบ่งปันและการให้ความรักกับคนรอบข้างสามารถลดความเครียดลงได้ จากงานวิจัยของ Anke Karl นักจิตวิทยาอาวุโสจาก University of Exeter ได้ศึกษาและพบว่าเมื่อมนุษย์รู้สึกได้รับความรัก ความห่วงใย จะทำให้ความรู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัวลดลง ซึ่งส่งผลทำให้ความเครียดต่างๆ ลดลงตามไปด้วย

รวมถึงงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร PLOS ONE ได้ศึกษาวิจัยแล้วพบว่า คนที่มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่นและได้รับความรัก ความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง จะทำให้ลดภาวะความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าลงอีกด้วย

เมื่อได้รับความรัก…ความสุขจะมากขึ้น

การที่เราได้เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ได้แสดงความรัก ความเมตตา ความห่วงใย หรือได้ช่วยเหลือผู้อื่น สมองจะผลิตสารโดพามีน หรือที่หลายคนเรียกว่า “สารแห่งความสุข”ออกมาเพราะการช่วยเหลือคนอื่น จะทำให้เราเกิดความรู้สึกดีและมีความสุขเพิ่มมากขึ้นค่ะ งานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดศึกษาและได้ค้นพบว่า ความสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้สภาพจิตใจของเราดีขึ้นด้วย เพราะเราจะรู้สึกถึงความมั่นคงภายในจิตใจทำให้เรามีความสุขมากขึ้น และสามารถลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าในอนาคตได้ 

เมื่อได้รับความรัก…จะทำให้มีอายุยืนยาวมากขึ้น 

นอกจากสภาพจิตใจของเราแล้ว สุขภาพร่างกายก็สำคัญไม่แพ้กัน ทุกคนรู้หรือไม่ว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นจะทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น งานวิจัยของวารสาร PLOS Medicine ได้ศึกษาและค้นพบว่า การที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กันทางสังคม ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ทำให้สามารถมีชีวิตยืนยาวมากกว่าคนที่ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่นถึง 50% นอกจากนี้ยังศึกษาและค้นพบว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การได้รับความรักจะช่วยลดความเครียด ทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นอีกด้วย สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อเรามีสุขภาพจิตที่ดี อยู่หลายล้อมไปด้วยคนรอบข้างที่ดีกับเราจะมีชีวิตที่ยืนยาวมากยิ่งขึ้นค่ะ

เมื่อได้รับความรัก…อาการเจ็บป่วยจะดีขึ้น

ทุกคนเคยสังเกตไหมคะ ว่าทำไมเวลาเรารู้สึกไม่สบาย และมีคนที่เรารักมาหา มาอยู่ด้วยหรือมาคอยดูแล จะทำให้อาการเจ็บป่วยดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายๆ คนอาจจะพูดว่า เพราะเรามีกำลังใจที่ดีเราถึงหายจากอาการป่วยได้เร็ว จากการศึกษาค้นคว้าของ Mayo Clinic พบว่า ผู้ป่วยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ได้รับกำลังใจ จะทำให้ผู้ป่วยฟื้นจากอาการป่วยได้เร็วและยังช่วยให้มีแรงใจในการปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ เนื่องจากเขาได้รับการสนับสนุนทั้งอารมณ์ที่ดี ทำให้ผู้ป่วยหายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ สะท้อนให้เห็นว่า หากผู้ป่วยมีสภาพจิตใจที่ดี มีกำลังใจ ก็จะทำให้สามารถต่อสู้กับความเจ็บป่วย ฉะนั้นหากใครมีคนรอบข้างที่ป่วยอย่าลืมไปให้กำลังใจเขาเยอะๆ นะคะ 

เมื่อได้รับความรัก…เราจะรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น

การที่เราได้พูดคุย กับคนรอบข้างจะช่วยให้เรารับรู้เรื่องราวและเห็นอกเห็นใจคนอื่นเพิ่มมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้นและสามารถลดความขัดแย้งระหว่างบุคคลได้ รวมถึงทำให้เรารู้สึกมีความสุ ขเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

