Healthy Weight
น้ำหนักที่สมดุล
กุญแจสำคัญของสุขภาพดี

หากพูดถึงความอ้วนหลายคนอาจจะนึกถึงเรื่องรูปลักษณ์ ความสวย ความหล่อภายนอก แต่ความอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป จนกลายเป็น “โรคอ้วน” ในที่สุดและเป็นปัจจัยที่นำไปสู่โรคอื่นๆ ตามมามากมาย การรับประทานอาหารจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา 

ในปี 2022 ทุกคนรู้ไหมว่า 1 ใน 8 ของประชากรทั่วโลกมีภาวะโรคอ้วน นั่นเท่ากับว่าในปัจจุบันประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลกเป็นโรคอ้วน (ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ในปี  2024) การดูแลน้ำหนักตัวจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของรูปร่างที่สวยงามหรือตัวเลขบนตาชั่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการที่เรามีสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอกซึ่งจะส่งผลถึงการมีความสุขในการใช้ชีวิตอีกด้วยค่ะ

การมีสุขภาพที่ดีไม่ใช่การที่เรามีรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่หมายถึงการที่เรามีร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพจิตที่ดี และน้ำหนักตัวที่เหมาะสมกับสัดส่วนของแต่ละบุคคลนะคะ

วันนี้ วันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันคนอ้วนโลก (World Obesity Day) Mental Life by Chanisara อยากจะชวนทุกคนมาย้อนคิดถึงเรื่อง การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพดี รวมถึงมาค้นหาคำตอบกันว่าทำไมการลดน้ำหนักอย่างการอดอาหารไม่ได้ทำให้เราผอมได้ในระยะยาวกันค่ะ

Healthy Weight

เมื่อ “ความอ้วน” ไม่ใช่เรื่องของภาพลักษณ์ แต่เป็นเรื่องสุขภาพและอายุขัย

การลดความอ้วนไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์แต่เป็นเรื่องของสุขภาพ เพราะการที่เราอ้วนจะทำให้ร่างกายของเราไม่แข็งแรงซึ่งทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจขาดเลือด ข้อเข่าเสื่อม มะเร็งบางชนิด ไขมันในเลือดสูง ฯลฯ 

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า เมื่อเกิดโรคอ้วน ย่อมเกิดความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคต่างๆ  ตามมาและที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่เป็นโรคอ้วนยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งโดยสถิติแล้ว คนที่เป็นโรคอ้วนจะมีอายุสั้นลงเมื่อเทียบกับคนที่มีน้ำหนักที่เหมาะสมถึง 10 ปี และทุกคนรู้ไหมว่าโรคอ้วนเป็นโรคที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเป็นอันดับ 5 ของโลกเลยทีเดียว เหตุผลที่กล่าวมาจึงสะท้อนให้เห็นว่า การที่เรามีน้ำหนักตัวมากเกินไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัยของเราเป็นอย่างมากค่ะ การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามค่ะ 

 น้ำหนักเท่าไร…ถึงเข้าสู่โรคอ้วน

เราจะรู้ได้ไงนะว่าตอนนี้เราเป็นโรคอ้วนรึยัง? แล้วน้ำหนักเท่าไรถึงเป็นโรคอ้วน หรือที่หลายคนเรียกว่า“ภาวะน้ำหนักเกิน” การที่จะบอกว่า คนคนหนึ่งอ้วนหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวแต่ขึ้นอยู่กับดัชนีมวลร่างกาย หรือ ที่เรียกว่า BMI  ซึ่งค่าเกณฑ์ BMI มีดังนี้

น้ำหนักปกติ: BMI 18.5 – 22.9 kg/m² 

น้ำหนักเกิน: BMI 23 – 24.9 kg/m²

ภาวะอ้วน: BMI 25 kg/m² ขึ้นไป

การลดอาหารไม่ได้ทำให้ผอมในระยะยาว

ทุกคนรู้หรือไม่การอดอาหารไม่ได้ทำให้ผอม มีงานวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาและค้นพบว่าการคุมอาหารอย่างเข้มงวด อาจจะทำให้คนที่ลดน้ำหนักกินอาหารมากเกินไป ส่งผลให้มีน้ำหนักตัวที่มากขึ้น ซึ่งบางคนอาจจะเกิดโรคผิดปกติทางการกิน งานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Eating Disorders 

รวมถึงมีงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นระบุว่า การลดอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักจะทำได้ในระยะสั้น แต่จะไม่เห็นผลในระยะยาว อาจจะเห็นผลแค่ช่วงปีแรกเท่านั้นค่ะ

ไขมันไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิด “โรคอ้วน”

ทุกคนรู้หรือไม่ว่า สาเหตุของการเกิดโรคอ้วน ไม่ได้เกิดจากไขมันส่วนเกินของร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกี่ยวข้องกับ

การเพิ่มของมวลกล้ามเนื้อ การเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อ อาจจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่บางคนอาจไม่ได้มีไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต

