Human Rights :
เพราะสิทธิมนุษยชน
เป็นสิทธิที่ทุกคนสมควรจะได้รับ

เมื่อเราได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม
เราจะรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย

หากพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนและถามว่าสิทธิมนุษยชนสำคัญกับเรามากขนาดไหน ทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันใช่ไหมล่ะคะว่าสิทธิมนุษยชนสำคัญกับพวกเราทุกคน เพราะ เป็นสิทธิ เสรีภาพที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับตั้งแต่วันแรกที่คลอดออกมาจากท้องแม่ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เป็นคนชาติไหน นับถือศาสนาอะไร เราก็ควรจะได้รับสิทธิมนุษยชน โดยที่ไม่มีใครสามารถพรากสิทธิเหล่านี้ไปจากเราได้ เช่น สิทธิในการทำงาน สิทธิในการถือครองทรัพย์สิน สิทธิในการนับถือศาสนา สิทธิที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม สิทธิที่จะได้รับความเป็นอยู่ที่ดีตามสิทธขั้นพื้นฐาน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ส่วนหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนพึงได้รับเมื่อเกิดมาอยู่บนโลกใบนี้ค่ะ 

สิทธิกล่าวมาข้างต้นนั้นมีสิทธิเกี่ยวข้องกับสิทธิความเป็นส่วนตัวที่เราควรเห็นถึงความสำคัญ เพราะในอดีตเราทุกคนไม่ได้มีสิทธิเช่นนี้ แต่ภายหลังจากมีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ทำให้ทุกคนทั่วโลกตระหนักถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเท่าเทียมมากขึ้น ซึ่งทำให้เราทุกคนมีสิทธิในการใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้นเช่นกัน 

การที่เราได้รับสิทธิมนุษยชนและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปราศจากความกลัวและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ในสังคมโลก ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นนั่นเองค่ะ

วันนี้ วันที่ 10 ธันวาคม เป็นวันสิทธิมนุษยชนสากล (Human Rights Day) Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาย้อนคิดถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชน ในเรื่องของสิทธิความเป็นส่วนตัวต่างๆ ที่ทุกคนพึงจะได้รับ และพาทุกคนมาค้นหาคำตอบว่าการที่เราได้รับสิทธิมนุษยชนย่อมส่งผลดีในแง่บวกต่อจิตใจของเราอย่างไรบ้าง

Human right

ทำไมสิทธิมนุษยชนถึงสำคัญนะ?

ถ้าถามว่าทำไมสิทธิมนุษยชนถึงสำคัญ เราว่าเพราะสิทธิมนุษยชนเกี่ยวข้องกับเราทุกคน ไม่ได้เป็นเพียงหลักการและแนวคิดในการบังคับใช้กฎหมายลายลักษณ์อักษรในประเทศต่างๆ แต่เป็นสิทธิที่เราทุกคนพึงได้รับในชีวิตประจำวัน เป็นสิทธิที่ส่งเสริมความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม โดยที่ให้มนุษย์ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระแต่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ทำให้มนุษย์ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียม ไม่เกิดความหวาดกลัวในการใช้ชีวิตและไม่ถูกเลือกปฏิบัติเหมือนในอดีต

ย้อนกลับไปภายหลังจากการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2941 ได้เกิดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีเยอรมันได้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ชนกลุ่มน้อยอย่างโหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนพิการ กลุ่ม LGBTQ+ ฯลฯ นอกจากนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีผู้คนสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากจึงทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชนจนเกิดเป็นปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ (Universal Declaration of Human Rights)

“สิทธิมนุษยชน” ในเรื่องสิทธิส่วนตัวที่ทุกคนพึ่งจะได้รับ

หากพูดถึงสิทธิส่วนตัวที่ทุกคนพึ่งจะได้รับ ในเรื่องของที่เกี่ยวข้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเราขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้

สิทธิในการเลือกนับถือศาสนา 

มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ที่ตนอยากนับถือได้ยังอิสรเสรี ตามที่ตนต้องการ ในอดีตมีหลายประเทศที่หากคุณจะอยู่ในประเทศนั้นต้องนับถือศาสนาตามที่ประเทศนั้นกำหนดค่ะ 

