เพราะเราทุกคนมีความเก่ง
ในแบบฉบับของตัวเอง

เราไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
เพราะเราทุกคนล้วนมี “คุณค่า” และ “เก่ง”
ในแบบฉบับของตัวเอง 

คนเราทุกคนมีคุณค่าและเก่งในแบบของตัวเองไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร แต่จงภูมิใจในตัวเองที่ใช้ชีวิตและเติบโตมาได้อย่างงดงามจนถึงทุกวันนี้

ทุกคนล้วนผ่านอุปสรรคและความท้าทายในชีวิตของตัวเองมาด้วยกันทั้งนั้น ถึงแม้เราทุกคนจะมีประสบการณ์ในชีวิตที่แตกต่างกัน แต่เชื่อเถอะว่าเราทุกคนต้องเคยผ่านเหตุการณ์ที่เป็นบทเรียนในชีวิต เคยแตกสลาย แล้วกลับมายืนหยัดได้ด้วยตัวเองกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น คุณเก่งและมีคุณค่าไม่แพ้ใครเลยนะ 

วันนี้ Mental Life by Chanisara ชวนทุกคนมาเห็นคุณค่าของตัวเอง ภูมิใจในตัวเอง และรู้จักกับภาวะ Impostor Syndrome หรือภาวะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอกันค่ะ 

Impostor Syndrome

เราไม่เก่งพอจริงหรอ?

เคยไหมคะ รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่ดีพอ หลายครั้งที่เราไถฟีดในโซเชียล และเราเห็นคนโพสต์หรือพูดถึงเรื่องนี้ ว่าทำไมฉันไม่ดีพอ หรือฉันทำไมไม่เก่งเหมือนคนอื่น ถามว่าเพราะอะไร? อาจเป็นเพราะเราเล่นโซเชียลเห็นชีวิตในด้านดีๆ เห็นความสำเร็จของคนอื่นมากเกินไป เลยทำให้เรานำมาเปรียบเทียบกับตัวเองและรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ (เรื่องนี้มีพูดถึงไปในหลายบทความที่เราได้เขียนมา) หรือบางคนมักได้รับความชื่นชมว่าตัวเองเก่งจังเลย แต่ความรู้สึกภายในใจกับคิดว่าตัวเองยังไม่ดีพอหรือไม่กล้ารับคำชมนั้น และเราก็แสวงหาความสำเร็จเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะแค่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ และไม่เคยภูมิใจในความสำเร็จของตัวเอง โดยทางจิตวิทยาเรียกภาวะนี้ว่า Impostor Syndrome ภาวะที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งนั่นเอง

ความรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราต้องทำอะไรใหม่ๆ หรือเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเจอ และมีผลวิจัยออกมาว่าส่วนใหญ่คนที่รู้สึกเช่นนี้ มักจะเป็นคนที่เก่งอยู่แล้ว แต่คิดว่าตัวเองเป็นตัวปลอม ไม่ได้เก่งจริงในเรื่องนี้ หรือความสำเร็จที่ได้มาเป็นเพราะโชคช่วย ซึ่งในความเป็นจริงคนบางคนอาจจะเก่งอยู่แล้ว แต่มักคิดว่าตัวเองไม่เก่ง อาจเป็นเพราะผลที่ออกมาไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เขาหวังไว้จึงทำให้คิดเช่นนี้ค่ะ 

ใครมีโอกาสจะเป็น Impostor Syndrome 

Valerie Young ผู้แต่งหนังสือ The Secret Thoughts of Successful Women ได้ศึกษาและพบว่าคนที่มีลักษณะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเก่ง มีลักษณะเหมือนกันแบ่งออกได้ 5 ประเภท ดังนี้

The Perfectionists
คนที่รักความสมบูรณ์แบบ คนที่ตั้งมาตรฐานไว้สูง ทุกอย่างต้องสมบูรณ์ ทุกอย่างจะผิดพลาด หรือล้มเหลวไม่ได้

The Superwoman/Superman
คิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์แมนหรือซูเปอร์วูแมน ทุกอย่างในชีวิตประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน จะเครียดและกดดันเมื่อทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เราคิด

The Natural Genius
คนที่ฉลาดมากๆ เป็นหัวกะทิ โดยส่วนมากคนกลุ่มนี้จะประสบความสำเร็จโดยง่ายหากล้มเหลว ผิดพลาด ผิดหวัง จะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่ดีพอ

The Soloist
เป็นคนที่ชอบทำอะไรให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียว ถ้าให้คนอื่นช่วยจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง

The Expert
คนที่คิดว่าตัวเองรู้จักเข้าใจหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งอย่างดี ข้อมูลต้องพร้อม ต้องมั่นใจถึงจะลงมือทำ

เพราะเราทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง

คนเราทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ล้วนมีคุณค่าในตัวเอง เพราะเราเชื่อว่าทุกคนล้วนผ่านประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน เคยผิดหวัง เสียใจ และเคยแตกสลายกับเรื่องบางเรื่องมาแล้วทั้งนั้น และเราก็เคยสมหวัง มีรอยยิ้มและดีใจมาแล้วด้วยเช่นกัน เวลาของความสุขและความทุกข์ของคนเราแตกต่างกัน 

ชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ไม่มีใครมีชีวิตเหมือนใคร หรือเป็นแบบใครได้ 100%  เพราะทุกคนมีทางเดินเป็นของตัวเอง เราจึงไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะเราก็ต่างได้รับบททดสอบในชีวิตที่แตกต่างกัน แล้วทุกคนก็ต่างเก่งในแบบของตัวเองและเราทุกคนก็มีคุณค่าในตัวเองไม่ต่างกัน บางเรื่องที่เราทำไม่ได้ หรืออาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จดังใจเรา ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เก่งหรือคุณค่าในตัวเราจะลดน้อยลง รักตัวเองให้มากๆ พัฒนาตัวเอง มีทัศนคติที่ดีต่อตัวเอง เราเชื่อว่าสิ่งดีๆ จะเข้ามาหาคุณค่ะ 

5 วิธีกลับมาภูมิใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง

ชื่นชมตัวเองให้เป็น
ภูมิใจในตัวเองชื่นชมตัวเองในสิ่งที่ทำได้แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

ขจัดความคิดในแง่ลบที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อตัวเอง พยายามมองโลกในแง่ลบให้กลายเป็นแง่บวกให้ได้

ลดเวลาเล่นโซเชียลท่องโลกออนไลน์
ลดการเล่นโซเชียล ในช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่ากำลังอ่อนแอ กำลังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ การเล่นโซเชียลจะทำให้เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น 

หันกลับมาดูแลใส่ใจตัวเอง
หันกลับมาดูแลใส่ใจตัวเองทั้งความรู้สึก จิตใจ ร่างกาย ทำตัวเองให้ดีขึ้นและเราจะเห็นคุณค่าและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นค่ะ

พาตัวเองไปเจอโลกใหม่ๆ
พาตัวเองออกไปเจอโลกใหม่ๆ ทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ จะทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองมากยิ่งขึ้นเช่นกันค่ะ 

เราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่เก่งและมีคุณค่าในตัวเอง จงภูมิใจในตัวเองและไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะเราทุกคนมีข้อดีในตัวเองด้วยกันทั้งนั้นค่ะ 


Source

https://www.brightsidepeople.com/  

https://s.lemon8-app.com/s/GvMTfddFrQR 

https://vt.tiktok.com/ZS2hPdnFP/ 

 

Related Articles

Food Coma

“หนังท้องตึง หนังตาหย่อน” “Food Coma” อาการง่วงนอนหลังรับประทานอาหารเสร็จ

ไหนใครมีอาการแบบนี้บ้าง ง่วงหลังทานอาหารเสร็จแต่เราต้องกลับมานั่งทำงาน กลับมาเรียนต่อในตอนบ่าย ต้องกินชา กินกาแฟ เป็นตัวช่วยให้ตาสว่าง กลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง หลายคนอาจสงสัยว่าที่เรามีอาการเช่นนี้เพราะเราขี้เกียจหรือเปล่านะ? แต่แท้จริงแล้ว อาจจะเป็นเพราะเรากินอาหารที่มีแป้งและไขมันมากเกินไป รวมถึงกินอิ่มมากเกินไปจึงทำให้เรารู้สึกง่วงนอนนั่นเองค่ะ  อาการนี้เขาเรียกกันว่า “Food Coma” หรือการง่วงหลังจากรับประทานอาหารเสร็จหากฟังดูอาจจะดูเหมือนเป็นอาการที่อันตราย แต่แท้จริงแล้ว อาการนี้ไม่เป็นอันตราย แต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน การเรียน สุขภาพ

White Lies

White Lies โกหกตัวเองและผู้อื่นวันนี้เพื่อความสบายใจ แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างไม่คาดคิด

อย่าโกหกตัวเองเพื่อรักษาความรู้สึกคนอื่น เพราะความรู้สึกของเราสำคัญไม่แพ้ใคร ทุกคนเคยโกหกตัวเองว่ามีความสุขเพื่อให้คนอื่นสบายใจไหมคะ? หลายครั้งที่เราโกหกตัวเองว่าเรายังไหว ไม่เป็นไรแค่นี้สบายมาก เราพูดกับตัวเอง “ฉันโอเค” “ฉันมีความสุข” พยายามหลอกตัวเองให้คิดแบบนั้น เพื่อที่จะแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่า “”ฉันไม่เป็นไร” ทั้งที่ภายในใจแตกสลายและรับอะไรแทบจะไม่ไหวอีกแล้ว แต่เราพยายามยิ้ม พยายามหัวเราะ และบอกคนอื่นว่าไม่เป็นไร เพียงเพราะไม่อยากเป็นภาระผู้อื่นและเพื่อให้คนรอบข้างของเรารู้สึกสบายใจ  การกระทำเช่นนี้เรียกว่า “การโกหกสีขาว” หรือ  “White

World Laughter Day

“เสียงหัวเราะ” เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ

“การหัวเราะ” เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ ทำให้เราคลายเครียด มีความสุขและมองโลกในแง่บวกมากขึ้น เสียงหัวเราะสามารถเปลี่ยนโลกแสนมืดมนของใครบางคน ให้กลับมาสว่างสดใสได้ เคยไหมคะ เวลาเราเห็นใครคนหนึ่ง ไม่สดใสเหมือนเคย เราจะพยายามทำให้เขากลับมายิ้ม กลับมาหัวเราะ เพื่อที่จะทำให้เขากลับมามีความสุขได้อีกครั้ง เสียงหัวเราะจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษที่ทรงพลังที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของผู้คนให้กลับมามีความสุข มีอารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น แม้ในวันที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่ใจเราคิด หรือในวันที่เราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต เสียงหัวเราะ อาจเป็นตัวช่วยให้เราสบายใจขึ้น และเมื่อเราสบายใจ