การที่ระบบเผาผลาญทำงานประสิทธิภาพลดลง ยิ่งเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญจะทำงานลดลงตามอายุ ทำให้อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการเกิดโรคอ้วนนั่นเองค่ะ หรือทุกคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนทานอาหารเยอะมากแต่ไม่อ้วน อาจเป็นเพราะระบบเผาผลาญในร่างกายของคนคนนั้นอาจจะทำงานได้ดีก็ได้ค่ะ

การกระจายไขมันในร่างกาย ส่งผลต่อความอ้วนของเรา หากไขมันกระจายไปอยู่บริเวณช่องท้องจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานประสิทธิภาพแย่ลง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด  ในขณะที่หาก ไขมันถูกสะสมบริเวณใต้ผิวหนังจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้มากกว่า  เนื่องจากไขมันที่ถูกสะสมใต้ผิวหนังจะไม่สามารถสะสมอยู่รอบๆ อวัยวะได้ รวมถึงไขมันที่ถูกสะสม บริเวณใต้ผิวหนังไม่สามารถปล่อยสารกระตุ้นการอักเสบได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการที่ไขมันกระจายไปสะสมบริเวณใต้ผิวหนังดีกว่าการที่ไขมันสะสมอยู่บริเวณช่องท้องนั่นเอง 

Lifestyle การใช้ชีวิต ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคอ้วน เช่น พฤติกรรมการกินของเรา สาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสาเหตุบางประการที่ทำให้เกิดโรคอ้วนนอกจากการสะสมไขมันนั่นเองค่ะ

การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพดี การรักษาน้ำหนักให้สมดุลกับร่างกาย จึงไม่ใช่เพียงตัวเลขบตาชั่ง แต่เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับของการมีสุขภาพดีและมีชีวิตที่ยั่งยืนนั่นเองค่ะ


Source

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30097511/ 

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33480098/ 

https://www.scientificamerican.com/article/why-diets-don-t-work-and-what-does/ 

https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/body-image-and-diets 

https://bcofa.com/how-obesity-shortens-life-expectancy/

https://www.worldobesity.org/about/about-obesity/prevalence-of-obesity

Related Articles

International Day for Tolerance

ความแตกต่าง ≠ ความแปลกแยก เราทุกคนควรได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม

ความแตกต่าง ≠ ความแปลกแยก แต่เราทุกคนต้องได้รับโอกาสใช้ชีวิตในสังคม และถูกยอมรับด้วยหัวใจ ทุกคนว่าไหมคะบนโลกใบนี้มีคนที่แตกต่างกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสีผิว ความพิการ ชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือแม้แต่คนที่มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสาวพลัสไซส์ คนผิวเผือก คนแก่ หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครเขาควรได้รับสิทธิ์ใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานในสังคมเหมือนกับทุกๆ คน เช่น

single

เพราะไม่ว่าเราจะเป็นโสด หรือ มีคู่เราจะต้องเป็นแสงสว่างที่นำทางชีวิตตัวเอง

ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ เราต้องมีความสุขและเป็นเทียนที่ส่องสว่าง นำทางชีวิตตัวเองให้ได้  ทุกคนรู้ไหมว่าในปัจจุบันมีคนโสดทั่วโลกอยู่ประมาณ 2.12 พันล้านคน หรือราว 27% ของประชากรโลกเลยนะ และมีการคาดการณ์ว่าคนโสดจะมีสูงขึ้นเรื่อยๆ (ข้อมูลล่าสุด ปี 2023) ทุกคนคิดว่าการที่เป็นคนโสด เราต้องรู้สึกเหงาจริงหรือเปล่านะ มีหลายผลการวิจัยบอกว่าการเป็นโสดทำให้เหงากว่าคนมีคู่นิดหน่อย แต่ทำไมมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังเป็นโสดกันล่ะ อาจเป็นเพราะอยากอยู่คนเดียว ไม่ชอบออกจากบ้าน ชอบนอนดูซีรีส์

รู้ยัง! จิตแพทย์ VS นักจิตวิทยา แตกต่างกันยังไงนะ

พบจิตแพทย์ = การรักษา พบนักจิตวิทยา  =  พูดคุย ปรับความคิด ฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเข้มแข็ง ทุกคนรู้ไหมคะว่าการหาหมอจิตแพทย์กับการไปหานักจิตวิทยาต่างกันอย่างไร ทุกคนคงรู้ว่าทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เป็นคนที่ช่วยดูแลใจของเราทั้งคู่ ทุกวันนี้มีผู้คนจำนวนมากที่หันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากขึ้น ถึงแม้ว่ายังมีคนบางส่วนที่ยังเข้าใจว่าคนที่ไปหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา จะต้องเป็นคนที่ประสบปัญหาสุขภาพจิตค่อนข้างหนัก แต่แท้จริงแล้วการไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ไม่ต้องประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตก็สามารถไปพบได้ เช่น รู้สึกไม่สบายใจ กลุ้มใจ มีปัญหาทางด้านความรัก