สิทธิในการถือครองทรัพย์สินส่วนตัวอย่างถูกต้อง

ในปัจจุบันทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินส่วนตัวของตัวเองอย่างถูกต้อง โดยไม่มีผู้ใดมาแทรกแซง ซึ่งต่างจากอดีตในบางประเทศหรือบางสังคมหากทำอะไรไม่ถูกใจ คนที่มีอำนาจมากกว่ามีสิทธิที่จะมายึดทรัพย์สินของเราไปได้นั่นเองค่ะ

สิทธิในการทำงานและได้รับค่าจ้าง 

สิทธิในการทำงานและได้ค่าจ้างอย่างถูกต้อง ในสมัยก่อนที่จะมีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ถึงแม้จะมีการเลิกทาสไปแล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในตอนนั้นยังมีการกดขี่ใช้แรงงานโดยที่พวกเขายังไม่ได้รับค่าจ้างอยู่ ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกคนในโลกตระหนักถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ทำให้การกดขี่ใช้แรงงานลดลงไปจนแทบจะไม่เหลือในที่สุด และปัจจุบันเรื่องการกดขี่ใช้แรงงานเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายนั่นเองค่ะ

สิทธิความเป็นส่วนตัว

สิทธิในการไม่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวในชีวิต เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเป็นสิทธิส่วนตัวที่ต้องได้รับความยินยอมก่อนที่จะนำมาเปิดเผย รวมถึงการไม่ถูกแทรกแซงในชีวิตส่วนตัว ในครอบครัว ในบ้านหรือการแอบฟังโทรศัพท์ เป็นสิทธิที่ทุกคนพึงจะได้รับและถูกบัญญัติไว้ในตัวบทกฎหมาย

สิทธิในการเลือกคู่ครองและใช้ชีวิตในครอบครัว

สิทธิในการเลือกคู่ครองด้วยตัวเอง โดยไม่ถูกคลุมถุงชน ในอดีตหลายๆ ประเทศ มักจะถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เพื่อฐานะทางสังคม ความเหมาะสม ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล โดยที่พวกเขาไม่มีสิทธิได้เลือกคนที่รักด้วยตัวเอง

สิทธิในการใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกเลือกปฏิบัติ 

สิทธิในการใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนผิวสี คนพิการ คนที่มีความหลากหลายทางเพศ คนอ้วน หรือใครก็ตามแต่ทุกคนย่อมได้รับสิทธิในการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ต้องไม่ถูกกีดกันและได้รับสิทธิที่พวกเขาควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน

สิทธิในการได้รับปัจจัย 4 ทำให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสม 

สิทธิในการได้รับที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลกก็ตาม

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างบางส่วนที่แสดงให้เห็นถึงสิทธิส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ที่ทุกคนสมควรที่จะได้รับในการใช้ชีวิตอย่างยุติธรรมโดยที่ไม่รู้สึกกลัวและไม่ถูกเลือกปฏิบัตินั่นเองค่ะ

สิทธิที่จะได้รับมีผลต่อจิตใจ

สิทธิมนุษยชนมีผลต่อสภาพจิตใจของเราเป็นอย่างมาก ถ้าเราได้รับสิทธิที่พึงจะได้รับ เราเชื่อว่าสุขภาพจิตของทุกคนบนโลกนี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเราจะรู้สึกปลอดภัยในการใช้ชีวิต และยังจะทำให้ลดความเครียดและความวิตกกังวลภายในจิตใจของเราทุกคนได้ รวมถึงทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เพราะเราสามารถตัดสินใจในการทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่มีใครมากดขี่ข่มเหง เราจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ถูกลดคุณค่า หรือถูกตีตราในสังคม ทำให้เรามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับคนอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและไม่มีปัญหาสุขภาพจิตตามมาค่ะ

