รู้จัก Burnout Syndromes
ภาวะหมดไฟ หมดใจในการทำงาน

จากงานที่เรารัก งานที่เราชอบ อยู่ๆ กลับรู้สึกเบื่อกับงานที่ทำอยู่ และไม่อยากทำขึ้นมาซะงั้น

ทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่ฉันเป็นอะไร? จนอาจจะคิดว่า เป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่านะ? เพราะบางอาการอาจมีความคล้ายคลึงกัน คำตอบคือไม่ใช่ แต่อาการเหล่านี้เรียกว่า Burnout syndromes หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน ซึ่งกรมอนามัยโลก (WHO) ได้ให้การรับรองว่าเป็นโรคทางการแพทย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019  ซึ่งจัดอยูในกลุ่ม ICD (International Classification of Diseases) โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดันมากเกินไป

Burnout syndromes เกิดขึ้นจากอะไร

Burnout syndromes เกิดขึ้นจากความรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจ ที่สะสมต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความเครียดและความกดดันในการทำงาน หากไม่ได้รับการระบายหรือการจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง จะทำให้เกิดความรู้สึก เหนื่อยล้า หมดเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หดหู่ หมดหวัง ท้อแท้ หงุดหงิด โมโหง่าย รู้สึกตนเองไม่มีคุณค่า ฯลฯ หากไม่ได้รับการเยียวยาทางจิตใจ อาจจะทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับและโรคซึมเศร้าตามมาในที่สุด

5 ระยะของอาการภาวะหมดไฟ

ระยะฮันนีมูน (the honeymoon) เป็นช่วงมีไฟในการทำงาน มีความตั้งใจ พร้อมทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อความสำเร็จของตัวเองและองค์กร

ระยะรู้สึกตัว (the awakening) เมื่อทำงานผ่านไปสักระยะ เกิดความรู้สึกว่าความคาดหวังไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ค่าตอบแทนไม่ได้ดั่งที่หวัง งานเยอะเกินไป ฯลฯ

ระยะไฟตก (brownout) มีความรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากเจอผู้คน บางคนอาจจะติดแอลกอฮอล์หรือใช้จ่ายเกินจำเป็น

ระยะหมดไฟเต็มที่ (full scale of burnout) เมื่อรู้สึกหมดไฟอย่างเต็มที่จะไม่อยากทำงาน อยากลาออจากงาน รู้สึกสิ้นหวังและหมดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งอาจจะทำให้เป็นโรคซึมเศร้าตามมาได้

ระยะฟื้นตัว (the phoenix phenomenon) หากได้รับการผ่อนคลายหรือบำบัดรักษาจัดสมดุลชีวิต หรือได้งานที่อยากทำ จะทำให้กลับมามีไฟในการทำงานอีกครั้ง

 เช็กหน่อยสิ เราอยู่ในภาวะหมดไฟรึเปล่านะ

  • รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายหมดพลังในการทำงาน
  • นอนไม่หลับหรือหลับยาก
  • ขาดแรงจูงใจในการทำงาน ไม่อยากทำงาน
  • ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
  • มีอาการปวดหัว คลื่นใส้ ม้วนท้อง ในระหว่างการทำงาน
  • อารมณ์แปรปรวน
  • ไม่ดูแลตัวเอง
  • แยกตัวออกจากผู้อื่น

7 วิธี ปลุกพลังใจ เติมไฟในการทำงาน

หาความสุขให้กับตัวเอง ให้เวลาพักผ่อนกับตัวเอง หาเวลาทำสิ่งที่ชอบ ออกไปเที่ยว ไปรับประทานอาหารอร่อยๆ เล่นเกม ดูทีวี ฯลฯ เพื่อให้ผ่อนคลายจากความเครียด

พูดคุยกับคนที่ไว้ใจหรือปรึกษาจิตแพทย์ ควรระบายความในใจให้คนอื่นฟัง อย่าเก็บไว้คนเดียว หากไม่มีใครที่รับฟังเราได้ ให้ลองปรึกษาจิตแพทย์ เพราะการพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว

ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ให้กลับมาสดใสแข็งแรง ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เช่น นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้ครบ 8 แก้ว ดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ถ้าตัวเองสวย หล่อจะทำให้กลับมาสดใสได้ค่ะ

สร้าง work life balance ให้กับตัวเอง สร้างสมดุลชีวิตให้กับตัวเอง จัดสรรเวลาชีวิต ไม่เอางานกลับไปทำที่บ้าน หาเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นทำให้สามารถเยียวยาจิตใจได้

