ซึมเศร้า…หายได้
ด้วยการคอยอยู่เคียงข้าง รับฟัง และโอบกอดหัวใจ
เพราะนี่ไม่ใช่การคิดไปเอง แต่เป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษา
ทำความเข้าใจ
ในปี 2025 คงไม่มีใครไม่รู้จักโรคซึมเศร้า เพราะปัจจุบันมีผู้คนทั่วโลกจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า มีผู้คนประมาณหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสุขภาพจิตอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งปัจจุบันมีผู้คนประมาณ 332 ล้านคนที่กำลังประสบปัญหาโรคซึมเศร้าอยู่ และจำนวนดังกล่าวมีผู้หญิงที่เป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ชายด้วยค่ะ
ในขณะที่ในประเทศไทย ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน มีคนที่เข้ารับการรักษาด้านสุขภาพจิตอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป ประมาณ 2.9 ล้านคน แต่มีผู้เข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน ถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว และเราเชื่อว่าคงยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตและยังไม่ได้เข้ารับการรักษาพอเห็นตัวเลข (ข้อมูลล่าสุด ปี 2024) หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะโลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขัน ความกดดันที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน นั่นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายคนเป็น “โรคซึมเศร้า”
ในวันที่มืดมน คนที่เป็นโรคซึมเศร้า เขาต้องการใครสักคนที่เป็นแสงสว่าง ที่พร้อมจะรับฟังอย่างตั้งใจ เข้าใจและโอบกอดหัวใจของพวกเขาไว้ ไม่ใช่คนที่บอกว่า อย่าคิดมาก ให้สู้ๆ นะ หรือเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองแหละ ซึ่งประโยคเหล่านี้เป็นประโยคต้องห้ามสำหรับพวกเขา
โรคซึมเศร้า ไม่ใช่แค่อาการเศร้าชั่วคราว แล้วหายเองได้ อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นภาวะเจ็บป่วยที่ซับซ้อนและเรามองไม่เห็น หลายๆ คนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ว่าเป็นคนคิดมากไปเองรึเปล่านะ ทั้งที่ในความเป็นจริง อาจเกิดจากสารเคมีในสมองผิดปกติ ฮอร์โมน อารมณ์ จิตใจ พันธุกรรม หรือสิ่งแวดล้อมที่เราเจอในชีวิตประจำวัน ซึ่งส่งผลให้มีจิตใจเปราะบางและยากที่จะรับไหว ดังนั้นเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องได้รับการรักษาและทำความเข้าใจ
วันนี้ วันสุขภาพจิตโลก Mental Life by Chanisara จะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเพื่อที่เราจะได้สังเกต เข้าใจ รวมถึงซัพพอร์ตและโอบกอดพวกเขาได้กันค่ะ
ซึมเศร้า…ไม่ใช่โรคคิดไปเองและรักษาให้หายได้
หลายคนอาจจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดไปเอง มีอาการซึมเศร้าชั่วคราว หรือเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ กันแน่ ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าโรคซึมเศร้าได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องได้รับการรักษาเยียวยาจิตใจ ทุกคนคงสงสัยกันใช่ไหมคะว่า โรคซึมเศร้าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ วันนี้เราจะมาบอกทุกคนกันค่ะ
โรคซึมเศร้าโดยส่วนใหญ่เกิดจากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น สารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ พันธุกรรม อารมณ์ จิตใจ หรือสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวัน เป็นสาเหตุในการเกิดโรคซึมเศร้าได้หมด
เริ่มจากสาเหตุที่ทุกคนรู้จักกันดี คือ สารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ แต่ทุกคนรู้ไหมว่าสารเคมีดังกล่าวมาจากอะไร
สารเคมีในสมองทำงานผิดปกติมาจากที่สมองผลิตฮอร์โมนต่างๆ เช่น โดปามีน สารที่หลายคนเรียกว่าสารแห่งความสุข หรือเมลาโทนิน สารที่ควบคุมด้านอารมณ์ หากสารเคมีในสมองทำงานไม่สมดุลกันก็จะทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ค่ะ
ต่อมาคือ พันธุกรรม หากมีใครคนหนึ่งในครอบครัวเคยมีประวัติการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าลูกหลาน ก็จะสามารถเป็นได้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้าแล้วลูกหลานจะเป็นนะคะ
นอกจากนี้เวลาป่วยเป็นโรคต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อความเครียดอย่างรุนแรงก็เป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าได้ค่ะ รวมถึงเหตุการณ์ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดความกดดันและทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรงก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้เช่นกันค่ะ