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เมื่อคุณเกิดมาบนโลกใบนี้ คุณย่อมได้รับสิทธิ เสรีภาพในฐานะที่คุณเป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่าเทียมกับทุกคน โดยไม่ถูกกีดกันหรือเลือกปฏิบัติ เพื่อที่ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุขโดยแท้จริงค่ะ 


Source 

https://youtu.be/qaPalcNlQ2w?si=ZXl1RR6bDIvtXndH 

https://youtu.be/nesM-OeVkK8?si=F_gJ73mqlN25tMVM 

https://www.amnesty.or.th/latest/blog/62/ 

https://www.amnesty.or.th/our-work/hre/udhr/ 

Related Articles

Food Coma

“หนังท้องตึง หนังตาหย่อน” “Food Coma” อาการง่วงนอนหลังรับประทานอาหารเสร็จ

ไหนใครมีอาการแบบนี้บ้าง ง่วงหลังทานอาหารเสร็จแต่เราต้องกลับมานั่งทำงาน กลับมาเรียนต่อในตอนบ่าย ต้องกินชา กินกาแฟ เป็นตัวช่วยให้ตาสว่าง กลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง หลายคนอาจสงสัยว่าที่เรามีอาการเช่นนี้เพราะเราขี้เกียจหรือเปล่านะ? แต่แท้จริงแล้ว อาจจะเป็นเพราะเรากินอาหารที่มีแป้งและไขมันมากเกินไป รวมถึงกินอิ่มมากเกินไปจึงทำให้เรารู้สึกง่วงนอนนั่นเองค่ะ  อาการนี้เขาเรียกกันว่า “Food Coma” หรือการง่วงหลังจากรับประทานอาหารเสร็จหากฟังดูอาจจะดูเหมือนเป็นอาการที่อันตราย แต่แท้จริงแล้ว อาการนี้ไม่เป็นอันตราย แต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน การเรียน สุขภาพ

White Lies

White Lies โกหกตัวเองและผู้อื่นวันนี้เพื่อความสบายใจ แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างไม่คาดคิด

อย่าโกหกตัวเองเพื่อรักษาความรู้สึกคนอื่น เพราะความรู้สึกของเราสำคัญไม่แพ้ใคร ทุกคนเคยโกหกตัวเองว่ามีความสุขเพื่อให้คนอื่นสบายใจไหมคะ? หลายครั้งที่เราโกหกตัวเองว่าเรายังไหว ไม่เป็นไรแค่นี้สบายมาก เราพูดกับตัวเอง “ฉันโอเค” “ฉันมีความสุข” พยายามหลอกตัวเองให้คิดแบบนั้น เพื่อที่จะแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่า “”ฉันไม่เป็นไร” ทั้งที่ภายในใจแตกสลายและรับอะไรแทบจะไม่ไหวอีกแล้ว แต่เราพยายามยิ้ม พยายามหัวเราะ และบอกคนอื่นว่าไม่เป็นไร เพียงเพราะไม่อยากเป็นภาระผู้อื่นและเพื่อให้คนรอบข้างของเรารู้สึกสบายใจ  การกระทำเช่นนี้เรียกว่า “การโกหกสีขาว” หรือ  “White

World Laughter Day

“เสียงหัวเราะ” เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ

“การหัวเราะ” เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ ทำให้เราคลายเครียด มีความสุขและมองโลกในแง่บวกมากขึ้น เสียงหัวเราะสามารถเปลี่ยนโลกแสนมืดมนของใครบางคน ให้กลับมาสว่างสดใสได้ เคยไหมคะ เวลาเราเห็นใครคนหนึ่ง ไม่สดใสเหมือนเคย เราจะพยายามทำให้เขากลับมายิ้ม กลับมาหัวเราะ เพื่อที่จะทำให้เขากลับมามีความสุขได้อีกครั้ง เสียงหัวเราะจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษที่ทรงพลังที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของผู้คนให้กลับมามีความสุข มีอารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น แม้ในวันที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่ใจเราคิด หรือในวันที่เราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต เสียงหัวเราะ อาจเป็นตัวช่วยให้เราสบายใจขึ้น และเมื่อเราสบายใจ