การแสดงความรักให้แก่กัน ด้วยการแบ่งปัน ช่วยเหลือพูดคุย หรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่นจะทำให้เรามีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีขึ้น เพราะเราเชื่อว่า ความรักมีพลังสามารถเยียวยาร่างกายและจิตใจของเรา ให้กลับมาสดใส แข็งแรง มีรอยยิ้ม และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตทุกๆ วันค่ะ


Source

https://news-archive.exeter.ac.uk/featurednews/title_420975_en.html 

https://www.psychologytoday.com/us/blog/your-neurochemical-self/201802/the-neurochemistry-love 

https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0062396 

https://journals.plos.org/plosmedicine/article?id=10.1371/journal.pmed.1000316 https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0062396 

https://www.nuvancehealth.org/health-tips-and-news/what-happens-in-your-brain-when-you-experience-love 

Related Articles

Self Investment

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการลงทุนกับตัวเอง จะเพิ่มโอกาสชีวิตและเปลี่ยนชีวิตไปตลอด

การลงทุนกับตัวเอง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสที่จะเข้ามาในชีวิต สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคนปีนี้เรามาเริ่มต้นปีด้วยกันลงทุนกับตัวเองกันดีกว่าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการหาความรู้ใส่ตัว พัฒนาตัวเอง การดูแลสุขภาพ ดูแลร่างกาย การกินอาหารที่ดี การดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ การดูแลความรู้สึกจิตใจของตัวเอง การวางแผนการเงินให้ตัวเองเพื่อใช้จ่ายในอนาคต ฯลฯ เพราะการลงทุนเหล่านี้จะติดตัวเราไปเสมอไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน และไม่มีใครขโมยไปจากเราได้ค่ะ เราเชื่อว่าการลงทุนกับตัวเองเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะมันอาจจะไม่ได้เห็นผลในวันนี้แต่เราจะเห็นผลในระยะยาวค่ะ เรายังเชื่ออีกว่าการลงทุนกับตัวเองคือ “การรักตัวเอง” อย่างหนึ่ง

Whole Food VS Processed Food

Whole Food VS Processed Food แค่เปลี่ยนการทาน ชีวิตก็เปลี่ยนได้

ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าการทานอาหารสำคัญกับมนุษย์เรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะสุขภาพของเราจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับการทานอาหารของเรา ขอแค่เราเปลี่ยนการทาน ชีวิตของเราก็เปลี่ยนได้นะคะ  ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราแทบทุกคนทานอาหารแปรรูปกัน ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ หลายคนคงสงสัยว่าระหว่าง Whole Food กับ Processed Food คืออะไรและแตกต่างกันยังไงใช่ไหมล่ะคะ  Whole Food คือ อาหารที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูป หรือแปรรูปน้อยที่สุด ทำให้สารอาหารและวิตามินยังอยู่ครบถ้วน

New Year’s Resolution 2026

New Year’s Resolution 2026 ตั้งเป้าหมายแบบไม่กดดันตัวเอง

เป้าหมายที่ตั้งไว้จะไม่มีวันล้มเหลว ตราบใดที่เราไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ใกล้จะเข้าปี 2026 กันแล้วนะคะทุกคน หลายคนเวลาที่ต้องเริ่มต้นปีใหม่เรามักตั้งเป้าหมายใหม่กันอยู่เสมอ หากถามว่าเวลาใกล้ปีใหม่หรือเริ่มต้นปีใหม่หลายคนทำไมต้องวางแผน New Year’s Resolution อาจจะเป็นเพราะ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลายคนวางแผนเริ่มต้นปีใหม่ แต่สุดท้ายกลับทิ้งความตั้งใจไว้กลางทาง เพราะสิ่งที่ทำอาจจะไม่ได้สำเร็จตามความตั้งใจ รู้สึกเหนื่อย ท้อ และไม่อยากทำสิ่งนั้นแล้ว หรือบางคน อาจจะกดดันตัวเองมากเกินไปซึ่งอาจจะทำให้ล้มเลิกเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้