ต่อมาการสูญเสียคนรักหรือคนในครอบครัวที่ทำให้เราเกิดความเสียใจมากๆ หรือบางคนอาจจะสูญเสียคนที่รักในช่วงเวลาที่ห่างกันไม่นานก็ส่งผลกระทบทำให้เกิดเป็นโรคซึมเศร้าได้ค่ะ อีกทั้งทุกคนรู้ไหมคะว่า คนที่เป็นโรคไทรอยด์ ก็จะมีอาการคล้ายซึมเศร้าได้นะคะ และโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ค่ะ ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
อาการแบบนี้…เป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่านะ
รู้ไหม ไม่ใช่แค่รู้สึกเบื่อหน่ายหรือเศร้า แค่ 2-3 วัน แล้วจะเป็นโรคซึมเศร้านะ แต่ต้องมีอาการซึมเศร้าต่อเนื่องถึง 2 สัปดาห์ เราสังเกตอาการง่ายๆ คือ จะต้องมีอารมณ์เศร้า รู้สึกเบื่อ หรือ ท้อแท้กับชีวิต รู้สึกชีวิตไม่มีความหมาย ไม่ใช่เศร้าแป๊บเดียวแล้วหายไป เพราะทุกคนสามารถเศร้าได้เป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้ อาจจะรู้สึกว่าสมาธิลดลง ทำอะไรไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอ รู้สึกเบื่ออาหารหรือกินอาหารมากเกินไป รู้สึกเหนื่อยง่ายไม่ค่อยมีแรง และขั้นร้ายแรงที่สุด คือ รู้สึกอยากจะทำร้ายตัวเอง
ถ้ามีอาการเช่นนี้ควรไปพบจิตแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีจะได้หายได้ในเร็ววัน โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ซับซ้อน แต่สามารถดีขึ้นและหายได้ แล้วขอให้รู้ไว้ว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้แปลว่าเป็นคนอ่อนแอ แต่เป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องได้รับการรักษา การเข้ารักษาไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และการเข้ารักษาคือจุดเริ่มต้นที่ดีในการฟื้นจิตใจให้เข้มแข็งนะคะ
ควรจะพูดกับคนเป็นโรคซึมเศร้ายังไง…ให้ถูกวิธี
ทุกคนรู้ไหมคะว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้า การที่เราบอกเขาว่าสู้ๆ นะ หรืออย่าคิดมาก ไม่ได้ทำให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้ารู้สึกดีขึ้น แต่หากจะปลอบใจเขาควรจะปฏิบัติดังนี้
รับฟังโดยไม่ตัดสิน พวกเขาต้องการคนที่รับฟังและอยู่เคียงข้าง ในบางครั้งพวกเขาไม่ต้องการคำแนะนำด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องการให้เรารับฟังอย่างเข้าใจ โดยไม่กดดันหรือตัดสินเขา เช่น ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง บอกฉันได้นะ ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอเสมอ เธอจะผ่านมันไปได้แน่นอน
พูดให้เขาคิดถึงคุณค่าในตัวเอง พูดกับเขาว่าเขายังมีคุณค่า ยังมีความหมายสำหรับตัวเองและเรา พูดให้ตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่
ลองสังเกตคนรอบข้างว่ามีอาการซึมเศร้าหรือเปล่านะ
หากสังเกตว่าคนรอบข้างมีอาการซึมเศร้าควรแนะนำและโน้มน้าวให้เขาไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อวินิจฉัยและรักษา เพื่อจะได้กลับมามีชีวิตที่สดใส และเห็นคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง
ฟื้นฟูจิตใจจากการเป็นโรคซึมเศร้า…ทำอย่างไรจะรู้สึกดีขึ้นนะ
การทำจิตบำบัด เหมือนการพูดคุยปรึกษากับนักจิตวิทยา จะทำให้เข้าใจตัวเองโดยการปรับพฤติกรรม ความคิด และทัศนคติของตัวเอง เพื่อพัฒนาชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ
การปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ จะช่วยให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้า ดีขึ้นได้ไว เช่นการกินยาตามที่หมอสั่ง
การมีตารางกิจวัตรประจำวัน จะทำให้ร่างกาย สมอง และจิตใจ ฟื้นฟูมากขึ้นเพราะเราหันไปโฟกัสกับสิ่งอื่นไม่จดจ่ออยู่กับการเป็นโรคซึมเศร้านั่นเองค่ะ
ลองออกกำลังกายแบบ Cardio หากถามว่าการออกกำลังกายแบบ Cardio คืออะไร การออกกำลังกายแบบ Cardio คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ไม่ว่าจะเป็นการ เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ฯลฯ นั่นเองค่ะ
คุยอยู่กับคนอื่น หาคนที่ไว้ใจรับฟัง จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้
เข้าใจว่าโรคซึมเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของโรค การที่รู้สึกไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้แล้วไม่ใช่ความคิดที่แท้จริง แต่ให้รู้ไว้ว่าเป็นอาการหนึ่งของโรคเท่านั้นและจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อย่ากลัวที่จะไปพบแพทย์นะคะ
โรคซึมเศร้าไม่ใช่การคิดไปเอง และคนที่เป็นโรคซึมเศร้าต้องการคนเข้าใจ รับฟังและโอบกอดหัวใจของพวกเขานะคะ
Source
https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/depression
https://www.hfocus.org/content/2024/09/31645
https://hdmall.co.th/blog/health/ways-talking-with-depressed-person-treatment-how-to
https://www.bangkokhospital.com/th/bangkok/content/questions-about-depression