ไม่กดดันตัวเองในการทำงาน เพราะการกดดันจะทำให้คิดงานไม่ออกและงานขาดประสิทธิภาพ จึงควรทำใจให้สบายหรือลองฝึกนั่งสมาธิก่อนนอนอาจจะทำให้มีสมาธิมากขึ้น

เล่นกีฬา ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งทำให้ใจกลับมาฟู ลดอาการเหนื่อยล้ากลับมารู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาเหมือนเดิม

ลดการเล่นสื่อโซเชียล ลดการใช้อินเทอร์เน็ต ลดการไถฟีด หรือลองทำ Social Detox เพราะการดูชีวิตคนอื่นมากเกินไป อาจจะทำให้บั่นทอนจิตใจตัวเอง คิดมาก และเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น การไม่เห็นอาจจะทำให้เราสบายใจขึ้นก็ได้นะ

หากวันไหนคุณรู้สึกหมดไฟ ขอให้คุณเยียวยาจิตใจให้หายดี เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณ

อ้างอิง :

https://www.medparkhospital.com/en-US/lifestyles/burnout-syndrome

https://www.chulaguide.com/burnout-syndrome/ 

Royal Thai Air Force Medical Gazette Vol. 66 No. 2 May – August 2020

https://www.forbes.com/sites/learnvest/2013/04/01/10-signs-youre-burning-out-and-what-to-do-about-it/?sh=6b455e00625b

https://www.medparkhospital.com/lifestyles/burnout-syndrome 

https://www.dek-d.com/studyabroad/51560/ 

Related Articles

Healthy Weight

Healthy Weight น้ำหนักที่สมดุล กุญแจสำคัญของสุขภาพดี

หากพูดถึงความอ้วนหลายคนอาจจะนึกถึงเรื่องรูปลักษณ์ ความสวย ความหล่อภายนอก แต่ความอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป จนกลายเป็น “โรคอ้วน” ในที่สุดและเป็นปัจจัยที่นำไปสู่โรคอื่นๆ ตามมามากมาย การรับประทานอาหารจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา  ในปี 2022 ทุกคนรู้ไหมว่า 1 ใน 8 ของประชากรทั่วโลกมีภาวะโรคอ้วน นั่นเท่ากับว่าในปัจจุบันประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลกเป็นโรคอ้วน (ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ในปี 

Vitamin C

Vitamin C มีดีแค่ไหน? ความจริง และ ความเชื่อที่สายสุขภาพต้องรู้

“วิตามินซี” หรือ กรดแอสคอร์บิก เป็นหนึ่งในสารอาหารที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากที่สุด หลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า ทานวิตามินซีทุกวันจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ทำให้เป็นหวัด ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง กระจ่างใส และยังช่วยให้เราไม่แก่ก่อนวัยอันควรอีกด้วย นอกจากนี้ วิตามินซียังมีคุณสมบัติที่ดีต่อร่างกายอีกหลายประการ วิตามินซีจึงไม่ได้เป็นแค่สารอาหารธรรมดา แต่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ท่ามกลางความจริงและความเชื่อที่ถูกพูดถึงกันมาอย่างยาวนาน ทำให้หลายคนได้เข้าใจว่าสารอาหารเล็กๆ อย่างวิตามินซี เป็นสารอาหารที่ทรงพลัง ที่จะทำให้เราทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

The heart's happiness drawer

เปิดลิ้นชักความสุขภายในใจ เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกช่วงเวลา

เราสามารถเปิดลิ้นชักแห่งความสุขที่อยู่ในใจของเราได้ เพียงแค่ปรับมุมมองความคิด พึงพอใจในตัวเอง และมองหาความสุขจากสิ่งรอบตัว ทุกคนเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่าความสุขของเราคืออะไร? หากย้อนกลับไปตอนที่ยังเป็นเด็กความสุขของใครบางคนอาจจะเป็นการที่ได้กินไอศกรีมแสนอร่อย การที่ได้เล่นและหัวเราะกับคนรอบข้างอย่างสนุกสนาน หรือการได้ดูการ์ตูนเรื่องโปรดที่เราชื่นชอบ เราก็สามารถมีความสุขได้แล้วใช่ไหมละคะ ทุกคนเคยสังเกตไหมคะว่าทำไมเราถึงไม่มีความสุขได้ง่าย ๆ เหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก คนที่ยิ้มง่าย มีความสุขกับอะไรง่ายๆ คนนั้น ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนนะ  ทุกคนเคยเก็บของอยู่ในลิ้นชักนาน จนหลงลืมไปว่าเราเคยมีของสิ่งนั้นอยู่ในลิ้นชักไหมคะ การหลงลืมของในลิ้นชักก็เหมือนการที่เราหลงลืมความสุขในระหว่างที่เราเติบโต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝัน